วันนี้ทาง Swire Group ได้จัด Exclusive Tour ที่ห้อง Swire Archieves (คล้ายๆกับ Museum ขนาดย่อมเลย) ที่ได้สร้างเสร็จมา 14 ปีแล้ว บนโครงการ Mixed Use Taikoo Place โดย Swire Archieves เป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราวแห่งความทรงจำของทุกกลุ่มธุรกิจภายใต้ Swire Group ซึ่งเก็บรวบรวม Historical Materials ของบริษัทฯในทุกแง่มุมหลังจากที่ทำธุรกิจมายาวนานกว่า 200 ปี เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจและประวัติศาสตร์ของทางบริษัทฯให้กับผู้คนทั่วไปครับ

จุดเริ่มต้นของ Swire เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 1816 เมื่อ John Swire of Liverpool เริ่มต้นทำธุรกิจ import – export business ใน Liverpool ก่อนที่จะเริ่มขยายธุรกิจมาสู่เซี่ยงไฮ้ ภายใต้บริษัท John Swire & Son ในปี 1851 กับลูกชายคนเล็ก William Hudson Swire เมื่ออายุครบ 21 ปี ก่อนที่จะเริ่มทำธุรกิจ Texttile Trading ภายใต้ชื่อ Butterfield & Swire และเริ่มตั้งออฟฟิศที่ฮ่องกงในปี 1870 โดยเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวฮ่องกงในนาม Taikoo คือชื่อของ Swire ในภาษาจีน ที่สื่อหมายถึง ความโชคดี ความยิ่งใหญ่ มีอายุยืนยาว หากแปลตรงตัวก็จะหมายถึงส้มแมนดารินผลใหญ่ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเพราะปัจจุบันธุรกิจได้เข้าสู่ Generation ที่ 7 ของ Swire แล้ว

ในปี 1872 บริษัทฯได้เริ่มธุรกิจเดินเรือ และขนส่งสินค้าภายใต้ชื่อ The China Navigation Company (CNCo) ด้วยการให้บริการบนเส้นทางแม่น้ำYangtze และชายฝั่งทะเลจีน

ในปี 1881 ทางกลุ่ม Swire ได้ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่บริเวณ Quarry Bay ซึ่งเป็นทำเลชายฝั่งที่สามารถนำเข้าน้ำตาลได้ง่ายจากการเดินเรือ และทาง John Samuel Swire ได้เริ่มต้นก่อตั้งธุรกิจ The Taikoo Sugar Refining Company ซึ่งมีขนาดใหญ่ที้สุดในเอเชีย ในปี 1925 โดยภายในพื้นที่บริษัทเป็นเหมือนกับเมืองขนาดย่อมที่มีทั้งที่พักของพนักงาน, ท่าเรือ, โรงกลั่นน้ำตาล,.โรงเรียนรัฐแห่งแรกในย่าน Quarry Bay โดยตึกนี้ในปัจจุบันได้ถูกอนุรักษ์เอาไว้และเปลี่ยนเป็นหน่วยงานด้านการพัฒนาเยาวชนของรัฐ , อ่างเก็บน้ำ เพื่อใช้ในการผลิตน้ำตาล กับน้ำอัดลม Coca Cola และเครือข่าย Cable Car ระหว่าง Worker Village ไปสู่โรงงาน และสถานที่ต่างๆรอบๆ Site รวมถึงมี Taikoo Sanitarium เพื่อใช้ในการรักษาพยาบาลพนักงานทั้งหมด

สำหรับฝั่งตะวันออกของ The Taikoo Sugar Refinery ทางบริษัทฯได้เริ่มพัฒนาธุรกิจอู่ต่อเรือในช่วงปี 1907 ซึ่งได้กลายเป็นแหล่งงานที้ใหญ่ที่สุดของฮ่องกงในช่วงนั้น โดยมีครบครับทั้ง บ้านพักสมัยใหม่ Recreational Facilities และ Free School สำหรับลูกหลานพนักงาน ซึ่งที่นี่นับว่าเป็นต้นแบบของโครงการ Mixed Use แห่งแรกในฮ่องกง และในปัจจุบันก็ได้ Transform เป็นพื้นที่โครงการ Taikoo Place ที่ทยอยพัฒนาในระยะยาว โดยหลายแปลงที่เคยกลุ่มอาคารเก่า และ Worker Village ก็ได้ตัดแบ่งขายให้ Developer รายอื่นๆเพื่อพัฒนาโครงการแฟลตมาหลายสิบปีแล้ว

ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 1947 กลุ่มบริษัทฯได้ขยายธุรกิจไปสู่การเดินอากาศ ด้วยการตั้งบริษัท Pacific Air Maintenance & Supply Company ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Hongkong Aircraft Engineering Company ในปี 1950 ในจังหวะไล่เลี่ยกับการก่อตั้งสายการบิน Cathay Pacific ที่ทาง Swire ได้ไปลงทุนในบริษัทที่ก่อตั้งโดยนักบิน 2 คนในปี 1946 ซึ่งได้ตั้งสำนักงานในการขายตั๋วที่โรงแรมเพนนินซูล่า เนื่องจากสมัยนั้นค่าตั๋วแพงมาก

เนื่องจาก Quarry Bay ยังมีที่ดินเหลืออยู่อีกมาก ดังนั้นทาง Swire จึงเห็นโอกาสในการก้าวสู่ตลาดเครื่องดื่ม Coca Cola ด้วยการตั้งโรงงานผลิต และบรรจุจวด ด้วยข้อได้เปรียบของการมีอ่างเก็บน้ำเป็นของตัวเองในปี 1965 โดยในปัจจุบันบริษัทคือผู้ผลิตและบรรจุขวดรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยได้สัมปทานการผลิตและจัดจำหน่าย ทั่วทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ อเมริกา และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Quarry Bay Transformation – Taikoo Place ต้นแบบของการพัฒนาเมืองในรูปแบบ Urban Redevelopment ที่เริ่มต้นขึ้นในปี 1972

ย้อนกลับไปในช่วง 50 ปีก่อน พื้นที่ Taikoo Place (ไทคู เพลส) ได้เกิดการพัฒนาฟื้นฟูจากอู่ต่อเรือ และโรงกลั่นน้ำตาล สู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจของฮ่องกง โดยมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งพื้นที่ Taikoo Place เป็นโครงการพัฒนาเมืองที่สร้างขึ้นมาใหม่ หรือที่เรียกว่า Urban redevelopment ที่รับผิดชอบการพัฒนาโดยกลุ่มบริษัท Swire Properties โดยการพัฒนาจะอยู่บนพื้นที่ราวๆ 6 ล้านตารางฟุต หรือ ประมาณ 557,418 ตารางเมตร ซึ่งการพัฒนาเมืองในครั้งนี้จะประกอบไปด้วยอาคารออฟฟิศจำนวนกว่า 10 อาคาร ที่ถูกออกแบบให้สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าที่สถานี Tai Koo และ Quarry Bay ได้ Taikoo Place จึงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางธุรกิจที่คึกคักและทันสมัยที่สุดในฮ่องกง โดดเด่นด้วยแนวคิดการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน ปัจจุบันเป็นที่ทำงานของพนักงานกว่า 35,000 คน จากบริษัทข้ามชาติกว่า 200 แห่ง รวมถึงบริษัทชั้นนำระดับโลกในกลุ่ม Fortune 500 ซึ่งบริษัทชั้นนำที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ Taikoo Place ก็มีอย่างเช่น Berkshire House, Cambridge House, Devon House, Dorest House, Lincoln House, One Island East, One Taikoo Place, Oxford House, PCCW Tower และ Two Taikoo Place

โครงการนี้ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน 10 อาคาร ที่เชื่อมต่อถึงกันด้วยทางเดินยกระดับที่ติดตั้งระบบปรับอากาศ ครอบคลุมพื้นที่สำนักงานรวมกว่า 7 ล้านตารางฟุต (650,320 ตารางเมตร) นอกจากพื้นที่สำนักงานระดับพรีเมียมแล้ว Taikoo Place ยังเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งด้านธุรกิจและไลฟ์สไตล์ พื้นที่สีเขียวขนาดกว่า 70,000 ตารางฟุต (6,503 ตารางเมตร) ไม่ว่าจะเป็น Taikoo Park (ไทคู พาร์ก), Taikoo Garden (ไทคู การ์เดน) และ Taikoo Square (ไทคู สแควร์) ถูกออกแบบมาอย่างกลมกลืนกับพื้นที่การใช้งานด้วยพื้นที่สวนที่มีภูมิทัศน์สวยงาม มีร้านอาหาร และร้านกาแฟจำนวนมาก นอกจากนี้พื้นที่ Taikoo Place ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ และพื้นที่สำหรับพักผ่อนที่มีความหลากหลาย รวมถึงมีพื้นที่ Co-Working Space ขนาดกว่า 30,000 ตารางฟุต (หรือประมาณ 2,800 ตารางเมตร) ArtisTree (อาร์ทิสทรี) พื้นที่จัดแสดงศิลปะและการแสดง Blueprint (บลูพรินท์) โคเวิร์กกิ้งสเปซทันสมัย และคลับส่วนตัวสำหรับสมาชิก The Refinery (เดอะ รีไฟเนอรี) รวมถึงร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่หลากหลายรูปแบบ โครงการตั้งอยู่ใกล้กับ Cityplaza (ซิตี้พลาซ่า) ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะฮ่องกง ซึ่งสามารถเดินถึงได้ภายใน 5 นาที ทั้งยังอยู่ใกล้กับโรงแรมระดับพรีเมียม EAST Hong Kong (อีสต์ ฮ่องกง) และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ EAST Residences (อีสต์ เรสซิเดนซ์)

Taikoo Place ยังโดดเด่นในด้านความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน โดยเป็นโครงการแรกในฮ่องกงและเขต Greater Bay Area ที่ได้รับการรับรอง Final Platinum ตามมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ฉบับ 4.1 ในหมวดหมู่ Communities: Existing โดย One Taikoo Place (วัน ไทคู เพลส) เป็นอาคารสำนักงานแห่งแรกในฮ่องกงที่ได้รับการรับรองระดับ Platinum ถึง 3 มาตรฐาน ได้แก่ WELL, BEAM Plus และ LEED Final Platinum ขณะที่ Two Taikoo Place (ทู ไทคู เพลส) เป็นอาคารแรกในฮ่องกงที่ได้รับการรับรอง Platinum ทั้งในด้าน WiredScore และ SmartScore พร้อมทั้งได้รับรางวัล Urban Land Institute 2024 Asia Pacific Awards for Excellence

ในปัจจุบัน Swire group มีการดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ แยกเป็น 5 กลุ่มดังนี้

1) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Property) ที่บริษัท Swire Properties ถือเป็น 1 ใน Landlord ที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง โดยเน้นการพัฒนาโครงการ Mixed Use เป็นหลัก นอกจากนั้นทาง Swire ยังเป็นเจ้าของโรงแรมอีกหลายแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม 2 แห่ง ในฮ่องกง 3 แห่งใน Mainland China รวมไปถึงมีโรงแรมใน USA ด้วย

2) ธุรกิจการบิน (Aviation) ดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อ Cathay Group ที่เป็นเจ้าของสายการบิน Cathay Pacific และยังเป็นเจ้าของ HAECO หรือ Hong Kong Aircraft Engineering Company ซึ่ง HAECO ก็เป็น 1 ใน Services Provider ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

3) ธุรกิจเครื่องดื่ม (Beverage) โดยทาง Swire ได้รับสัมปทานในการผลิตจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม Coca Cola ใน 11 มณฑลหลักของจีน รวมถึง ฮ่องกง ไต้หวัน เวียดนาม และกัมพูชา

4) ธุรกิจด้านสุขภาพ (Healthcare) ซึ่งทาง Swire ก็ได้มองหาโอกาสใหม่ๆในการขยายธุรกิจ ผ่านการลงทุนในโครงการอสังหาเพื่อสุขภาพ และโรงพยาบาล ในต่างประเทศ อาทิ Columbia China Healthcare, Shenzhen New Frontier United Family Hospital, DeltaHealth, และ Indonesia Healthcare Corporation

5) ธุรกิจการค้า ส่งออก อาหาร และอุตสาหกรรมการผลิต (Trading & Industrial) ซึ่งจะประกอบไปด้วยบริษัท Swire Resources เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าด้านกีฬาและรองเท้า, Taikoo Motors ธุรกิจด้านยานยนต์ โดยมีตลาดหลักในไต้หวัน, Swire Foods ธุรกิจด้านอาหาร และ Swire Environmental Services ธุรกิจในด้านความยั่งยืน