เอพี ไทยแลนด์ อวดผลงานท็อปฟอร์มในทุกกลุ่มธุรกิจ เดินหน้าทลายข้อจำกัดสู่การเปิดโครงการใหม่กว่า 77,000 ล้านบาท บนทิศทาง ‘AP INCLUSIVE GROWTH 2023’
ถ้าถามว่าคีย์เวิร์ดอะไรที่ถูกนำมาใช้มากที่สุด ในงานแถลงข่าวผลประกอบการปีที่ผ่านมาของบรรดาดีเวลลอปเปอร์ระดับแนวหน้าของไทยที่ปรับตัวเพื่อไปเน้นพัฒนาโครงการแนวราบให้ครอบคลุมทุกเซกเมนท์เยอะๆ คำตอบก็คงจะเป็น “นิวไฮ” จากผลลัพธ์ในด้านยอดขายสุทธิและรายได้ที่แข่งกันประกาศทำสถิตินิวไฮ สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแต่ละบริษัท แต่สำหรับเอพี ไทยแลนด์ ผู้กล้าที่ท้าทายตลาดปี 2022 ที่ผ่านมามากที่สุด ด้วยการวางเป้าหมายในแบบที่สูงกว่าใครในอุตสาหกรรม ผ่านการเปิดตัวโครงการที่มากที่สุดถึง 51 โครงการ มูลค่า 63,600 ลบ. ครอบคลุมทุกทำเล เพื่อตอบรับดีมานด์ตลาดที่อยู่อาศัยทุกเซกเมนต์ โดยแบ่งเป็นยอดขาย 50,000 ล้านบาท และยอดรายได้ที่มหึมาถึง 47,000 ล้านบาท กลับมองมากไปกว่าการสร้างสถิตินิวไฮ หรือนิวเรคคอร์ด เพราะนั่นคือผลลัพธ์ที่เป็นที่รับรู้กันอยู่แล้วว่า หากบริษัทฯมีการวางแผนการดำเนินงานที่รัดกุม ควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยการบริหารจัดการแบบกระจายอำนาจ ควบคู่การบริหารจัดการกระแสเงินสดอย่างเคร่งครัด การพิชิตเป้าหมายก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไป
ซึ่งองค์ประกอบทั้งหลายเหล่านี้ก็ส่งผลให้เป้าดังกล่าวถูกทลายลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยการกวาดยอดขายสุทธิเกินเป้ากว่า 50,415 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 44% โดยคาดยอดโอนปิดปี 2022 จะอยู่ที่ประมาณ 48,000 ล้านบาท…โดยในปีนี้เอพี ไทยแลนด์ ยังคงมองในเรื่องของการแข่งกับตัวเอง หลังจากที่เคยทำมาได้แล้วในปีที่ผ่านมากับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มากที่สุด แบบบ้านใหม่ที่เยอะที่สุด และการขยายไปเซกเมนต์ใหม่ๆ แบบไม่สิ้นสุด ด้วยการรีดศักยภาพของทั้งองค์กร ทุกกลุ่มธุรกิจทั้ง ทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว และคอนโดให้มากขึ้น ผ่านการทำงานแบบเจาะลึก เข้มข้มยิ่งขึ้น เพื่อครองความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม โดยการเปิดตัวแบบดุดัน 58 โครงการ มูลค่ากว่า 77,000 ล้านบาท ตั้งเป้าทั้งปีปูพรมรวม 192 โครงการทั่วไทย มูลค่าพร้อมขายกว่า 165,600 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 58,000 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ 57,500 ล้านบาท เช่นเดียวกับการค้นหาช่องว่างตลาดใหม่ เพื่อสนับสนุนธุรกิจในระยะยาวแบบองค์รวม และการร่วมขับเคลื่อนสังคมให้เติบโตไปร่วมกัน เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ บนทิศทาง ‘AP INCLUSIVE GROWTH 2023’ ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไร และจะมีไฮไลท์อะไรน่าสนใจบ้าง ไปติดตามกับเราในบทความนี้กันเลยครับ
‘2023 AP Inclusive Growth’ สามประสานรวมเป็นหนึ่ง เพื่อที่สุดของปีกับการเติบโตร่วมกัน
“นับเป็นครั้งแรกของการรวมผู้บริหารสูงสุดของแต่ละกลุ่มธุรกิจมาเพื่ออธิบายภาพรวมและกลยุทธ์ในการ Dive Deeper เพื่อสร้างความสำเร็จครั้งใหม่ให้กับเอพีอีกครั้ง โดยในปีที่ผ่านมาตลาดอสังหาโดยรวมมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มมากกว่า 2 ปีก่อนหน้า ตลาดโตในทุกเซกเมนท์โดยเฉพาะกลุ่มระดับราคา 1-3 ลบ. หากนับโดยรวมจะเติบโตในอัตรา 90% ถ้าดูจากกราฟการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีที่ผ่านมา จะเห็นรูปแบบของกราฟที่เริ่มปรับตัวเป็นขาขึ้น สะท้อนได้ถึงภาพตลาดที่เริ่มฟื้นตัวคืนกลับ จึงมั่นใจได้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้น่าจะสดใสและขับเคลื่อนไปต่อ นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการกลับมาทำการตลาดของทุกดีเวลลอปเปอร์อีกครั้ง ดังนั้นทางเอพีจึงมองไปถึงการตั้งเป้าการเติบโตครั้งใหม่ให้มากยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่เคยทำลายสถิติมาแล้วกับการเปิดตัว 51 โครงการในปี 2022 โดยทำยอดขายสุทธิไปมากถึง 50,415 ล้านบาท เป็นอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรม โดยที่ทุกๆกลุ่มธุรกิจทำยอดขายเกิน 10,000 ลบ.บาทหมด ในขณะที่ยอดโอนก็คาดว่าจะได้เกินที่ประมาณ 48,000 ลบ. และในปีนี้บริษัทฯ พร้อมต้อนรับศักราชใหม่กับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจภายใต้แผน 2023 AP INCLUSIVE GROWTH ที่สุดของปีกับการเติบโตร่วมกัน ด้วยแผนการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการขยายภาคธุรกิจ โดยใช้ความชำนาญที่มีมาสร้างโอกาส และข้อได้เปรียบให้เกิดขึ้นในหลากหลายมิติ ที่ยังคงสอดคล้องไปกับพันธกิจ ชีวิตดีๆที่เลือกเองได้ผ่าน 3 KEY STATEGIES สำคัญ คือ Dive Deeper in Property Business , Hatch New Business และ People and Social ซึ่งคือการมุ่งมั่นส่งเสริมทักษะใหม่ๆให้กับทุกกลุ่มคนในสังคมเพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้” นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์
เจาะ 3 กลยุทธ์สำคัญ บนทิศทาง 2023 AP Inclusive Growth
1. DIVE DEEPER IN PROPERTY BUSINESS คือการทำงานในแบบเข้มข้นกว่าเดิม ด้วยการวิเคราะห์เจาะลึกลงไปในตัวแผนธุรกิจ และ Big Data ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อหาโอกาสและช่องว่างในการทำการตลาดที่ยังไม่ถูกเติมเต็ม ซึ่งการมองในภาพลึกแบบนี้จะช่วยให้ทีมพัฒนาโครงการรู้ว่าควรจะไปเน้นในเรื่องของการเสริมความแข็งแกร่งแบบไหนให้กับสินค้าที่มีอยู่ ทำอย่างให้เพื่อให้เกิด Value เพิ่มเข้ามาได้ โดยที่สอดคล้องกับความต้องการในแบบลึกๆของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบันมากที่สุด ผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียม กลุ่มธุรกิจพัฒนาบ้านเดี่ยว และกลุ่มธุรกิจพัฒนาทาวน์โฮม โดยปีนี้บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าการทำงานที่ท้าทายตัวเองมากยิ่งขึ้น ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาด จำนวน 58 โครงการ มูลค่ากว่า 77,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 22 โครงการ มูลค่า 34,800 ล้านบาท ทาวน์โฮมจำนวน 27 โครงการ มูลค่า 26,400 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 11,800 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ทั้งปีเอพีจะมีโครงการพร้อมขายทั้ง กทม. และต่างจังหวัดมากกว่าถึง 192 โครงการ มูลค่ากว่า 165,600 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 58,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 57,500 ล้านบาท
ภายใต้กลยุทธ์นี้แต่ละกลุ่มธุรกิจจะมีการนำเสนออาวุธเด็ดในการพัฒนาโครงการที่ตัวเองค้นพบมา ซึ่งก็ล้วนมีแนวทางที่แตกต่างกันไปเปรียบดั่งการเล่นเกมรุก โดยใช้กองหน้าที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ถึง 3 ตัว ที่มีเทคนิคในการทำประตูแตกต่างกัน แต่ก็ยังสามารถส่งเสริมซึ่งกันและกันเพื่อช่วยคว้าชัยให้กับเอพี ไทยแลนด์ได้ในทุกสถานการณ์
1.1 Townhome: DIVE DEEPER in Duplex Home & Luxury Townhome
“กลุ่มทาวน์โฮมจะ Dive Deeper ลงไปโฟกัสที่การครองผู้นำตลาดบ้านแฝดในเมือง โดยมีไฮไลท์เป็นกลุ่มบ้านแฝด 2-3 ชั้น ที่เรามองเห็นช่องว่างและการเติบโตมาตลอดจึงคิดว่าเป็นกลุ่มที่เตรียมจะเจาะตลาดอย่างจริงจัง โดยปัจจุบันเอพีมี Market Share 60% ในบ้านแฝด 3 ชั้น ส่วน 2 ชั้นเป็น Top 3 โดยจะใช้ Grand Pleno เป็นตัวรุกตลาด จากเดิมปีที่แล้วเรามีแบบบ้านใหม่เป็นแบบ Olivia และ Shane ในปีนี้ก็จะส่งแบบใหม่ๆมาอีก 8 แบบที่พร้อมจะออกมาในช่วง Q2-Q3 ควบคู่ไปกับแผนในการบุกตลาด Luxury กับโครงการ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ รัชโยธิน ราคา 15 – 25 ลบ.ในช่วงไตรมาสสาม” นายเมธา รักธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม บมจ. เอพี ไทยแลนด์
เริ่มจากกลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมที่ค่อนข้างมีการทำ Product Diversification มากที่สุดของเอพีในปีที่แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของงานดีไซน์ และการขยายเซกเมนท์ให้ครอบคลุมทุกระดับ โดยปัจจุบันมี 2 Products คือ บ้านแฝดและทาวน์โฮม ไล่ตั้งแต่ระดับ Luxury มาจนถึง Economy Class ผ่านแบรนด์ที่เป็น Generic name สำหรับทาวน์โฮมในเมืองไปแล้วอย่าง Pleno และบ้านกลางเมือง และอีก 4 แบรนด์หลักอย่าง Pleno Town, Grand Pleno, บ้านกลางเมือง The Edition และ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ ที่ปีนี้จะทยอยเปิดตัวโครงการออกมาทั้งหมดในหลากหลายทำเล
โดยปลายปีที่แล้วในฐานะที่เป็นโอกาสครบรอบ 20 ปีของแบรนด์บ้านกลางเมือง ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาด มากสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนยูนิตที่ขายได้มากสุดในตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้นในเมือง ก็ได้มีการเปิดตัว Brand Ambassador คือคุณก้อง-สหรัถ สังคปรีชา จึงทำให้แบรนด์ฮิตติดกระแสมากกว่าเดิม โดยมีการเติบโตจากปี 2019 มากถึง 91% จาก Key Divers สำคัญคือ การเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ บนโรดแมพ Unlock Vertical Life ซึ่งทำให้ทาวน์โฮมเอพี มีรูปแบบการใช้ชีวิตให้เลือกได้มากกว่าเดิม มีหน้าตา Façade ที่หลากหลาย มีการปรับเปลี่ยนเลย์เอาท์ใหม่ จากเดิมที่ในโครงการนึงก็จะมีแบบบ้านแค่ 1-2 แบบเท่านั้น
ในปีนี้กลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมเตรียมเปิดตัวทาวน์โฮมใหม่จำนวน 27 โครงการ มูลค่า 26,400 ล้านบาท ครอบคลุมครบทั้ง 6 Sub-Brand ตั้งแต่ระดับราคา 1.69 – 25 ล้านบาท โดยไฮไลต์สำคัญคือ การขยายพอร์ตสินค้าในกลุ่มบ้านแฝดมากยิ่งขึ้น ด้วยแบรนด์บ้านกลางเมือง THE EDITION (ดิ อิดิชั่น) ซึ่งเป็นแบรนด์บ้านแฝด 3 ชั้น ที่มีหน้ากว้างที่มากสุดถึง 12.8 เมตร และ GRANDE PLENO (แกรนด์ พลีโน่) เป็นบ้านแฝด 2 ชั้น หน้ากว้าง 13.5 เมตร รวมถึงการเปิดตัว Luxury Townhome ล่าสุดกับ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ รัชโยธิน คาดว่าจะพร้อมเปิดตัวในช่วงประมาณไตรมาส 3