‘สิงห์ เอสเตท’ ชูรายได้รวมไตรมาส 3 ปี 2564 แตะ 2,127 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน หนุนโดยธุรกิจโรงแรมในสหราชอาณาจักร พร้อมประกาศความสำเร็จปิดการขายโครงการบ้านหรู สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส
บริษัท สิงห์ เอสเตท รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 มีรายได้รวม 2,127 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มั่นใจธุรกิจฟื้นตัว สะท้อนผ่านรายได้รวมที่เติบโตต่อเนื่องติดกันเป็นไตรมาสที่ 3ทั้งนี้รายได้รวมดังกล่าวแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจที่พักอาศัย 436 ล้านบาท, ธุรกิจอาคารสำนักงาน 238 ล้านบาท,ธุรกิจโรงแรม 1,422 ล้านบาท, และธุรกิจอื่นๆ 31 ล้านบาท
บริษัทฯ ยังเดินหน้าควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการขายได้ถึง 44% บวกกับการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้น จากการส่งมอบห้องชุดโครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ส่งผลให้ สิงห์ เอสเตท รายงานกำไร EBITDA ในไตรมาส 3 ปี 2563 จำนวน 351 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2564 จะมีการตัดผลประกอบการของบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) (“NVD”) ออกจากงบการเงินรวมของสิงห์ เอสเตท ตั้งแต่ต้นปี 2564 หลังจากธุรกรรมการขายเงินลงทุนใน NVD แล้วเสร็จ ทว่า รายได้รวมกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 20% ซึ่งได้แรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของธุรกิจโรงแรม โดยใน
ไตรมาสดังกล่าว รายได้จากธุรกิจโรงแรมจำนวน 1,410 ล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่า 1000% จากช่วง
ไตรมาส 3 ของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการท่องเที่ยวในสหราชอาณาจักร
ตอกย้ำความสำเร็จในการตัดสินใจปรับพอร์ทโฟลิโอ และขยายการลงทุนในแหล่งรายได้ใหม่ที่บริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพในการฟื้นตัวได้เร็วกว่า ผ่านการเพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนเป็น 100% ของกลุ่มโรงแรมในสหราชอาณาจักร ส่งผลให้สิงห์ เอสเตท สามารถรับรู้รายได้จากกลุ่มโรงแรมในพอร์ทนี้ได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยไตรมาส 3 ปี 2564 นี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีมากของกลุ่มโรงแรมในสหราชอาณาจักร เนื่องจากการฟื้นตัวเต็มที่ของการท่องเที่ยวในประเทศที่ได้อานิสงค์จากการปลดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 และการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว สะท้อนให้เห็นจากรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ของไตรมาส 3 ปี 2564 กลับไปแตะที่ระดับ 95% ของช่วงก่อนโควิดได้ และมีส่วนผลักดันให้ผลประกอบการของกลุ่มโรงแรมในสหราชอาณาจักรพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการธุรกิจโรงแรมกลับมาดีขึ้น แม้ว่าการดำเนินการโรงแรมในประเทศไทย สาธารณรัฐมอริเชียส และสาธารณรัฐฟิจิ ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติก็ตาม