เจาะลึกเทรนด์อสังหาฯ โตแรง ปักธง ‘ความยั่งยืน – ไลฟ์สไตล์ – โลว์คาร์บอน’ โอกาส & ทางรอด แห่งอนาคต
ท่ามกลางความกังวลถึง “หนี้เสีย” และ “สต็อกบ้านและคอนโด” เหลือขายในระบบมากเป็นล้านล้านบาทที่ยังรอการแก้ไข ในอีกด้านของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย กลับพบว่ายังมี “โอกาส” อีกมากมายรออยู่ “เจาะเทรนด์ใหม่อสังหาฯ” เวทีระดมแนวคิดจาก “ตัวจริง” ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ร่วมกันถ่ายทอดมุมมอง กลยุทธ์ทางธุรกิจ และที่พลาดไม่ได้ก็ คือ เทรนด์ที่กำลังมาแรง ซึ่งเป็นหนึ่งในช่วง Prop2Talk ไฮไลต์ของ งานเสวนากรุงเทพจตุรทิศ 2567 Property เจอหนี้ 10 ปีอสังหาฯไทยกลับไปไม่เหมือนเดิม เมื่อ 19 กันยายน 2567 ณ สยามสแควร์วัน โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ
‘Super Young Generation’ เปย์บ้านหรู ‘เอสซี แอสเสท’
จากอายุ 40+ ที่เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของคนซื้อบ้าน วันนี้ต้องหลีกทางให้กลุ่ม Under 30 ที่กำลังมาแรงไม่หยุด กำลังซื้อบ้านหรูจากกลุ่มนี้มีอายุตั้งแต่ 26, 27, 28, 30, 32, 33, 37, 38 ปี ที่ความสำเร็จจากธุรกิจในโลกออนไลน์ มีไลฟ์สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความพร้อมในการซื้อบ้านลักชัวรี (Luxury) ราคาเริ่มต้น 80-150 ล้านบาท “ลูกค้าที่ซื้อ 80% เป็นคนอายุน้อยกว่า 40 ปี และในจำนวนนี้ มีมากถึง 50% ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี”
ณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด (Head of Marketing) บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า SC ทำวิจัยมาเป็นเวลา 2 ปี จากข้อมูลที่ได้ทำให้เห็นว่าบ้านที่ทำอยู่วันนี้ และปัจจัยในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าจะไม่เหมือนเดิมแล้วจากการใช้โซเชียลมีเดีย และ ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่เป็น Old values เช่น ทำเลที่ตั้ง ลูกค้าจะมั่นใจว่าได้บ้านในทำเลที่ต้องการจริงๆ อาจต้องปรับไปตามกลยุทธ์ของแต่ละบริษัทฯ ขณะที่ “New values” สิ่งที่เติมเข้าไปให้กับลูกค้ายุคใหม่ เอสซีฯ จะใช้หลักคิด MLW ว่าด้วยเรื่องของ Mind, Lifestyle และ Health and Well-being
“Mind” หลังจากทำงาน เมื่อกลับบ้านแล้วลูกค้าต้องการอะไรบ้างที่มาช่วยชาร์ตพลัง ซึ่งสิ่งที่นำเสนอ คือ my space , my joy ไม่ว่าจะอยู่คนเดียว สองคน หรืออยู่รวมกันสามเจนเนอเรชัน ต่างก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวอย่างในการทำกิจกรรม เช่น วาดรูป
นอกจากนี้ ที่ขาดไม่ได้คือ “Connected layout” สเปซที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว , “Small oasis” พื้นที่สีเขียว การใส่สวนขนาดเล็กเข้าไปสำหรับเป็นพื้นที่พักผ่อน
“Lifestyle” ในยุคนี้คนสะสมของมากขึ้น การมีแพสชัน รูม (Passion Room) สำหรับดีไซเนอร์ทอยส์ รถยนต์ กระเป๋า และรองเท้า, ห้องที่มีไฟเปลี่ยนสีปรับเปลี่ยนตามอารมณ์ และ Lifestyle kitchen ไว้ทำขนมอบ อาหาร รวมทั้งสร้างคอนเทนต์สร้างรายได้จากออนไลน์
“Health and Well-being” แนวโน้มครอบครัวที่เล็กลง แต่ต้องการพื้นที่รองรับกิจกรรมที่ชื่นชอบกลับมีมากขึ้น พร้อมกันนี้ บ้านยังต้องระบบป้องกันฝุ่น ห้องน้ำมีราวจับสำหรับผู้สูงอายุ และรถเข็นสามารถเข้าไปได้ ไปจนถึงมีลิฟต์สำหรับขึ้นลงแต่ละชั้น
“SC ไม่ได้ทำบ้านเท่านั้น แต่ทำโปรเจกต์ One size does not fit all เช่น บ้านคนโสด บ้านเกมเมอร์ และล่าสุดเปิดตัว บ้าน Introvert และ Extrovert ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นสำหรับไลฟ์สไตล์ และเป็นบ้านที่หาไม่ได้จากที่อื่น” ณัฏฐกิตติ์ กล่าว
‘ความยั่งยืน’ คำตอบในทุกก้าวเดิน ‘แสนสิริ’
“ความยั่งยืน (Sustainability) เป็นเรื่องใกล้ตัว แต่การแอคชั่น (ลงมือทำ) นั้นไม่ง่าย จะเกิดขึ้นได้อยู่ที่การใส่ใจอย่างจริงจัง ไม่ใช่สิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่ในมิติของสังคมด้วย”
ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) สะท้อนมุมมองของการเดินหน้าธุรกิจควบคู่กับความยั่งยืน กลยุทธ์เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของ “แสนสิริ” มุ่งทำใน 3 เรื่องหลัก
เรื่องแรก การก้าวไปสู่องค์กรคาร์บอนต่ำ โดยบริหารจัดการเสียหรือการกำจัดของเสีย (Waste Management) อย่างมีประสิทธิภาพ
เรื่องที่สอง การจัดซื้อจัดจ้างที่วางแนวทางการใช้พลังงานจากธรรมชาติมากขึ้น โดยร่วมกับพาร์ทเนอร์ และ ซัพพลายเออร์ ในการปรับวิธีการทำงาน และทำไปด้วยกัน เช่น สัญญาที่ชัดเจนถึงวัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สีกันความร้อน ที่ใช้ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การติดตั้งแผงโซลาเซลล์ (Solar Panel) ซึ่ง แสนสิริ เตรียมทยอยติดตั้งให้กับลูกบ้าน 3,200 หลังภายในปีนี้
เรื่องที่สาม การก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green construction) แสนสิริ มีโรงงานพรีคาสท์สีเขียว 4 แห่ง ในไทย ซึ่งเป็นโรงงานผลิตที่มีการจัดการขยะ และนำขยะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล พร้อมกันนี้ก็ได้จับมือกับ ทีพีไอ ในการนำกรีนซีเมนต์รักษ์โลกเข้ามาใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
ทั้งหมดที่กล่าวมาจะนำองค์กรไปสู่เป้าหมาย ในปี 2023 สร้างบ้านประหยัดพลังงาน (Low energy home) สามารถลดก๊าซเรือนกระจก 20% ปี 2030 บ้านคาร์บอนต่ำ (Low carbon home) ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 50%, และ Net zero home ในปี 2050 ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ นอกจากด้านสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ต้องใส่ใจมิติทางสังคมด้วย ซึ่ง “แสนสิริ” ทำโครงการดูแลการศึกษาเด็กในไทย Zero Dropout ปี 3 ที่จังหวัดราชบุรี, Life equality สนับสนุนด้านความเท่าเทียม ปีที่ 6 และ Sansiri Academy จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 18