“Supalai New Journey New Experience” พบกับก้าวต่อไป บนประสบการณ์ใหม่ของศุภาลัย ในครึ่งปีหลังนี้
“จริงๆแล้วภาพคอนโดเมืองไทยในช่วงนี้ ก็ไม่ต่างจากภาพก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีลูกค้าต่างชาติเข้ามา และก็หักตัวลูกค้าเก็งกำไรออกไปบ้าง การที่ลูกค้าต่างชาติหายไปมันก็ Reflect ความเป็นจริงของตลาดเมืองไทย ส่วนในอนาคตคาดว่าถ้าหากจะกลับมาก็คงจะไม่เหมือนเดิม คนต่างชาติที่กลับมาซื้อน่าจะมาจากในเรื่องของ Holiday Needs มากกว่าการซื้อเก็งกำไร” นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
ปีนี้เราเห็นราคาที่เริ่มลดลง Make Sense มากขึ้น เจ้าของที่ดินเริ่มคิดได้ว่า ราคาที่ตั้งมาหากดีเวลลอปเปอร์ซื้อไปก็ไม่สามารถพัฒนาให้ Reflect to Value ได้ โดยรวมแล้วนับว่าครึ่งปีแรกไปได้ดีเพิ่มขึ้นทั้ง Presales, Total Revenue และ Profit สำหรับเป้าขาย 27,000 ลบ. หากเราสามารถเปิดคอนโดตามแผนได้ในปีนี้ก็น่าจะทำได้ ส่วนแนวราบตอนนี้ได้ 10,080 ลบ.แล้วถือว่าเติบโตเป็นอย่างมาก แนวราบในกรุงเทพมาเป็นพระเอกยอดขายดูดีขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนในต่างจังหวัดก็ใกล้เคียงของเดิม และเรายังเชื่อว่าเรามีโอกาสทำรายได้เป็น New High ได้ที่ 28,000 ล้านบาทตามที่ตั้งเป้าไว้ เพราะจาก 3 คอนโดพร้อมโอนของเราอย่าง Supalai Premier Charoennakorn ที่อาจมีช่วงโอนกรรมสิทธิ์ที่หายไปในเดือน 7 เพราะมีการปิดแคมป์ Supalai Riva Grande และ Supalai Veranda Phasi Charoen Station
โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีการเปิดตัวโครงการใหม่แล้ว ทั้งหมด 9 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการแนวราบในพื้นที่กรุงเทพฯ และภูมิภาค รวมเป็นมูลค่า 9,180 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทฯ สามารถทำยอดขายอยู่ที่ 13,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยมาจากการตอบรับที่ดีของลูกค้าในทุกทำเลโครงการที่มีสินค้าสร้างเสร็จ พร้อมอยู่ รวมถึงโครงการที่เปิดตัวใหม่ ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายในส่วนโครงการแนวราบ 10,080 ล้านบาท คิดเป็น 78% โครงการคอนโดมิเนียม 2,925 ล้านบาท คิดเป็น 22% และคิดเป็น 48% จากเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 27,000 ล้านบาท อีกทั้งสามารถสร้างรายได้รวม 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ขณะที่รายได้จากอสังหาริมทรัพย์สามารถแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 57% และจากโครงการคอนโดมิเนียม 43% ถึงแม้ว่าตลาดกลุ่มคอนโดมิเนียมจะยังคงชะลอตัว
บริษัทฯ สามารถทำผลงานด้านกำไรสุทธิ 2,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 58% ส่วนต้นทุนการเงินที่อัตราเฉลี่ย 1.80 % ต่อปี ณ 30 มิ.ย. 2564 และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 36,002 ล้านบาท ณ 30 มิ.ย. 2564 โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2564 จำนวน 14,202 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 21,800 ล้านบาทในอีก 3 ปีถัดไป เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าลงทุนในทำเลใหม่ๆ ที่จะขยายตลาดให้กว้างขึ้น เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่