เมืองเลียบชายฝั่งมีการพัฒนาให้เจริญเติบโตและมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้น

การเคลื่อนไหวในตลาดอสังหาริมทรัพย์สุดหรูมีความเฟื่องฟูมากในเวียดนาม สะท้อนภาพความก้าวหน้าของเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นถึง 7.38 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในการวัด GDP  ในไตรมาสแรกของปี 2018  และแข็งแรงที่สุดในรอบทศวรรษ

ในเมืองฮานอยเนื้อที่ใน star Lake City  ชุมชนซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในแถบทะเลสาบถูกวางแผนการสร้างโดยจะมีทั้งบ้านหรูและบ้านพร้อมที่ดินติดแม่น้ำ, โรงเรียนนานาชาติและตึกสำนักงาน

ในเมืองโฮจิมินห์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างพากันเร่งความคล่องในเกมของพวกเขาด้วยโครงการต่างๆเช่น Serenity Sky Villas ที่มี เพนเฮาส์มูลค่ามากถึง 60.84 ล้านดอง (2.64 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีลิฟท์ส่วนตัว, เฟอร์นิเจอร์และไฟออกแบบโดยดีไซเนอร์ แต่ละห้องจะมีสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่ที่บริเวณระเบียง ใกล้ๆกันนี้ตึกที่พักอาศัยเกรดพรีเมี่ยมจาก Felizen Vista ตึก 34 ชั้นที่รวมไปด้วยสวนหย่อม, เพนท์เฮ้าส์ 2 ชั้นและคฤหาสน์ลอยฟ้า พร้อมทั้งซิก้าบาร์, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, จากุซซี่น้ำพุร้อน, โรงภาพยนตร์กลางแจ้งและสะพานทางเดินแนวผจญภัยบนยอดไม้

ภาพการออกแบบภายในของบ้านจากโครงการ Serenity Sky Villas

“สำหรับ 3 หรือ 4 ปีที่ผ่านมาเราสามารถเห็นการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมการพัฒนาโครงการต่างๆด้วยการเปิดตัวใหม่ในตลาดระดับพรีเมียมและลุลา” Stephen Wyatt หัวหน้าของ Jones Kang Lasalle  หรือ JLL ในเวียดนาม เขาชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายการครอบครองของชาวต่างชาติในปี 2015 ทำให้ผู้ซื้อชาวต่างชาติสามารถทำสัญญาได้ในระยะที่ยาวขึ้น  ทำให้ผู้ซื้อชาวต่างชาติสามารถทำสัญญาได้ในระยะที่ยาวขึ้นและ และซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามได้ง่ายขึ้นขณะนี้ชาวต่างชาติสามารถซื้อสัญญาทดแทนในระยะเวลา 50 ปีได้และด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่การซื้อเพื่อการใช้งานส่วนบุคคล นอกจากนี้นักพัฒนาต่างๆสามารถขายห้องได้มากถึง 30% ของอาคารชุด และ 10% ของที่ดินที่อยู่อาศัยในที่พักอาศัยแบบผสมผสานให้กับชาวต่างชาติ ซึ่งเมื่อก่อนมีการอนุญาตให้ครอบครองเพียงยูนิตเดียวเท่านั้น

นอกเหนือจากเมืองใหญ่ๆอย่างกรุงฮานอยและเมืองโฮจิมินห์แล้วกิจกรรมทางด้านอสังหาริมทรัพย์ที่หรูหรากำลังเดือดมากขึ้นเช่นกันในเมืองแถบชายฝั่งทะเลของ Danang และ Nha Trang เมืองชายหาดอย่างเช่น Ho Tram เช่นเดียวกับเกาะ Phu Quoc

“นี่เป็นตลาดเกิดใหม่สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่หรูหรา แต่ก็ยังมีประชากรผู้ประกอบการที่มีพลังจำนวน 95 ล้านคนซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว” Wyatt กล่าว “กลุ่มคนชนชั้นกลางและกลุ่มคนร่ำรวย” ของประเทศมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2020 จากการอ้างอิงของ The Boston consulting Group  ผู้ที่จะสร้างความต้องการในการขายและให้เช่าเพิ่มขึ้น

สิ่งนี้ไม่ได้เป็นที่สังเกตมากนักสำหรับนักลงทุน เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่มีความหมายสำหรับตลาดหุ้นของเมืองโฮจิมินห์ Vinhomes นักพัฒนาโครงการที่พักอาศัยที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มีมูลค่ามากถึง 31.1 ล้านล้านดอง ( 7.6 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในการเริ่มเสนอขายหุ้นใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศเคยเจอมา

Vinhomes ที่เป็นเจ้าของคอนโดระดับหรูหรา Hi-end  เกือบครึ่งของประเทศระบุไว้ในบทสัมภาษณ์ว่าจำนวนยอดขายที่หดตัวลงมีการคาดการณ์ว่าจะสูงขึ้นถึง 105 ล้านล้านดอง (4.6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) ในปลายปีนี้ App พุ่งสูงขึ้นอีกถึง 175.2 ล้านล้านดอง (7.6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2019 จริงๆแล้วรายงานล่าสุดของ Savills เปิดเผยว่ามีการเพิ่มขึ้น 9% ต่อปีสำหรับราคาอพาร์ทเม้นจากปี 2013 ถึง 2017 ด้วยราคาเฉลี่ยของตลาดที่กว้างขึ้นและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

อุปสรรคที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักพัฒนา

อ้างอิงจาก Matthew Powell ผู้อำนวยการขอ Savills Hanoi (ผู้ที่จัดการดูแลประมาณ 10,000 ยูนิตในเมืองหลวง)  นักพัฒนามีความกระตือรือร้นมากขึ้นในการเข้ามาทำธุรกิจในตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับ hi-end ของประเทศ

ยังดีกว่าความต้องการ “หลัก” จะดึงดูดเหล่านักพัฒนาทั้งในและต่างประเทศ Powell กล่าว

ช่วยเหลือจากต้นเหตุคือความจริงที่ว่า พวกเขาจะได้รับประโยชน์จากกฎระเบียบที่มีอยู่ซึ่งขึ้นอยู่กับการกู้ยืม ในเวียดนามอสังหาริมทรัพย์สามารถถูกขายแบบ Pre Sale  เพียงครั้งเดียวเมื่อการสร้างพื้นฐาน เช่นโครงสร้างพื้นฐาน, ไฟถนนและการจัดสวนเสร็จสิ้น

แม้ว่าประเทศจะมีสถานะเป็นตลาดที่เพิ่งเกิดใหม่ แต่มาตรฐานและความคาดหวังสำหรับอสังหาริมทรัพย์สุดหรูที่มีการปรับปรุงแก้ไข, เรียนรู้และดัดแปลงรสนิยมระดับสากลได้อย่างรวดเร็ว

ความสามารถทางด้านการออกแบบและบริการทางอสังหาริมทรัพย์ได้ “เกิดขึ้นและถูกปรับปรุงแล้ว” Powell กล่าว ด้วยการเพิ่มขึ้นของการบริหารการจัดการทรัพย์สินประเภทคอนโดมิเนียมและชุมชนรีสอร์ทที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีมาก “พวกเขาสามารถสร้างสถานการณ์ที่อึดอัดและมุ่งไปสู่หนึ่งในลำดับสูงสุดของรายชื่อ”

การเพิ่มมูลค่าสำหรับผู้ซื้อและนักลงทุน

Sunny Hoang ผู้อำนวยการเกี่ยวกับการขายที่พักอาศัยระดับสากลของ Savills ในเมืองโฮจิมินห์ คุณสมบัติความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมุ่งไปยังจุดราคาที่ต่ำลงของความหรูหรา เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกรุงเทพฯ และสิงคโปร์อพาร์ทเม้นท์ระดับพรีเมี่ยมมีราคาที่สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ในเมืองโฮจิมินห์สามารถมีราคาสูงมากกว่า 115.3 ล้านดองต่อตารางเมตร (5,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับอพาร์ทเม้นท์สุดหรูใกล้กับย่านที่มีชีวิตชีวาและใกล้กับย่านศูนย์กลางของการทำธุรกิจ แต่สำหรับที่อื่นในเอเชียอย่างฮ่องกงจะมีราคาสูงกว่าถึง 4 เท่า

ความต้องการภายในประเทศเป็นแรงผลักดันหลักของตลาด แต่สำหรับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไต้หวัน, ฮ่องกง, เกาหลีและจีนผู้ที่มีความกระตือรือร้นในผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม เวียดนามกำลังเติบโตขึ้นในฐานะจุดหมายปลายทางที่ดีกว่าประเทศของตน “เราสามารถเห็นความต้องการความหรูหราที่สูงกว่าอุปทานฉะนั้นใน 3-5 ปีข้างหน้าจะเป็นปีที่ดีมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในเอเชีย” Hoang กล่าว

สำหรับนักลงทุนการได้กำไรคืนจากการลงทุนเป็นเรื่องที่น่าสนใจพอสมควรเพราะอพาร์ทเม้นท์หรูหรามีจำนวนน้อย พวกเขาคาดหวังกับการได้กำไรคืนที่สูงกว่าและซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุกๆปี เธอกล่าวเพิ่มอีกว่ามีโอกาสที่ค่อนข้างดีใน District 1  ย่านศูนย์กลางธุรกิจในเมืองโฮจิมินห์ และเหล่าอสังหาริมทรัพย์ที่มีวิวของแม่น้ำไซ่ง่อนหรือจุดที่อยู่ใกล้กับจุดเปลี่ยนสถานีรถไฟใต้ดินที่จะมีขึ้นในอนาคต ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเสร็จภายในปี 2022

การเพิ่มขึ้นของบ้านตามชายฝั่ง

การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในแถบชายฝั่งของเวียดนามคืออีกผู้สนับสนุนการเติบโตของตลาดที่พักอาศัยสุดหรูในเวียดนาม Danang ร่วมกับเมืองเลียบชายฝั่งอื่นๆอย่าง Phu Quoc, Ho Tram และ Quang Nam ได้มีประสบการณ์ในเรื่องการเจริญเติบโตของตลาดการท่องเที่ยวและบ้านหลังที่สอง ด้วยสนามกอล์ฟระดับโลก จุดท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงตัวอย่างเช่น บ้านจำนวน 3 ห้องนอนบนยอดเขาของ  The banyan tree La ng Co Residences ที่มีราคาสูงถึง 29.5 พันล้านดอง ( 1.28 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) และมีความโดดเด่นในเรื่องของระยะทางไปยังสนามบิน Danang อวดวิวทะเลแบบพาโนราม่าและสระว่ายน้ำส่วนตัวพร้อมการตกแต่งภายในด้วยแรงบันดาลใจจากการใช้ชีวิตแบบชาวท้องถิ่น

“อสังหาริมทรัพย์ระดับ hi-end ตามแนวชายฝั่งเริ่มบูมขึ้นในปี 2006” David Blackhall กรรมการผู้อำนวยการของ Real Estate  at  Vinacapital  กล่าว “พวกเราลงทุนไปกับการพัฒนาเกี่ยวกับสนามกอล์ฟและชายหาด และเราคิดว่าเราจะสามารถขายสินค้าจำนวนมากให้กับชาวต่างชาติ แต่มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์นั้นถูกขายไปให้กับชาวเวียดนามเองเนื่องจากพวกเขามีความสามารถในการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ และขณะนี้มีความสามารถในการเข้าถึงสินค้าที่พักอาศัยที่มีความโมเดิร์นและถูกออกแบบมาดีเหมาะสำหรับเป็นที่พักอาศัยระดับตัวท็อป”

Blackhall กล่าวว่ากฎระเบียบบางอย่างเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของของชาวต่างชาติโดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการขายต่อสังหาริมทรัพย์ยังคงมีความไม่ชัดเจน แต่จำนวนของผู้ซื้อชาวต่างชาติก็ยังมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในรอบ 10 ปี เมื่อจุดเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเมืองฮานอยหรือโฮจิมินห์ และสนามบินแห่งใหม่ใน Phu Quoc และ Danang สร้างเสร็จ

“หากคุณมองเวียดนามแบบมุมมองทางภูมิศาสตร์ ที่นี่เป็นจุดศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีโอกาสในการพักผ่อนหย่อนใจมากมายเช่น การพัฒนาหลักสูตรการเล่นกอล์ฟและคาสิโนซึ่งมีอยู่มากมายตามชายฝั่งทะเล และการขายวิวชายฝั่งทะเล” เขากล่าว

ชายหาดที่สวยงามของเกาะ Nam Du

ทัศนียภาพ : การเจริญเติบโตหลัก

เนื่องจากการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจนักพัฒนาต่างก็คาดหวังว่าจะมีชาวต่างชาติมองหาบ้านคุณภาพสูงเพิ่มมากขึ้น และเพื่อการปิดช่องโหว่ต่างๆจึงมีการเปิดตัวโครงการหรูหราเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้ซื้อชาวต่างชาติและนักลงทุน

ในความเป็นจริง CBRE  บริษัทนักลงทุนและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกรายงานว่าจำนวนปริมาณการเสนอขายทั้งหมดของอพาร์ทเม้นท์หรูในเมืองโฮจิมินห์จะอยู่ที่ประมาณ 4,000 ยูนิต ในขณะที่จำนวนประชากรของเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพุ่งสูงขึ้นไปมากกว่า 10 ล้านคน

แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นมีความชัดเจนในเรื่องของคุณภาพที่ดีขึ้นของการเปิดตัวใหม่ๆและราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยราคาต่อตารางเมตรในย่านศูนย์กลางธุรกิจอยู่ที่ประมาณ 12.8 4 ล้านดอง ( 557 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยที่ 9.64 ล้านดอง ( 418 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ) ใน 2 ปีที่ผ่านมา

“เวียดนามยังคงตามหลังกรุงเทพฯ และเมืองลำดับ 2 และ 3 ในประเทศจีน แต่ด้วยความรู้สึกโดยทั่วไปคือมันจะเพิ่มขึ้นได้ภายใน 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า” Wyatt กล่าวเพิ่มเติมจากที่ JLL ได้พยากรณ์ว่าจะมีการเจริญเติบโตมากขึ้น 10% ในเรื่องของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัยในเมืองเล็กๆในปีนี้ด้วยกำไรที่มากขึ้นเรื่อยๆ

ที่มา : https://www.mansionglobal.com/articles/vietnam-the-next-frontier-in-asia-s-luxury-real-estate-market-102826?link=TD_mansionglobal_articles.a2aa4e199540b4fe&utm_source=mansionglobal_articles.a2aa4e199540b4fe&utm_campaign=circular&utm_medium=MANSIONGLOBAL&locale=