ในขณะที่ตลาด Branded Residences ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเติบโตสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ โดยครองส่วนแบ่งตลาด 18% ของโครงการในภูมิภาค จากรายงาน C9 Hotelworks Asia Branded Residences Market Review 2025 พบว่ามูลค่ารวมของโครงการ Branded Residences ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในเอเชียสูงถึง 1.13 ล้านล้านบาท (30.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) สะท้อนความเชื่อมั่นของทั้งนักลงทุนและผู้บริโภคต่ออสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้

Branded Residences หมายถึงโครงการที่อยู่อาศัยที่พัฒนาโดยมีความร่วมมือกับแบรนด์โรงแรมหรือแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับบน ซึ่งกำลังมีบทบาทสำคัญต่อแนวโน้มการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย โดยมีโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนารวม 67,353 ยูนิต จาก 283 โครงการ ประเทศไทยครองตำแหน่งผู้นำ รองลงมาคือฟิลิปปินส์ (12%) และเกาหลีใต้ (11%)

ไทยเป็นศูนย์กลางของการเติบโตในตลาดที่อยู่อาศัยระดับหรู

ประเทศไทยมี Branded Residences รวมทั้งสิ้น 14,389 ยูนิต จาก 63 โครงการ โดยกว่า 66% ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต พัทยา และหัวหิน ขณะที่ กรุงเทพฯ เป็น ตลาดเมือง (Urban Market) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยจำนวน 4,525 ยูนิต จาก 15 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม ระดับบน (Upscale) และ กลุ่มระดับหรู (Luxury)

แม้ว่าโครงการในเขตเมืองยังคงมีราคาสูงต่อตารางเมตร แต่ ตลาดรีสอร์ต (Resort Market) ของไทยมีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มสูง โดยเฉพาะใน ภูเก็ต ซึ่งมีจำนวนโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนามากที่สุดในเอเชีย รวม 3,201 ยูนิต จาก 24 โครงการ ครอบคลุมตั้งแต่วิลล่าหรูขนาดเล็กไปจนถึงคอนโดมิเนียมแบบมีบริการโรงแรมและระบบบริหารจัดการการปล่อยเช่า

ปัจจุบัน ผู้พัฒนาเริ่มหันมาให้ความสนใจใน ทำเลรอง เช่น ระยอง และเขาใหญ่ ท่ามกลางราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวหลัก

การเปรียบเทียบระดับภูมิภาค: ประเทศไหนกำลังไล่ตาม?

แม้ว่าไทยจะยังคงเป็นผู้นำในตลาด Branded Residences ของเอเชีย แต่หลายประเทศก็กำลังก้าวตามอย่างรวดเร็ว โดย เวียดนาม มีแนวโน้มจะขึ้นแท่นผู้นำภายในปี 2571 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 27% จาก 18,197 ยูนิต ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่ง 66% ตั้งอยู่ในเมืองชายฝั่งอย่าง ดานัง และฮอยอัน
ฟิลิปปินส์ มี Branded Residences ทั้งหมด 12,911 ยูนิต โดย 56% กระจุกตัวใน เมโทรมะนิลา
มาเลเซีย มุ่งเน้นการพัฒนาในเขตเมือง โดยเฉพาะ กัวลาลัมเปอร์ และปีนัง
อินเดีย ยังคงเป็นตลาดเมืองแบบ 100% โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ คุร์เคาน์ มุมไบ และปูเน่

ภาพรวมสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่แตกต่างของแต่ละประเทศ โดยตลาดที่เน้นรีสอร์ต เช่น ไทยและเวียดนาม มักเสนอยูนิตขนาดเล็กพร้อมบริการปล่อยเช่า เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนต่างชาติ ในขณะที่ตลาดเมืองอย่างฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินเดีย มุ่งเน้นกลุ่มผู้ซื้อภายในประเทศที่ต้องการอยู่อาศัยจริง

แบรนด์ชั้นนำและพรีเมี่ยม

แบรนด์ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด Branded Residences โดยในเอเชีย แบรนด์โรงแรมระดับหรู เช่น Four Seasons, Ritz-Carlton และ Banyan Tree ครองสัดส่วนตลาดรวม 32% ขณะที่โครงการในกลุ่ม ระดับบน (Upscale) และ ระดับบนค่อนไปทางหรู (Upper Upscale) มีสัดส่วนรวมกัน 47% ด้านแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่ใช่โรงแรม เช่น Porsche และ Etro เริ่มเข้าสู่ตลาดและครองส่วนแบ่ง 4%

ในประเทศไทย Branded Residences ใน ภูเก็ต มีราคาขายสูงกว่าที่อยู่อาศัยทั่วไปที่ไม่ใช่แบรนด์มากกว่า 40% โดยได้รับแรงหนุนจากบริการระดับโรงแรม การออกแบบ และการรับรู้แบรนด์ในระดับนานาชาติ

แม้ว่า 57% ของโครงการจะยังคงตั้งอยู่ร่วมกับโรงแรม แต่เริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นของโครงการแบบแยกอิสระ (Standalone) และ แบบผสมผสาน (Mixed-use) ซึ่งตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มผู้ซื้อยุคใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นและรูปแบบการใช้ชีวิตในเมือง

สถิติเชิงลึกและแนวโน้มการเติบโต

ระหว่างปี 2564–2568 ตลาด Branded Residences ในเอเชีย มีตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR)10% โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ถึงมิถุนายน 2568 จำนวนยูนิตใน pipeline เพิ่มขึ้นจาก 16,548 ยูนิต เป็น 20,832 ยูนิต หรือเติบโตกว่า 25% ภายใน 6 เดือน

ระดับกลุ่มแบรนด์โรงแรมที่เติบโตมากที่สุดคือ กลุ่มระดับหรู (Luxury) 32% และ ระดับบน (Upscale) 30% สะท้อนถึงการลงทุนในวิลล่าหรูและคอนโดมิเนียม Branded Residences ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มในประเทศไทย โดยมีโครงการในกลุ่ม ระดับบน (Upscale) 32% และ กลุ่มระดับหรู (Luxury) 12%

แม้โครงการในเขตเมืองจะมีราคาสูงต่อตารางเมตร แต่โครงการในทำเลรีสอร์ตยังคงให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีกว่า เนื่องจากความต้องการของตลาดปล่อยเช่า และมูลค่าทรัพย์สินในแหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น