ESTAR รุกเปิด 4 โครงการใหม่รับเศรษฐกิจฟื้น เตรียมพัฒนามิกซ์ยูส-คอมมูนิตี้มอลล์เสริมความแกร่ง
ESTAR เปิดแผนธุรกิจปีเสือ ผุด 4 โครงการใหม่ มูลค่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน จำนวน 2 โครงการ และบ้านเดี่ยวใน จ.ระยอง อีก 2 โครงการ พร้อมชูแนวคิด Smart Living 360 คิดครบจบคุ้ม พื้นที่ยืดหยุ่น ฟังก์ชั่นใช้งานครบ ส่วนกลางจัดเต็มรองรับไลฟ์สไตล์แบบ New normal ในราคาที่จับต้องได้ เตรียมพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส-คอมมูนิตี้มอลล์เสริมรายได้ระยะยาวเพิ่มความแข็งแกร่ง
ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ด้านการขายและการตลาด ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ทุกรูปแบบ พร้อมเร่งสร้างการรับรู้รายได้จากการขายและโอนโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จแล้ว รวมทั้งหันไปรุกตลาดแนวราบ โดยเปิดโครงการใหม่ คือเวลาน่า อะโมด้าอู่ตะเภา-บ้านฉาง ใน จ.ระยอง เป็นบ้านเดี่ยว ราคา 4.5-6.5 ล้านบาท บนพื้นที่ 27 ไร่ จำนวน 104 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 540 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการบริษัทในปี 2564 มียอดขาย 1,334 ล้านบาท และยอดรายได้อยู่ที่ 1,326 ล้านบาท โดยมีผลกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท
“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 ยังต้องเผชิญปัจจัยลบ คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ และผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลต่อรายได้และกำลังซื้อของลูกค้า ภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การเพิ่มขึ้นของหนี้เสีย (NPL) ทำให้การปล่อยสินเชื่อยังคุมเข้ม ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนกำลังซื้อจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับมา แต่ยังมีปัจจัยบวก จากนโยบายภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ เช่น การผ่อนคลายมาตรการ LTV การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ปริมาณบ้านคงค้างที่ลดลงจากการชะลอตัวในการเปิดการขายโครงการใหม่ในปีที่ผ่านมา แต่เชื่อมั่นว่ากำลังซื้อที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริงยังคงมีอยู่ในตลาดสำหรับบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมในระดับราคากลาง-ล่าง” ดร.ต่อศักดิ์กล่าว