อย่ามองข้ามกลุ่มผุ้บริโภค Masstige
สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน เข้าใจว่าผมเคยเขียนบทความหนึ่ง ที่เล่าเกี่ยวกับกลุ่มผู้บริโภคของตลาดอสังหาฯ ว่ามีการแบ่งเป็น segment ย่อยต่างๆ ตั้งแต่ Mass จนถึง Niche มาแล้วใช่ไหมครับ?…ที่ถามเพราะว่าผมเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน ว่าเคยเขียน หรือว่าไปเล่าไว้ที่ไหน ตอนไหน ฮา…เอาเป็นว่าในวันนี้ผมจะพูดถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มีลักษณะเป็นครึ่งควบลูกแล้วกันครับ ฟังแล้วอาจจะออกแนวฟุตบอลไปหน่อยครับ แฮ่ม >>> เป็นเวลา 1 ทศวรรษแล้วครับที่คุณ Michael J. Silverstein และ Neil Fiske ได้แจ้งเกิดนิยามทางการตลาดที่เรียกว่า Masstige (แมสทีจ) ขึ้นมากับหนังสือที่มีชื่อว่า Trading Up, The New American Luxury ครับ ซึ่งเนื้อหานั้นเป็นการเล่าถึงผลการศึกษาของกลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกัน ที่มีความทะเยอทะยานอยากจะยกระดับสถานะทางสังคมของตัวเอง เพื่อให้ตัวเองได้ใช้ชีวิตใกล้เคียงกับคำว่าไฮโซมากยิ่งขึ้นนะครับ หนังสือเล่มนี้ตอบคำถามให้นักการตลาดอย่างชัดเจนว่าทำไมน้อ แบรนด์สุดหรูอย่างเราถึงได้สร้างยอดขายอย่างมากกับกลุ่มคนชั้นกลาง – ล่างอย่างถล่มทลาย ซึ่งคำว่า Masstige ก็คือนิยามกลุ่มผู้บริโภค 2 กลุ่มคือ Mass และ Prestige มาผสมกันนี่เองครับ
หนังสือเล่มนี้มีอิทธิพลมากต่อการจำกัดความของทฤษฎี Luxury Marketing เพราะว่ามันสะท้อนถึงชีวิตจริงของผู้บริโภค ไม่ใช่เพียงแค่อเมริกาเท่านั้น แต่ผมคิดว่าคนไทยนี่หละครับตัวดี!! เคยเห็นไหมครับว่าจะมีประเทศไหนที่มีธุรกิจให้ยืม-เช่าสินค้าแบรนด์เนม อย่างพวกกระเป๋า รองเท้า นาฬิกา ฯลฯ จะเฟื่องฟูแบบบ้านเราบ้างครับ? สาระสำคัญของการทำการตลาดกับกลุ่ม Masstige ก็คือ คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ว่าจะทุ่มเทเงินไปซื้อสินค้าราคาแพง เพื่อใช้ใน ชีวิตประจำวันทั้งหมดน่ะครับ แต่จะมีสินค้าบางประเภทเท่านั้นที่กลุ่มแมสทีจยินยอมที่จะทุ่มเงินเพื่อให้ได้มาเป็นเจ้าของ >> ยกตัวอย่างเช่นผมเองไม่มีเครื่องประดับ เครื่องแต่งกายอะไรที่เป็นแบรนด์ Luxury เลยครับ เพราะว่า…ไม่ใช่ทั้งไฮโซ และก็ไม่มีเงินด้วยอ่ะครับ แต่จะมีอยู่สิ่งนึงที่ผมมักจะเลือกใช้แบรนด์ Luxury เสมอๆ นั่นคือนาฬิกาครับ