ทบทวนสถานะหนี้ครัวเรือนไทย ดร.ประศาสน์ ตั้งมติธรรม
การวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนไทยมีมาและเป็นไปในทางที่รุนแรงขึ้นมาตลอด การ มองในมุมอื่น ๆ แทบจะไม่มีเลย ลักษณะที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นแนวทางแรกคือ อัตราส่วนหนี้ครัวเรือน ต่อจีดีพีสูงขึ้นมาตลอด แต่ว่าไม่อาจบอกได้มันถึงจุดที่อันตรายจริงหรือไม่ การพิจารณาด้วยสัดส่วน หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีอาจดูได้จากประเทศอื่น ๆ ที่มีสัดส่วนต่าง ๆ กัน ทั้งนี้ก็ต้องให้สังเกตุด้วยว่า สัดส่วนตัวนี้ในระดับต่าง ๆ กันขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกันอย่างไรบ้าง
ตัวอย่างแรกดูได้จาก Figure 1 ของสหรัฐอเมริกาที่มีสัดส่วนสูงสุดที่ประมาณ 100 % ในช่วง วิกฤติการเงินสหรัฐอเมริกาและค่อย ๆ ลดลงมาสู่ภาวะเสถียรภาพที่ 75-80 % โดยมีสินเชื่อผ่อนบ้าน เป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดราว 70% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมดดังแสดงใน Figure 2 มาเลเซียมีสัดส่วนหนี้ ครัวเรือนต่อจีดีพีที่ 84.7% ณ สิ้นปี 2023 (Arfa 2024) โดยเป็นสินเชื่อผ่อนบ้านราว 60% และสินเชื่อ ผ่อนรถยนต์ราว 13% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด สินเชื่อผ่อนรถยนต์ของมาเลเซียเป็นการสนับสนุนกิจ การ ProtonSaga แห่งชาติ โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระยาวถึง 9 ปี สิงคโปร์มีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ จีดีพีที่ราว 53% ณ เดือนมีนาคม 2024 โดยมีสัดส่วนสินเชื่อผ่อนบ้านราว 75% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด แต่หนี้สินประเภทอื่น ๆ มีสัดส่วนน้อยมาก ทั้งนี้เนื่องจากชาวสิงคโปร์เดินทางด้วยรถยนต์เพียงส่วนน้อย แต่สิงคโปร์ก็เคยมีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูงถึง 96% ในช่วงปี 2003-2007 อันเป็นช่วงที่ชาวสิงค โปร์แห่กันซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงที่เศรษฐกิจดี เมื่อประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สัดส่วนนี้ก็ลดลงตาม ลำดับ ออสเตรเลียมีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูงสุดที่ราว 120% ในช่วงปี 2017-2020 ด้วยสาเหตุ ของ housing boom ทั้งนี้เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีสัดส่วนสืนเชื่อที่อยู่อาศัยสูงถึงราว 60% ของ สินเชื่อรวมและเพียงแค่สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียวก็คิดเป็นสัดส่วนถึงราว 100% ของจีดีพีแล้ว ดังแสดงใน Graph 1 แต่สินเชื่ออื่น ๆ มีสัดส่วนน้อยมาก
ดังนั้น สิ่งที่บรรยายข้างต้นพอจะสรุปได้ว่า ประเทศที่มีการขยายตัวของจีดีพีสูง สัดส่วนหนี้ครัว เรือนต่อจีดีพีจะไม่สูงมาก ถัดจากนั้นต้องดูว่าประเทศนั้น ๆ มีสินเชื่อประเภทอื่น ๆ ที่ให้แก่ครัวเรือน อย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ เช่น มาเลเซีย เป็นต้น
ในส่วนของไทยนั้น Thansin (2024) ได้รวบรวมไว้ละเอียดค่อนข้างทุกแง่ทุกมุม สัดส่วนหนี้ ครัวเรือนต่อจีดีพีของไทยได้สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขุดสูงสุดที่ราว 97% ในปี 2020 หลังจากนั้นก็เริ่มลดลง มาเหลือราว 91 %
Figure 10 แสดงสัดส่วนขององค์ประกอบต่าง ๆ ที่รวมเป็นหนี้ครัวเรือนทั้งหมด หนี้ครัวเรือนที่ เป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีราว 36 % ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลเดียวที่ตัวเลขในรูปตรงกับ ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนข้อมูลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของธนาคาร แห่งประเทศไทยอยู่ที่ 11.5% ซึ่งต่ำกว่าในรูปและข้อมูลสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคของธนาคารแห่ง ประเทศไทยอยู่ที่ราว 29% ซึ่งสูงกว่าข้อมูลในรูปเป็นอย่างมาก