Monthly Roundup พ.ค. 64
New Product
บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
เตรียมเปิดเซกเมนต์ใหม่ล่าสุด 2 โครงการ คือ อัลติจูด ฟอเรสต์ รัชดา พรีเมียมทาวน์โฮม จำนวน 39 ยูนิต มูลค่าเริ่มต้น 15 ล้านบาท และอัลติจูด ฟอเรสต์ อารีย์-โมนูเมนต์ บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ เพียง 10 ยูนิต มูลค่าเริ่มต้น 28 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่หาได้ยากบนทำเลอารีย์ และเป็นโครงการใหม่บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง รวมมูลค่าทั้ง 2 โครงการ 998 ล้านบาท
และนำร่องนวัตกรรมชมบ้านแบบเรียลไลฟ์ 720 องศา กับแบรนด์น้องใหม่ ‘อัลติจูด คราฟ บางนา (PREMUIM AFFORDABLE TOWNHOME) ซึ่งเปิดตัวเมื่อช่วงปลายปี 2563 ถือว่าประสบความสำเร็จในการขายก่อนเปิดโครงการจริงด้วยยอดขายต่อเนื่องถึงปัจจุบันกว่า 540 ล้านบาท พร้อม SOLD OUT จำนวน 125 ยูนิต ซึ่งเป็นการขายคละแบบบ้าน 3 แบบ จากทั้งหมด 402 ยูนิต ในโครงการ โดยมีมูลค่าโครงการรวม 1,469 ล้านบาท และเตรียมนำนวัตกรรมนี้ไปใช้กับทุกโครงการที่จะเปิดใหม่
บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด
เปิด 2 แบรนด์ใหม่ รุกตลาดคอนโดช่วง WFH ส่ง “ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามคำแหง ทริปเปิ้ล สเตชั่น” คอนโด Duo Space พื้นที่ใช้สอย 2 ชั้น เพดานสูง 4.2 ม. รองรับทุกกิจกรรม และกลุ่ม Start Up ที่อยากมีพื้นที่สร้างธุรกิจส่วนตัว บนทำเลแห่งอนาคต ราคาเริ่ม 2.39 ล้าน พร้อมบุกตลาด “คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้” ครั้งแรกกับ “บริกซ์ตัน เพ็ทแอนด์เพลย์ สุขุมวิท107” ออกแบบฟังก์ชันตอบโจทย์ทั้งคนและสัตว์เลี้ยง เริ่มเพียง 1.89 ล้าน
สำหรับโครงการแรกที่จะเริ่มเปิดขาย คือ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามคำแหง ทริปเปิ้ล สเตชั่น ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2-2-74.68 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 23 ชั้น ห้องพักอาศัยรวม 482 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต โดดเด่นด้วยห้องพักแบบ Duo Space ทั้งอาคาร ขนาดตั้งแต่ 22-33 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.39 ล้านบาท เปิดให้ชมห้องตัวอย่าง 6 มิ.ย. นี้ และโครงการ บริกซ์ตัน เพ็ทแอนด์เพลย์ สุขุมวิท 107 ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2-0-31 ไร่ คอนโดมิเนียม Low Rise สูง 7 ชั้น 3 อาคาร รวม 237 ยูนิต ห้องพักขนาดตั้งแต่ 26.72-30.12 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท เตรียมเปิดรอบพิเศษ VIP วันที่ 6 มิ.ย. นี้
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
เตรียมพรีเซลล์คอนโดฯ โครงการแรกในปีนี้ ลุยส่งแบรนด์ไฮไลท์แห่งปี “เดอะ มูฟ เกษตร” แบรนด์คอนโดแนวคิดใหม่ของแสนสิริ และยังเป็นแบรนด์คอนโดไฮไลท์แห่งปี ในระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นเซกเมนท์ที่แสนสิริไม่ได้ทำมานานกว่า 10 ปี และมีกระแสตอบรับสุดร้อนแรงตั้งแต่เปิดตัวแบรนด์ จนถึงปัจจุบันที่กวาดยอดจองล่วงหน้าเต็มทุกรอบ VVIP
“เดอะ มูฟ เกษตร” มูลค่าโครงการ 482 ล้านบาท เป็นอาคารสูง 8 ชั้น บนพื้นที่ 1 ไร่ มีจำนวนทั้งหมด 248 ยูนิต ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Movement’ ด้วยการใช้เส้นสายของอาคารที่ลื่นไหลในการร้อยเรียงพื้นที่เข้าไว้ด้วยกัน มีความเคลื่อนไหว สื่อถึงจังหวะสนุกสนาน มีการเลือกใช้คู่สีหลักเป็นสีส้มตัดกับสีเขียวอย่างลงตัว มีพื้นที่ส่วนกลางที่ถูกออกแบบในสไตล์ Double Facilities ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor พร้อมตั้งอยู่บนทำเลคอมมูนิตี้เมืองย่านเกษตร อยู่ใกล้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถานีรถไฟฟ้า BTS เกษตรศาสตร์และสถานีเสนานิคม
Real Estate Hi-Light
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
โดยในไตรมาสแรก ปี 2564 บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานในส่วนยอดขาย และยอดโอนเป็นที่น่าพึงพอใจ พร้อมปิดการขาย 100% ในโครงการไอดีโอ โมบิ อโศก มูลค่าโครงการกว่า 3,200 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นดำเนินธุรกิจหลัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน พร้อมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 381 ล้านบาท ลดลงถึง 17% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ในไตรมาสแรกนี้ บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา หรือ EBITDA จากการดำเนินงานของธุรกิจหลัก กว่า 225 ล้านบาท
ในไตรมาสแรก ปี 2564 บริษัทฯ มียอดโอนทั้งหมด 3,059 ล้านบาท และมีสัดส่วนยอดโอนจากลูกค้าชาวต่างประเทศใกล้เคียงจากปีก่อนที่ระดับ 21% ขณะที่มียอดขายรวม 3,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเป้าหมาย 17% ที่ระดับ 3,393 ล้านบาท จากโครงการพร้อมอยู่ที่ความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์มีอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่มีสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม
บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับสถานการณ์ในไตรมาส 2 ปี 2564 ตลาดยังคงเผชิญกับสถานการณ์ COVID-19 ระลอกที่ 3 และอาจเกิดภาวะผิดปกติครั้งใหม่ หรือ New Abnormal คล้ายคลึงกับสถานการณ์ช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 ที่เกิดสงครามราคามากกว่าระดับปกติ และเป็นช่วงเวลาที่ผู้บริโภคใช้เวลาพิจารณาตัดสินใจซื้อมากกว่าปกติ ผู้พัฒนาโครงการจำเป็นต้องออกมาตรการช่วยเหลือผู้บริโภคที่ไม่ใช่ราคาที่ถูกที่สุด โดยบริษัทได้เจรจาร่วมกับพันธมิตรทางการเงินในการออกมาตรการปลดล็อค เพื่อคนอยากมีบ้าน ประกอบด้วยการให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงินสำหรับการกู้ซื้อบ้าน, ช่วยลดภาระการผ่อนชำระนานสูงสุด 2 ปี, โปรแกรมเช่าพร้อมเข้าอยู่ก่อนโอนในโครงการเมเจอร์ฯ เป็นระยะเวลา 2 ปี, พร้อมรับฟรีความคุ้มครองที่ครอบคลุมจากทิพยประกันภัย เมื่อซื้อโครงการจากเมเจอร์ฯ และรับสิทธิ์ผ่อน 0% สำหรับเงินจองและเงินทำสัญญานาน 6 เดือน เป็นต้น คาดว่าจะเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวได้ในช่วงกลางเดือน พ.ค. นี้
ทั้งนี้ บริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่จะทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้ เป็นต้นไป มูลค่า 5,463 บาท พร้อมทั้งยังมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ ในเดือนพฤษภาคมนี้ คือ โครงการเมทริส พัฒนาการ-เอกมัย สูง 29 ชั้น จำนวน 341 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
SC ภายใต้การเป็น Living Solutions Provider เปิดเผยถึงความสำเร็จของผลดำเนินงานไตรมาสแรกนี้ว่า “บ้านเดี่ยวของเราเติบโตทุกราคาและทำให้บริษัทเติบโตทั้งยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของการประกาศแผนธุรกิจและการรุกสู่แบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยสรุปคือ 1. บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยวสูงสุด เป็นอันดับ 1 ที่ 15% 2. สร้างยอดขายรวม 5,700 ล้านบาท เติบโต 188% YoY 3. เติบโตทั้งรายได้และกำไรสุทธิ
ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์และหนี้สินรวม 44,846 ล้านบาท และ 25,744 ล้านบาทตามลำดับ โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนทุน 1.35 และมีสภาพคล่องแข็งแกร่งปัจจุบันมีเงินสดพร้อมวงเงินพร้อมเบิกมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท เตรียมจ่ายปันผล 0.18 บาท/หุ้น ในวันที่ 20 พ.ค. นี้ พร้อมกับเร่งเพิ่มสต็อคบ้านรองรับความต้องการซื้อ โดยในไตรมาส 2 บริษัทจะมีโครงการที่เปิดขายทั้งหมด จำนวน 57 โครงการ มูลค่าคงเหลือเพื่อขายรวมกว่า40,560 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 47 โครงการ และคอนโด 10 โครงการ
บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน)
เปิดผลประกอบการไตรมาส 1/2564 กวาดรายได้กว่า 1,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 582 ล้านบาท โตสวนกระแสโควิดทำกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 361.8 % เน้นรักษาอัตรากำไรที่โดดเด่น โชว์ Backlog มูลค่ากว่า 7,500 ล้านบาท ตอกย้ำความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ Best Choice สำหรับคนรุ่นใหม่ เผยจุดยืนตัวจริงแคมปัสคอนโดโดนใจคนรุ่นใหม่ พร้อมปรับกลยุทธ์เสริมแกร่ง เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง มูลค่ากว่า 9,700 ล้านบาท
มั่นใจว่ารายได้ในปี 2564 จะเติบโตกว่า 20% จากปีก่อนตามแผนงานที่วางไว้ โดยเน้นผลักดันให้ผลการดำเนินงานโตต่อเนื่องจากยอดขายรอโอน จำนวน 7,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2566 และโครงการสร้างเสร็จรอขายจำนวน 1,105 ยูนิต มูลค่า 3,133 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1 – 2 ปีข้างหน้า
บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน)
เปิดผลประกอบการไตรมาส 1/2564 กวาดรายได้กว่า 1,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 582 ล้านบาท โตสวนกระแสโควิดทำกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 361.8 % เน้นรักษาอัตรากำไรที่โดดเด่น โชว์ Backlog มูลค่ากว่า 7,500 ล้านบาท ตอกย้ำความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ Best Choice สำหรับคนรุ่นใหม่ เผยจุดยืนตัวจริงแคมปัสคอนโดโดนใจคนรุ่นใหม่ พร้อมปรับกลยุทธ์เสริมแกร่ง เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง มูลค่ากว่า 9,700 ล้านบาท
มั่นใจว่ารายได้ในปี 2564 จะเติบโตกว่า 20% จากปีก่อนตามแผนงานที่วางไว้ โดยเน้นผลักดันให้ผลการดำเนินงานโตต่อเนื่องจากยอดขายรอโอน จำนวน 7,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2566 และโครงการสร้างเสร็จรอขายจำนวน 1,105 ยูนิต มูลค่า 3,133 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1 – 2 ปีข้างหน้า
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
โดยในไตรมาสแรกนี้บริษัทฯ สามารถบริหารงานได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ มียอดรับรู้รายได้จาการขายที่ 1,524 ล้านบาท ขยายตัว 21.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่สวนทางกับภาวะอุตสาหกรรมที่หดตัวลง นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงความสามารถในการจัดการต้นทุนต่างๆ ยังคงรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยมีตัวเลขอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39.1% ในขณะที่การบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการใช้ E-Marketing ที่เพิ่มมากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายในการขายต่อยอดขาย ปรับลดลงจาก 6% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 4.5% ในไตรมาสปัจจุบัน ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ปี 2564 นี้ บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 320 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 29.4%
ทั้งนี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 3,550 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเตรียมเปิดเพิ่มเติมอีก 2 โครงการ รวมเป็นมูลค่าโครงการทั้งสิ้นราว 4,600 ล้านบาทโดยการขยายธุรกิจ บริษัทฯ มีการดำเนินการด้วยระมัดระวัง มีการทยอยเปิดโครงการเพื่อประเมินผลตอบรับของตลาด มีการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดระลอกสามเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์