เอพีแจงละเอียดยิบความคืบหน้า – วิธีการซ่อม มั่นใจได้ในความปลอดภัยระยะยาว

LIFE Ladprao Valley (ไลฟ์ ลาดพร้าว แวลลีย์) คือโครงการคอนโดสูงจาก เอพี ไทยแลนด์ ที่เป็นกระแสร้อนแรงมากตั้งแต่ช่วงแรกที่เกิดแผ่นดินไหว เนื่องจากโครงสร้างอาคารในส่วนของเสารับน้ำหนักจำนวน 2 ต้น เกิดความเสียหายค่อนข้างเยอะ ด้วยการที่เป็นเสารอง ไม่ใช่เสารับน้ำหนักหลัก และอยู่ที่จุดริมสุดของอาคาร [เสาและผนังรับแรงที่เป็นกระดูกสันหลังของอาคารจะอยู่บริเวณ Core Lift, Core Stair] เมื่ออาคารเกิดการสั่นและบิดตัวจากแผ่นดินไหว จึงทำให้เกิดความเสียหายที่กระทบกับคอนกรีตหุ้มเสาที่แตกออก และเหล็กเส้นที่เสริมภายในเสามีการโก่งงอเป็นบางเส้น ในแบบที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน สร้างความหวาดวิตกให้กับผู้คนทั่วไป โดยเฉพาะลูกบ้านเป็นอย่างมากถึงความแข็งแรงของตัวอาคาร วิธีการแก้ไขซ่อมแซม รวมถึงความปลอดภัยในการใช้อาคาร และถึงแม้ว่าทางเอพี จะเร่งดำเนินการซ่อมแซมในเกือบจะทันทีที่พบความเสียหาย โดยที่ขณะนี้ยังคงมีการดำเนินการซ่อมแก้ไขตาม Process และ Timeline ที่ได้มีการวางแผนร่วมกันกับ ทีมวิศวกรเอพี ผู้ชำนาญการพิเศษ (3rd party) วิศวกรผู้ออกแบบโครงสร้าง และผู้รับเหมา และผู้ควบคุมงาน เข้าทำการแก้ไข ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จทุกขั้นตอนตามหลักการคำนวณเชิงวิศวกรรมข้างต้นประมาณวันที่ 4 เมษายนนี้… แม้กระนั้นก็ตาม เหล่าเจ้าของร่วมและสาธารณชนทั่วไปก็ยังคงตั้งคำถามถึง ความเสียหาย – วิธีในการแก้ไขตามหลักวิศวกรรมที่ถูกต้อง รวมถึงความปลอดภัยในการใช้อาคารในระยะยาว ซึ่งวันนี้ผมได้เข้ามาร่วมสังเกตการณ์การซ่อมแซม พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์โดยคุณมิ่ง วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ และคุณยุทธนา เหล่าแก้ว วิศวกรผู้ออกแบบโครงสร้าง เพื่อตอบทุกประเด็นของเหตุการณ์ในครั้งนี้ ตั้งแต่สาเหตุของปัญหา แนวทางการแก้ไขที่กำลังดำเนินการอยู่ และแนวทางในการสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของการอยู่อาศัยในระยะยาวครับ

โดยขั้นตอนที่เสร็จสิ้นไปแล้วคือ

1. อุดด้วยปูนซีเมนต์ผสมไฟเบอร์เพื่อเป็นวัสดุป้องกันไม่ให้น้ำยา Epoxy pressure grout ที่จะต้องยิงอัดเสริมในตัวเสาไหลออก โดยวัตถุประสงค์การยิงน้ำยา Epoxy เพื่อเข้าไปอุดประสานรอยร้าวเล็กๆ ของเนื้อคอนกรีตเดิม.

2. เข้าแบบหล่อและเทด้วยวัสดุปูนสำเร็จรูปผสมพิเศษชนิดไม่หดตัวและรับกำลังอัดสูง (Non Shrink cement) เพื่อทำให้ได้พื้นที่หน้าตัดเสาเท่าของเดิมก่อน หลังจากนั้นแกะแบบหล่อ ยิงน้ำยา Epoxy pressure grout ซ้ำอีกครั้ง

3. เสริมกำลังเสาด้วยแผ่นเหล็กหนา 25 มม. (1 นิ้ว) มาประกบ รัดรอบเสาให้สูงจากพื้น 3.60 เมตร

4. ยิงน้ำยา Epoxy pressure grout เข้าด้านในระหว่างแผ่นเหล็กกับเนื้อคอนกรีตเดิม

ขั้นตอนที่รอดำเนินการในขั้นต่อไป ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จขัันตอนที่ 5 ประมาณวันที่ 4 เมษายนนี้

5. ขุดดินไปที่ฐานราก (Footing) เพื่อเสริมกำลังเสาด้วยวิธีการเพิ่มขนาดหน้าตัดเสาโดยรอบข้างละ 15 ซ.ม. และใส่เหล็กเส้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 มม. จำนวน 24 เส้น รัดรอบด้วยเหล็กปลอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 มม. ระยะห่าง 0.20 ม. และเทคอนกรีตจาก Footing ไปถึงปลายเสาด้านบน

ซึ่งในที่สุดแล้วขนาดเสาจะใหญ่ขึ้นมาอีก 30 cm. ซึ่งจะมีผลให้รับ Load ได้มากขึ้นกว่าเดิม แข็งแรงกว่าเดิม โดยหลังจากนี้จะมีการ Monitor ในระยะยาวต่อไปเพื่อความมั่นใจในการใช้งาน

ทั้งนี้ประเด็นสำคัญอื่นๆ ที่ผมสรุปมาจะมีดังนี้ครับ

1. สถานะการใช้งานของอาคาร และภาพรวมความปลอดภัยของโครงสร้าง พบการทรุดตัวเพิ่มเติมหรือไม่?

สำหรับสถานะอาคารตามมาตรฐานของกทม.คือเป็นสีเหลือง ได้รับผลกระทบในเชิงโครงสร้าง ยังไม่สามารถเข้าใช้งาน ซึ่งตอนนี้ลูกบ้านสามารถเข้ามาลงชื่อเพื่อเก็บของใช้ส่วนตัวได้ โดยลิฟท์โดยสารสามารถใช้งานได้ 2 ตัว ซึ่งวันนี้ทางทีมงานจากวิศวกรรมสถานฯ ได้เข้ามาติดตามดูค่าระดับและรอยร้าวที่พื้น โดยฝั่งวิศวกรของเอพีได้ใช้ Crack Width Indicator วัดทุก 3 ชั่วโมงว่ามีเปลี่ยนแปลงเพิ่มหรือไม่ ซึ่งพบว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยคาดว่าจะมีการดำเนินการต่อเนื่อง ด้วยการว่าจ้างบริษัทฯสำรวจติดตั้งอุปกรณ์ Monitor อย่างต่อเนื่องเพื่อวัดการเคลื่อนตัวในแนวดิ่งคาดในระยะเวลา 6 เดือน – 1 ปี หรือตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

เช่นเดียวกับมีการตรวจสอบในส่วนของการถ่ายเทน้ำหนักด้วยการจำลองโมเดลใน Software วิเคราะห์โครงสร้างเสา (โดยตอนนี้เสาอื่นๆ ของอาคารได้ทำหน้าที่ในการรับแรงได้ตามปกติ จึงไม่จำเป็นต้องทำเสาค้ำยัน) ซึ่งทางตัวแทนจากวิศวกรรมสถานฯ วันนี้สรุปโดยให้ใจความสำคัญว่าโครงสร้างอาคารที่มีปัญหาไม่จำเป็นที่จะต้องพังเสมอไป แต่มันซ่อมได้ และเชื่อว่าอาคารนี้จะสามารถกลับมารับแรงลม รับแรงแผ่นดินไหวที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ โดยหากมีการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว ทางวิศวกรรมสถานฯ และหน่วยงานโยธาฯ ของกทม.จะเข้ามาตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อคอนเฟิร์มการปลดสถานะจากเหลืองเป็นเขียวต่อไป

2. แนวทางในการให้ความเชื่อมั่นและรับประกันถึงความมั่นคงปลอดภัยระยะยาวเป็นอย่างไร?

หลังจากได้รับการอนุญาตให้เปิดใช้งานอาคารได้ ทางเอพีจะจัดทีมงานในการ Monitor ความปลอดภัยของอาคารในระยะยาว ทั้งในเรื่องของการทรุดตัว และการสร้างแบบจำลองการถ่ายเทน้ำหนักเมื่อมีการใช้งานจริง อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการติดตามผลทุก 6 เดือน ถึง 1 ปี หรือตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

3. การสื่อสารกับกลุ่มลูกบ้านที่เป็นชาวต่างชาติ มีหรือไม่?

ทางเอพี กำลังจะออก Official Statement สำหรับเหตุการณ์นี้ ในภาษาต่างประเทศ โดยเริ่มจาก ภาษาอังกฤษ เพื่อให้ลูกบ้านเข้าใจถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหา

4. ตอนนี้ปัญหาที่ลูกบ้านทุกโครงการที่มีความเสียหายในเชิงสถาปัตย์ภายในห้องก็คือการส่งเรื่องเคลมประกัน ทางเอพี และนิติบุคคล SMART จะมีวิธีการในการช่วยลูกบ้านให้เคลมประกันได้โดยสะดวกไหม?

สำหรับเฟสต่อไปจะเป็นโหมดของการฟื้นฟูงานสถาปัตย์ภายในโครงการ และส่วนของห้องชุด โดยเฉพาะในเรื่องของการประสานงาน เคลมประกัน และขั้นตอนการนัดซ่อมแซมความเสียหายภายในห้องชุดครับ สามารถติดตามรายละเอียดได้อีกครั้งจากเอพีครับ

เนื้อหาทั้งหมดของวันนี้ก็ประมาณนี้ครับ ตอนนี้ทางเอพี ได้ตั้ง AP War Room เพื่อสั่งการ ดำเนินการเร่งแก้ไข และ Monitor ทุกโครงการทั้งอดีต ปัจจุบัน และกำลังก่อสร้าง โดยได้มอบหมายให้ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ 7 ทีม (Third-Party) ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงสร้างอาคารอย่างละเอียด และออกใบรับรองความปลอดภัยลงนามโดยวิศวกรผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อให้ความมั่นใจกับลูกบ้านเอพีคอนโดในการเข้าใช้อาคารได้ตามปกติ ไปหลายโครงการแล้วครับ

ลูกบ้านเอพีในแต่ละโครงการสามารถตรวจสอบได้จากในหน้า Fb AP Thai ที่จะมีการอัพเดทอย่างต่อเนื่องครับ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสำนักงานนิติบุคคลอาคารชุด หรือโทร 1623 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง