อาคาร Mixed-use แนวคิดใหม่ กลางกรุงปารีส
อาคาร PONG อาคารมิกซ์ยูส ที่มีพื้นที่กว่า 7,950 ตารางเมตร โดย Bond Society, CALQ\
ภาพจาก: Archdaily, 11h45
อาคารเลขที่ 12 ถนน Cambronne ในเขตที่ 15 ของกรุงปารีส ความเปลี่ยนแปลงของการก่อสร้างอาคาร ตั้งแต่ในช่วงปี 1970 โดยสถาปนิก Marcel roux เพื่อใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ ADOMA สะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบสถาปัตยกรรมของช่วงเวลานั้น ขององค์ประกอบที่มีความชัดเจน เช่น facade ด้านหน้าอาคารที่เป็นคอนกรีต Prefab ที่จะครอบคลุมในทุกมิติของตึก ตัวอาคารมีปริมาตรที่แตกต่างกัน 3 ส่วน (ฐานที่ยื่นออกจากถนนเล็กน้อย, มีบาร์ และตัวตึก) แยกออกจากกันโดย hollow-jointed (ชั้นล่าง และG+4) ภายใต้โปรเจกต์ใหม่ที่นำโดย Covéa Immobilier องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมจะได้รับการรักษาและอนุรักษ์เอาไว้
ภาพจาก: Archdaily, 11h45
โดยพื้นที่ออฟฟิศหรือสำนักงานถูกใช้สำหรับพื้นที่ทำงาน โดยชั้นล่างเป็นพื้นที่เปิดรับสู่เมือง ขณะที่ชั้นใต้ดินก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่มีเพดานสูงรองรับกิจกรรมสาธารณะ ซึ่งขอเสนอนี้เป็นการทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างอาคารกับเมือง
ภาพจาก: Archdaily, 11h45
เพื่อให้ทันกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลง อาคาร Pong ได้นำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ ทั้งพื้นที่ Co-living และ Co-working ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปรับเข้าสู่บริษัทรุ่นใหม่ นอกจากนี้ตัวอาคารยังมีพื้นที่กว่า 1,100 ตารางเมตร สำหรับกิจกรรรมสาธารณะ คาเฟ่ และพื้นที่พบปะกัน
ภาพจาก: Archdaily, 11h45
พื้นที่ Co-living ถูกพัฒนาโดยสตาร์ทอัพ โดยจะตั้งอยู่ส่วนด้านบนของอาคาร (G+5 ถึง G+13) และมีพื้นที่ต้อนรับบนชั้นดาดฟ้า โดยมีหน่วยงาน Bond Society ช่วยซัพเพอร์ในการใช้พื้นที่ใหม่อันนี้ ซึ่งคอนเซปท์ถูกพัฒนาโดยสถาปนิก ที่ยึดความเป็นส่วนตัวที่มีหลายระดับแตกต่างกัน เช่น พื้นที่ใช้งานร่วมกัน คือ พื้นที่ล็อปปี้ ลานกีฬา และซักล้าง พื้นที่กึ่งส่วนตัว คือ พื้นที่นั่งเล่นร่วมกัน และพื้นที่เป็นส่วนตัว คือ พื้นที่ภายในแต่ละห้อง
ภาพจาก: Archdaily
โดยแผนผังชั้นจะสร้างความมีชีวิตชีวาของผู้เช่า โดยจะมีการจัดพื้นที่อยู่ล้อมรอบ Core โครงสร้างอาคารตรงกลาง มีพื้นที่เสริมความแข็งแรง และฉากกั้นเสียงระหว่างห้องนอนแต่ละห้อง (โดยจะสงวนไว้สำหรับการแยกห้อง) เพื่อยืนยันว่าจะสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัย
ภาพจาก: Archdaily
ห้อง Duplex 8 ห้องมีจำนวน 12 ห้องนอน มีขนาดตั้งแต่ 16 ตารางเมตร จนไปถึง 32 ตารางเมตร มีพื้นที่นั่งเล่นมาพร้อมระเบียงสูง 2 ชั้น โดยแต่ละห้องจะมีที่อาบน้ำของตัวเอง และบางห้องมีพื้นที่ครัว ทำให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในห้องได้จริง ซึ่ง Bond Society ได้ออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ทำพิเศษขึ้นมาสำหรับห้องนอนทุกห้องรวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อมอบความเป็นบ้านและความแตกต่าง เช่น โต๊ะ พื้นที่เก็บของ และที่นั่ง ซึ่งรูปแบบที่อยู่อาศัยระดับกลางและความเป็น Co-living จะช่วยดึงดูดผู้เช่าที่จะได้ประโยชน์จากการบริการ