LPP ชู LSS บริษัทในเครือส่งมอบบริการดูแลความปลอดภัย เชื่อมโยงเทคโนโลยี Smart Security ตอบโจทย์ทุกกลุ่มธุรกิจ
LPP ส่งบริษัทลูก LSS รุกตลาดธุรกิจรักษาความปลอดภัย รับสัญญาณการขยายตัวต่อเนื่อง เดินหน้าอัพเกรดเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัย รับแจ้งเตือน ป้องกัน และควบคุมเหตุแบบเรียลไทม์ ในรูปแบบ Smart Security ประสานผ่านศูนย์บริหารจัดการ EOC ที่พร้อมปฏิบัติงาน 24 ชม. พร้อมโชว์ผลประกอบการคาดปีนี้มีรายได้ 345 ล้านบาท เติบโตขึ้น 23%
นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPP ผู้นำในธุรกิจบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจรักษาความปลอดภัย มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการขยายตัวในด้านดีมานด์หรือความต้องการใช้บริการธุรกิจบริหารจัดการโครงการอสังหาฯ และอาคารเชิงพาณิชย์ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสบาย เสริมความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการได้อุ่นใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน จากเหตุไม่คาดคิดและสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญในเรื่องของเทคโนโลยี AI รูปแบบ Smart Security จึงช่วยเพิ่มโอกาสให้กลุ่มธุรกิจรักษาความปลอดภัยมีการขยายตัวสูงขึ้น
“จากการที่ LPP ได้ทำวิจัยด้านความต้องการและความคาดหวังของลูกบ้านเพื่อพัฒนาและปรับปรุงบริการ พบว่าลูกบ้านให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยมาเป็นอันดับต้นๆ โดยคำว่า “ความปลอดภัย” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่ความปลอดภัยในทรัพย์สิน หรือการทำร้ายร่างกาย หากแต่รวมไปถึงเหตุไฟไหม้ น้ำท่วมภายในอาคาร หรือเหตุอุทกภัยที่ทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้อง LPP จึงได้ออกแบบงานบริการด้านความปลอดภัย ภายใต้แบรนด์ LSS หรือ บริษัท รักษาความปลอดภัย แอลเอสเอส โซลูชั่นส์ จำกัด เป็นอีกหนึ่งธุรกิจในเครือ LPP เมื่อเดือนตุลาคม 2563 เพื่อตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยได้อย่างครอบคลุม”
ตลอดระยะเวลาดำเนินการ LSS ได้มีการเปลี่ยนแปลง ปรับตัว และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการดูแล ทั้งด้านความปลอดภัยทางกายภาพ รวมถึงการรักษามูลค่าโครงการผ่านกระบวนการ ‘Property Continuity Plan’ เพื่อให้มีระยะเวลา Downtime ในการใช้พื้นที่น้อยที่สุดเมื่อเกิดเหตุร้าย โดยการมุ่งเน้นฝึกอบรมบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญในการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด มีการวางแผน เตรียมตัว และซักซ้อม ในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับอาคาร ค่าใช้จ่าย และระยะเวลาในการ recover รวมถึงการมี supplier ที่พร้อมเข้าซ่อมแซมในการกลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว ทั้งนี้ควบคู่กับการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดูแลรักษาความปลอดภัยแบบ Real-Time เพื่ออำนวยความสะดวกสบาย ลดความสูญเสียและเสียหาย ให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้น อย่างการนำเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ Next Gen CCTV, AI, IoT ฯลฯ เข้ามาประสานการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ทั้งในแง่ของการวิเคราะห์ข้อมูล การตรวจจับความผิดปกติ และระบบป้องกัน
นายสุรวุฒิ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันผลการดำเนินงานของ LSS ในปี 2567 มีการเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถครองสัดส่วนรายได้รวมของกลุ่มบริษัท LPP อยู่ที่ประมาณ 30% หรือคิดเป็นรายได้รวมของ LSS ในปีนี้ประมาณ 345 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2566 ที่ผ่านมา 23% ที่มีรายได้ประมาณ 280 ล้านบาท และคาดการณ์ในปี 2568 LSS จะมีรายได้ประมาณ 400 ล้านบาท เติบโตขึ้นอีกประมาณ 10% ตามแนวโน้มความต้องการในบริการของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น นายสุรวุฒิ กล่าว