ครั้งแรกในไทย! “แสนสิริ” จับมือ “หัวเว่ย” “ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย)” และ “ไอออน” ส่งแคมเปญ ‘SOLAR to ZERO’ ปลดล็อกสินเชื่อโซลาร์ ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน – ปฏิวัติภาคอสังหาฯ เข้าถึงพลังงานสะอาดสู่เป้าหมาย NET-ZERO วางเป้าติดตั้ง 10,000 หลัง ลดคาร์บอน 42,000 ตัน ภายใน 5 ปี-
– “แสนสิริ” ย้ำเบอร์หนึ่งติดตั้งแผงโซลาร์ 100% มากที่สุดในวงการอสังหาฯ
– ครั้งแรกในไทย! จับมือ 3 พันธมิตรชั้นนำ ‘หัวเว่ย’ (HUAWEI) ‘ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย)’ (ICBC (Thai) Leasing) และ ‘ไอออน’ (ION) เปิดตัว “SOLAR to ZERO” แคมเปญสินเชื่อเงินกู้เพื่อบ้านรักษ์โลก ดอกเบี้ยต่ำ 0%* ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
– ปฏิวัติการเข้าถึงพลังงานสะอาด (Renewable Energy) ง่ายขึ้นในภาคอสังหาฯและครัวเรือน ด้วยโซลาร์โซลูชันครบวงจรสำหรับบ้านเดี่ยวในโครงการของแสนสิริทุกหลัง โดยเฉพาะบ้านในโครงการแสนสิริ ที่ยังไม่เคยติดแผงโซลาร์ และบ้านในทุกโครงการใหม่แสนสิริ ที่ต้องการติดตั้งแผงโซลาร์เพิ่มจากเดิมที่แสนสิริติดตั้งให้เพื่อรองรับการใช้งานที่มากขึ้น
– ปลดล็อคกู้เงินติดตั้งโซลาร์ดอกเบี้ยต่ำ 0%* ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน พร้อมโปรโมชั่นพิเศษผ่อน 0%* นาน 4 เดือน เฉพาะลูกบ้านแสนสิริ ตั้งแต่วันนี้ – มิ.ย. 2567
– ZERO investment คืนทุน 5 ปี ในระยะเวลาเดียวกันกับผ่อนสินเชื่อ
– วางเป้า 5 ปี ติดตั้งแผงโซลาร์ 100% จำนวน 10,000 หลัง ลดคาร์บอนมากถึง 42,000 ตันคาร์บอนฯ ภายใต้เงินทุนสินเชื่อหมุนเวียนกว่า 2,000 ลบ.
– เดินหน้ามุ่งสู่องค์กร NET-ZERO ภายใต้พันธกิจของแสนสิริ อสังหาฯไทยรายแรกที่ตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็น “ศูนย์” และผลักดันประเทศสู่สังคมไร้คาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม
อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “การ ปฎิวัติการเข้าถึงพลังงานสะอาดของภาคอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะระดับครัวเรือน ถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่แสนสิริต้องการผลักดันให้เกิดขึ้นจริงและยั่งยืน เนื่องจากการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานในที่อยู่อาศัย คือ แรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายในการก้าวไปสู่ Net Zero ในระดับประเทศและระดับโลกต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการเข้าถึงพลังงานสะอาดในที่อยู่อาศัย ยังคงมีข้อจำกัดในการเข้าถึง ทั้งอุปกรณ์และการติดตั้งยังมีต้นทุนที่ราคาสูงถึงแม้ว่าต้นทุนเหล่านี้จะเริ่มมีการปรับราคาลดลงแต่ก็ยังเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงด้านแหล่งเงินทุน เพื่อเป็นการปลดล็อกการเข้าถึงพลังงานสะอาดของครัวเรือน ล่าสุด แสนสิริ ได้ร่วมมือกับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด และ บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี จำกัด ผนึกกำลังในการมอบบริการสินเชื่อเพื่อบ้านรักษ์โลก เพื่อให้ลูกบ้านได้ติดตั้งโซลาร์ด้วยสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 0%* ที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันครั้งแรกในประเทศไทย ผ่านแคมเปญ “SOLAR to ZERO” ปลดล็อกการเข้าถึงพลังงานสะอาดได้มากขึ้นและง่ายขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นบ้านในโครงการของแสนสิริทั้งหมด โดยเฉพาะบ้านในโครงการแสนสิริ ที่ยังไม่เคยติดแผงโซลาร์ และมีนิติดูแล โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ กว่า 300 โครงการ และนอกจากนี้บ้านในทุกโครงการใหม่แสนสิริ ทุกระดับเซ็กเมนท์ ที่ต้องการติดตั้งแผงโซลาร์เพิ่มจากเดิมที่แสนสิริติดตั้งให้ เพื่อรองรับการใช้งานและช่วยประหยัดค่าไฟฟ้ามากขึ้น โดยความร่วมมือครั้งนี้ ตั้งเป้าติดตั้งแผงโซลาร์ 100% จำนวน 10,000 ครัวเรือน ภายใน 5 ปี คาดว่าจะช่วยลดคาร์บอนได้ 42,000 ตันคาร์บอนต่อปี”
ความร่วมมือในแคมเปญ SOLAR to ZERO ครั้งนี้ สอดคล้องกับพันธกิจของแสนสิริ บริษัทอสังหาฯ รายแรกของไทยที่ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ภายในปี 2050 เพื่อมุ่งสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ปัจจุบัน แสนสิริ ได้ติดตั้ง Solar Roof ไปแล้วกว่า 800 หลัง เทียบเท่าการลดคาร์บอนแล้วกว่า 1,145 ตันคาร์บอน ติดตั้ง EV Charger ไปแล้ว 400 หลัง เทียบเท่าการลดคาร์บอนแล้วกว่า 537 ตันคาร์บอน กำจัดของเสียในอยู่อาศัยแล้ว 1.7 ล้านกิโลกรัม เทียบเท่าการลดปริมาณคาร์บอนแล้วกว่า 1,174 ตันคาร์บอน เพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกต้นไม้แล้ว 73,661 ต้น เทียบเท่าการลดคาร์บอนกว่าแล้ว 700 ตันคาร์บอน ซึ่งการร่วมมือกับพันธมิตรในครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้ลูกบ้านทุกหลังเข้าถึงพลังงานสะอาดได้อย่างเท่าเทียม โดยปัจจุบัน แสนสิริมีพอร์ตลูกค้าแนวราบรวมทั้งสิ้น 249 โครงการหรือคิดเป็นกว่า 79,000 ยูนิต ซึ่งได้เปิดโอกาสให้ลูกบ้านทุกกลุ่มและลูกบ้านจากพลัส พร็อพเพอร์ตี้เข้าร่วมแคมเปญได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งแสนสิริมองว่าการเปลี่ยนแปลงระดับครัวเรือน จะสร้างแรงกระเพื่อมได้อย่างมหาศาล เนื่องจากที่อยู่อาศัย คือ จุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาใช้พลังงานสะอาด และส่งต่อแนวคิดนี้ไปสู่ภาคอื่นๆของสังคมที่ใหญ่ขึ้น เช่น สังคมที่ทำงาน สถานศึกษา จนไปถึงระดับประเทศ