อย่าทำตัวแบบนี้ถ้าไม่อยากให้ชีวิตการเงินชิบหาย
รู้หรือไม่ ชีวิตของเรานั้นผูกติดกับเรื่องการเงินมากกว่าที่เราคิด การจะซื้อขายเช่าหรือลงทุนบ้านคอนโดอสังหาต่างๆ หรือจะทำอะไรทุกอย่างบนโลกนั้นล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการเงิน (Financial Management) จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้ ถ้าไม่รู้ชีวิตเราอาจเจ๊งได้ง่ายๆ และกลายเป็นภาระให้กับคนในครอบครัวไปรับกรรมต่ออีก
ทั้งหมดที่จะในบทความนี้คือนิสัยทางการเงินแบบผิดๆ ที่มักจะพาคนไปสู่ความชิบหายทางการเงินโดยไม่รู้ตัว หรือถ้าหากเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้อยู่แล้วล่ะก็ การรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้สามารถช่วยเราให้พ้นจากภัยทางการเงินได้
1. อย่าเป็นพวก “ซื้อเล็กซื้อน้อย เป็นร้อยนะจ๊ะ”
รู้หรือไม่ว่าเราอาจสูญเสียหนทางแห่งความมั่งคั่งทุกครั้งที่ควักเงินหลักสิบหลักร้อยเพื่อใช้จ่ายไปกับสิ่งที่คิดว่าไม่ได้หนักหนาอะไร เช่น สั่งอัพไซส์ชานมไข่มุก แวะซื้อบุหรี่ข้างทาง ออกไปกินข้าวในห้าง หรือแม้แต่จ่ายค่าดูหนังฟังเพลงออนไลน์รายเดือน ทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายเพิ่มเล็กๆ น้อยๆ เพียงวันละ 100 บาท คิดรวมดีๆ ก็เป็น 36,500 บาทต่อปี เงินก้อนนี้สามารถนำไปใช้จ่ายค่าผ่อนบ้านหรือผ่อนรถได้เลยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรากำลังตกที่นั่งลำบากทางการเงินอยู่ด้วยแล้ว การลด ละ เลิก ค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้มีส่วนสำคัญมากเลยทีเดียว
2. อย่าเป็นพวก “จ่ายไม่รู้จบ”
ถามตัวเองให้แน่ใจก่อนว่าสินค้าและบริการบางอย่างคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆ หรือเปล่า เพราะมันจะแลกกับการที่คุณต้องมีค่าใช้จ่ายรายเดือนหรือรายปีไปตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเคเบิ้ลทีวี ค่าบริการดูหนังออนไลน์หรือสมาชิกฟิตเนส ทั้งหมดนี้มีค่าใช้จ่ายให้คุณต้องจ่าย แต่จะไม่ได้สินทรัพย์ใดมาครอบครองเป็นของตัวเอง ในช่วงเวลาที่เงินขาดมือหรือว่าคุณต้องการออมเพิ่มมากขึ้น ลองปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การดำรงชีวิตของตัวเองให้เป็นแบบสบายๆ แล้วมีเงินเก็บไว้เผื่อใช้ยามจำเป็นอาจจะดีกว่า
3. อย่าเป็นพวก “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง”
สมัยนี้การใช้บัตรเครดิตซื้อสิ่งต่างๆ กลับกลายเป็นเรื่องธรรมดา แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าสุดท้ายว่าเราต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นสองเท่าให้กับค่าน้ำมันที่เพิ่งรูดเติมไป ทั้งการซื้อเสบียงเข้าบ้านเอย ของใช้เอย ล้วนเป็นสิ่งที่คุณต้องคอยจ่ายตามหลังทั้งๆ ที่ใช้หมดเกลี้ยงไปตั้งนานแล้ว อย่าให้ตัวเองเป็นหนึ่งในนั้นเลย อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตทำให้สินค้าที่ดูเหมือนจะคุ้มราคาหน้าจุดขายกลายเป็นสิ่งที่แพงยิ่งขึ้นทันที อีกทั้งการใช้ชีวิตที่ต้องคอยพึ่งบัตรเครดิตอยู่ตลอดเวลาอาจทำให้เรามีนิสัยใช้จ่ายเกินกว่าเงินที่หามาได้ด้วยตัวเอง ลองเปลี่ยนไปใช้บัตรเดบิตหรือจ่ายเงินด้วย QR CODE, PROMPTPAY หรือโอนเงินเข้าบัญชีแทน แต่ถ้าใครยังอยากใช้บัตรเครดิตเพื่อสะสมแต้ม ลองใช้วิธีอีกแบบคือ ทุกครั้งที่รูดบัตรไปให้โอนเงินผ่าน mobile app โยกเงินไปอีกบัญชีหนึ่งเพื่อรอชำระหนี้บัตรเครดิต จะได้รู้ว่าตอนนี้เงินในบัญชีเพื่อใช้จ่ายประจำวันยังเหลืออยู่อีกกี่บาทกันแน่ วิธีนี้ช่วยป้องกันการใช้เงินเกินตัว
4. อย่าถอยรถใหม่โดยไม่มีเงินสดซื้อมากพอ
แม้ว่ามีจำนวนรถใหม่ที่ขายออกมาวิ่งบนถนนเป็นล้านคันในแต่ละปี แต่จะมีคนเพียงจำนวนนิดเดียวเท่านั้นที่สามารถซื้อมันได้ด้วยเงินสดๆ แบบชิลล์ๆ ไร้ดอกเบี้ย โปรดรำลึกไว้ว่า “ความสามารถในการซื้อด้วยเงินสดหมายถึงความสามารถในการซื้อรถ แต่การมีความสามารถในการซื้อรถไม่ได้หมายความว่าจะมีความสามารถในการชำระบิลค่าผ่อนรถ” หากเราซื้อรถมาโดยการกู้ยืมจากไฟแนนซ์เท่ากับเรากำลังจ่ายดอกเบี้ยให้กับทรัพย์สินที่มีค่าเสื่อมราคาซึ่งจะยิ่งขยายช่องว่างระหว่างราคาที่เราต้องจ่ายไปกับมูลค่าของมันจริงๆ และยิ่งหนักไปกว่านั้นเมื่อหลายคนชอบนำรถของตัวเองไปขอสินเชื่อทุกๆ สองถึงสามปีและสูญเสียดอกเบี้ยไปกับวงจรนี้อีกทาง แต่หากเป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ ที่คุณต้องซื้อรถ (หรือยืมเงินมาซื้อรถ) ให้เลือกรถที่ประหยัดพลังงาน ใช้น้ำมันหรือแก๊สน้อย รวมถึงค่าประกันและการบำรุงรักษาที่คุ้มค่าที่สุก รถนั้นมีราคาแพง หากเลือกซื้อรุ่นที่เกินความต้องการใช้งานของตัวเองก็นับว่าคุณนำเงินที่ควรจะเป็นเงินเก็บมาเผาเล่นดีๆ นี่เอง
5. อย่าเป็นพวก “เล่นใหญ่ไว้ก่อน”
เมื่อถึงคราวที่ต้องซื้อบ้าน คอนโด ที่อยู่อาศัยแบบต่างๆ แนวความคิดที่ว่า “ขนาดใหญ่ไว้ก่อน” ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเสมอไป เว้นเสียแต่ว่าคุณมีครอบครัวที่ใหญ่หรือสมาชิกในบ้านเยอะจริงๆ การซื้อบ้านขนาดใหญ่โตเกินใช้งานมีแต่จะทำให้เราต้องเสียค่าบำรุงรักษาหรือค่าส่วนกลางที่เยอะเพิ่มตามมา เราอยากจะจ่ายมันจริงๆ หรือ สิ่งที่ควรทำคือหาที่อยู่อาศัยที่พอดีกับชีวิตของเรา เพื่อจะได้เอาเงินที่จะต้องไปจ่ายสิ่งที่ “เกินใช้งาน” ไปทำอย่างอื่นที่สร้างคุณค่าให้กับตัวเรามากขึ้น