ให้องค์ประกอบของธรรมชาติ โอบล้อมทุกการใช้ชีวิตที่ “CHEREA VICINITY ราชพฤกษ์ – เจษฎาบดินทร์” บ้านติดถนนใหญ่ใกล้ MRT สถานีท่าอิฐ
ในปัจจุบันทิศทางการพัฒนาโครงการแนวราบ ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกเซกเมนท์ จากเทรนด์ของกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่มีการปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตไปสู่รูปแบบใหม่ เช่น Work From Anywhere หรือ Home for Everything ที่ล้วนต้องการพื้นที่ใช้สอย ความเป็นส่วนตัว และพื้นที่ที่สามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ภายในครอบครัว มากกว่าการอยู่คอนโดในเมือง โดยผู้พัฒนาหลายๆราย ที่เน้นการพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลักต้องเผชิญกับความท้าทายในการดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อใหม่ๆ ซึ่งข้อได้เปรียบของผู้พัฒนาโครงการขนาดกลาง คือ การเข้าใจถึงข้อมูล insight ของกลุ่มผู้ซื้อ สามารถมองตลาดออก ทำให้การดีไซน์โครงการมีความแตกต่างจากโครงการที่มาจากผู้พัฒนารายใหญ่ที่มักจะพบเห็นรูปแบบบ้านคล้ายกัน ใช้เลย์เอาท์แบบเดียวกันในหลายๆโครงการเพื่อเป็นการลดต้นทุนในการออกแบบ และวิจัยพัฒนา แต่อาจจะไม่เข้ากับบริบทในบริเวณนั้น เช่นเดียวกับความกล้าในการพัฒนารูปแบบโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโครงการที่จะพามาแนะนำในวันนี้ กับโครงการ เฌอเรีย วิซินิตี้ ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์ (CHEREA VICINITY Ratchaphruek-Jetsadabodin) จาก บริษัท พีชแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีจุดน่าสนใจในเรื่องของการเป็นโครงการแนวราบแห่งเดียวในย่านนนทบุรี ที่รวมเอาทุกความต้องการไว้ในที่เดียวกัน ด้วยการผสมผสานแบบบ้าน ตั้งแต่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ไว้ในโครงการเดียวกัน เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ซื้อในเชิงรายละเอียดของการจัดวางสเปซ พื้นที่ใช้สอย และฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อเอาใจกลุ่ม Real demand ที่ล้วนชื่นชอบในทำเลนี้ แต่ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่มีโครงการไหนที่โดนใจมากเท่าที่ควร… แต่ก่อนที่จะไปชมรายละเอียดโครงการ เรามาทำความรู้จักกับ บริษัท พีชแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) กันก่อนครับ
ทางบริษัท พีชแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) มีจุดแข็งในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบมามากกว่า 30 ปี โดยในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯสามารถทำกำไรที่ 71.44 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6.87% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ทำกำไรได้ 66.84 ล้านบาท ซึ่งจากผลประกอบการดังกล่าวสะท้อน การพัฒนาของทางโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้อยู่อาศัย รวมถึงความเข้าใจในกลุ่มลูกค้า Segment นั้นๆเป็นอย่างดี นอกจากนี้ในปี พ.ศ.2566 ทางบริษัทเตรียมงบประมาณกว่า 1,500 ล้านบาท ในการซื้อดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ๆ ซึ่งจะเน้นในทำเลที่มีศักยภาพ เดินทางสะดวก และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ในอดีตที่ผ่านมาบริษัทฯมีโครงการทาวน์โฮมสร้างชื่อ ภายใต้แบรนด์ The Exclusive (ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ) ซึ่งเป็น พรีเมียมทาวน์โฮม 2-3 ชั้น และ บ้านแฝดสไตล์โมเดิร์น ที่หลายๆคนน่าจะคุ้นหูคุ้นตา ระหว่างทางกลับบ้านเพราะทุกโครงการล้วนสร้างอยู่ในทำเลชุมชนเมืองส่วนต่อขยาย เดินทางสะดวก มีจุดเด่นในเรื่องของการเน้นสร้างบ้านคุณภาพ หน้ากว้างจอดรถสะดวก ในราคาที่เหมาะสมจับต้องได้ จนได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมสามารถปิดการขายได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว กระจายตัวอยู่ในหลายทำเล อาทิ ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ วงแหวน-รามอินทรา, ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ แจ้งวัฒนะ-ติวานนท์, ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ สวนหลวง ร.9, ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ พัฒนาการ และ ดิเอ็กซ์คลูซีฟ สาทร-กัลปพฤกษ์
สำหรับปัจจุบันทางบริษัทฯมีการพัฒนาโครงการแนวราบหลายแบรนด์ มีสไตล์การออกแบบที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเซกเมนท์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทำเล กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า กับโครงการ CHERENE เป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ Modern European ทำเลอุดมสุขกับโครงการคอร์ดิซ แอท (Cordiz at Udomsuk) หรือ ทำเลงามวงศ์วาน-ประชาชื่น กับโครงการเฌอ เป็นบ้านสไตล์ทาวน์โฮม และ ล่าสุดกับ 2 โครงการใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก กับโครงการ CHER ราชพฤกษ์ – พระราม 5 และ โครงการ CHEREA VICINITY ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์
โดยในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกข้อมูลโครงการล่าสุดของบริษัทฯอย่าง เฌอเรีย วิซินิตี้ ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์ (CHEREA VICINITY Ratchaphruek-Jetsadabodin) ซึ่งเป็นโครงการแนวราบแบบผสมผสาน มีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 1,845 ล้านบาท เป็นโครงการระดับพรีเมียมติดถนนใหญ่เชื่อมต่อถนนราชพฤกษ์และตัวเมืองนนทบุรี ให้ทุกคนได้เลือกอยู่อาศัยด้วยบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมในระดับราคาประมาณ 4 – 15 ล้านบาท ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคน ให้ได้สัมผัสเชื่อมเข้าถึงกันทุกพื้นที่ พร้อมเชื่อมต่อทุกถนนหลักเพื่อความสะดวกในการเดินทาง ไม่ว่าจะทางรถยนต์ ทางเรือ หรือรถไฟฟ้า MRT
คอนเซปท์การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและสายน้ำ
โครงการ เฌอเรีย วิซินิตี้ ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์ มีแนวคิดหลักในการพัฒนาโครงการภายใต้แกน INCLUSIVE SOCIETY CONNECTING ALL LIFE หรือการเชื่อมสุข โอบรับทุกการใช้ชีวิต และคุณภาพชีวิตให้กับครอบครัว มีการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างองค์ประกอบของธรรมชาติ เชื่อมโยงเข้ากับความหลากหลายของไลฟ์สไตล์ ซึ่ง Concept หลักของการออกแบบโครงการ มาจากการเคลื่อนไหวของน้ำที่มี movement หรือ curve ของคลื่นน้ำผสมอยู่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากทำเลที่ตั้งของโครงการ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยาและสะพานข้ามแม่น้ำซึ่งเป็น Landmark ของจังหวัดนนทบุรี โดยจะปรากฎในการดีไซน์ของพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งแนวคิดการพัฒนาโครงการจะสามารถแบ่งออกเป็น 4 ด้านหลัก ประกอบไปด้วย
1. แนวคิด Functions fit for all ด้วยการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับผู้อยู่อาศัยเป็นอันดับแรก โดยจะมีการออกแบบตามแนวคิด Inclusively society เพื่อรองรับกับการใช้งานหลากหลายไลฟ์สไตล์
2. แนวคิด Forest embraces all lives อีกหนึ่งแนวคิด ที่ต้องการเพิ่มคุณภาพชีวิตและสุขภาพกายใจที่ดีของผู้อยู่อาศัย ด้วยการออกแบบการอยู่อาศัยท่ามกลางสภาพแวดล้อมอากาศบริสุทธิ์และความร่มรื่นของพื้นที่สีเขียว โดยทางโครงการมีการดีไซน์พื้นที่สีเขียวให้โอบรับในทุกพื้นที่ของโครงการ ทั้งต้นไม้และสวน
3. แนวคิด The Flow of Nature อีกหนึ่งความพิเศษของโครงการนี้ คือ การตั้งใจออกแบบโดยเก็บธารน้ำธรรมชาติในพื้นที่โครงการเอาไว้ โดยผสมผสาน Concept การออกแบบอย่างกลมกลืนตอบรับโค้งการไหลของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีการนำ element จากธรรมชาติใส่เข้าไปในทุกพื้นที่โครงการ เช่น Club house, พื้นที่สีเขียว รวมไปถึงการตกแต่งภายใน
4. แนวคิด Better materials quality means better life คือการออกแบบทุกพื้นที่ ทุกตารางเมตร จะมีการคำนึงถึงการเลือกวัสดุหรือสินค้าที่มีคุณภาพที่เหมาะสมต่อการส่งมอบ พร้อมทั้งยังเป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย