เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เดินหน้าสร้างห้องประชุมอเนกประสงค์ ณ โรงแรม เอาท์ริกเกอร์ ลากูน่า ภูเก็ต บีช รีสอร์ทและพัฒนาโรงแรมระดับไฮเอนด์บนเกาะ 3 ในโครงการ CROSSROADS มัลดีฟส์
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SHR’ ในเครือของสิงห์ เอสเตท เดินหน้าขยายธรุกิจโรงแรมปี 2563 ดำเนินการสร้างห้องประชุมอเนกประสงค์ ณ โรงแรม เอาท์ริกเกอร์ ลากูน่า ภูเก็ต บีช รีสอร์ทและพัฒนาโรงแรมระดับไฮเอนด์บนเกาะ 3 ในโครงการ CROSSROADS มัลดีฟส์
นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตหลายด้าน รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในขณะนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนอย่างต่อเนื่องที่จะขยายธุรกิจโรงแรมในปี 2563 โดย SHR จะติดตามการตอบรับของตลาด และคำแนะนำด้านการเดินทาง รวมทั้งจะประเมินผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลาที่มีการระบาดของไวรัส COVID-19 นอกจากนี้ยังเตรียมพร้อมด้านกลยุทธ์การตลาดทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อตอบรับการกลับมาของตลาดท่องเที่ยวหลังจากวิกฤติไวรัสสิ้นสุดลง
“เราคาดว่านักท่องเที่ยวจากตลาดสำคัญ จะมีการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวอย่างมาก หลังจากที่ต้องยกเลิกการเดินทางและเก็บตัวอยู่กับบ้านมานานจากเหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 หากเราเตรียมพร้อมธุรกิจโรงแรมทั้งในด้านกลยุทธ์การตลาดและการบริการ เรามั่นใจว่าโรงแรมและรีสอร์ทของเราจะเป็นจุดหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน” นายเดิร์ก กล่าว
โรงแรมภายใต้การบริหารของ SHR กำลังเผชิญความท้าทายในเรื่องการยกเลิกห้องพักในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมจากผลกระทบของไวรัส COVID-19 ที่แพร่ระบาด โดยบริษัทฯ เข้าใจถึงความจำเป็นของลูกค้าและมีนโยบายให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนจากการยกเลิกห้องพัก มาเป็นการเลื่อนวันเข้าพักได้ในภายหลัง
โดยโรงแรมเอาท์ริกเกอร์ ลากูน่า ภูเก็ต บีช รีสอร์ท จะดำเนินการสร้างห้องประชุมอเนกประสงค์ที่สามารถจุคนได้ถึง 350 คน ให้แล้วเสร็จในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่หลากหลาย โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่ม MICE ที่มีเพิ่มมากขึ้นในจังหวัดภูเก็ต
ส่วนการพัฒนารีสอร์ทไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ บนเกาะ 3 ของโครงการ CROSSROADS เป็นไปตามแนวทางพัฒนาของ SHR ที่ต้องการเพิ่มพอร์ทโฟลิโอโรงแรมอย่างหลากหลาย (diversified portfolio) โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง SHR กับบริษัท Wai Eco World Developer Pte (WEWD) ซึ่งเป็นนักลงทุนจากประเทศเมียนมาร์ที่มีการลงทุนในหลากหลายธุรกิจ รวมทั้งธุรกิจเครื่องประดับ อาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงการผลิต โดยรีสอร์ทแห่งใหม่นี้ ประกอบด้วยห้องพักแบบวิลล่ากลางน้ำ (water villa) จำนวน 80 ห้อง ในระดับราคาประมาณ $900-$1,000 ต่อคืน โดยบริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทแห่งใหม่นี้ในปีนี้และเปิดดำเนินการในปี 2565