จะว่าไปแล้วทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค) ก็ฮิตใช่ย่อย โดยเฉพาะช่วงถนนเพชรเกษม (ที่ตั้งของสถานีบางหว้า-สถานีหลักสอง) เพราะมีดีเวลลอปเปอร์ทั้งในและนอกตลาด เข้าไปเปิดโครงการดักรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างอยู่เป็นระยะๆ โครงการคอนโดโซนนี้จึงมีให้เลือกเยอะพอสมควร ตัวเลือกที่ว่าก็มีทั้งแบบเปิดตัวใหม่ กำลังก่อสร้างไปจนถึงสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วก็มี สำหรับคอนโดแท่งล่าสุดที่เพิ่งสร้างเสร็จไปหมาดๆ บนถนนเพชรเกษมคือ The Viva Condo เพชรเกษม 68 ที่มี บริษัท ทรัพย์ในดินสินในน้ำนำโชค จำกัด ดีเวลลอปเปอร์เจ้าเล็ก ที่เคยฝากฝีมือไว้กับคอนโดแบรนด์เดียวกัน The Viva Condo สาทร-ตากสิน (บีทีเอส สถานีวงเวียนใหญ่) เป็นผู้พัฒนาโครงการ กลับมาครั้งนี้บริษัทยังเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดโลว์ไรส์ 8 ชั้นอยู่เหมือนเดิม ส่วนที่ดินคัดเน้นๆ เลือกทำเลได้โอเคมาก เพราะแปลงที่ดินจะอยู่ติดถนนเพชรเกษม เลยแยกบางแคไปนิดเดียว โครงการมีทางเดินเข้า-ออก ติดถนนใหญ่เพชรเกษม แต่ทางเข้า-ออกสำหรับรถยนต์ และเป็นทางเข้าหลักของโครงการอยู่ในซอยเพชรเกษม 68 (เข้าซอยไม่ถึง 50 เมตร เรียกได้ว่าเลี้ยวรถปุ๊ปก็ถึงโครงการปั๊ป) ในอนาคตมีรางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสถานีซึ่งกำลังก่อสร้างจ่อรออยู่แล้ว ตัวโครงการก็อยู่ห่างจากสถานีบางแค 400 เมตรแบบพอดีเป๊ะ การเดินทาง มาจากถนนสาทรก็ขึ้นสะพานตากสินแล้วตรงยาวข้ามไปตามรางรถไฟฟ้าสถานีบางหว้าเลยครับ ตรงแถวสถานีวุฒากาศจะงงนิดนึงให้เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายถนนราชพฤกษ์ ซ้ายอีกทีไปทางบ้านกลางเมืองสาทร ตากสิน แต่ขึ้นสะพานทางด้านขวาไปครับ ลงมาจะเจอเลี้ยวซ้ายไปทางบางแคครับ เห็น The President คอนโดทางด้านขวามือ ซ้ายมือเป็นสถานีบางหว้าครับ ถ้ามา BTS ให้ลงที่สถานีนี้ และในอนาคตเมื่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค เปิดใช้ คนใช้ BTS ก็ต้องเปลี่ยนสายเป็น MRT เพื่อไปลงสถานีบางแคครับ สถานีเพชรเกษม 48 มีคอนโด Bangkok Horizon P48 อยู่ทางด้านขวาครับ หน้าห้างซีคอน บางแค คือสถานีภาษีเจริญครับ ผ่านตลาดบางแคเห็นป้ายโลตัสอยู่ทางขวาปุป ก็เตรียมชิดขวากลับรถครับ กลับรถมาก็จะเจอซอยเพชรเกษม 68 อยู่ทางซ้ายมือเลยครับ ทำเลของโครงการบอกได้เลยว่าอยู่ในย่านชุมชน ตัวโครงการติดร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงอย่างเซเว่น/แฟมิลี่มาร์ต และ อยู่ห่างจากโลตัส บางแคแค่ 100 เมตรเท่านั้น ยังไม่รวมตลาดบางแคกับร้านค้าตามตึกแถวที่เรียงรายอยู่บนถนนเพชรเกษมอีก ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะหาของกินลำบาก ส่วนถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศกินของร้านหรูและชอปปิ้งของสวยๆ งามๆ ก็มีออพชั่นเป็นช้อปปิ้งมอลล์ขนาดยักษ์ประจำย่านอย่างซีคอน บางแคและเดอะมอลล์ บางแคให้เลือกใช้บริการ ปากซอยเพชรเกษม 68 มีทั้งวินมอเตอร์ไซค์ ธนาคารไทยพาณิชย์แล้วก็ร้านเจียงลูกชิ้นปลาด้วยครับ ที่ Hi light สีเขียวด้านขวานั่นคือทางเข้าโครงการหลักแล้วครับ ด้านหน้าโครงการติดถนนเพชรเกษม 68 หันไปทางทิศตะวันตก วิวฝั่งนี้ไม่มีตึกบล็อกอะไรมากเพราะที่ดินหน้าปากซอยยังเป็นที่ดินโล่งๆ มีต้นไม้ใหญ่อยู่ แต่ระยะใกล้ยังเห็นด้านหลังของอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้นอยู่บ้าง ขณะที่ทิศตะวันออก ติดบล็อควิวตึกแถวถึงชั้น 3 ส่วนทิศเหนือเป็นด้านที่วิวโล่งที่สุด วิวเป็นถนนและบ้านเดี่ยวที่อยู่ภายในซอยเพชรเกษม 68 ขณะที่ทิศใต้ บ้านข้างเคียงบังวิวสูงถึงชั้น 4 แต่ได้แก้ไข โดยมีการทาสีใหม่ให้กับอาคารรอบๆแล้ว… ดูสะอาดตาดีครับ โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ 1-2-91.8 ไร่ ตัวอาคารออกแบบเป็นรูปตัวยู สูง 8 ชั้น มีห้องพักทั้งหมด 222 ห้อง หรือเฉลี่ยชั้นละ 32 ห้อง ความถี่ของห้องเมื่อเทียบกับแปลนอาคารถือว่ากำลังดี ไม่อึดอัด Facility ของโครงการก็มีครบทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนสและสวนพักผ่อน ที่กระจายอยู่ที่ชั้น Ground และชั้น 8 ที่จอดรถอยู่ชั้นล่างสุด สามารถจอดรถ (รวมซ้อนคันแล้ว) 47% ทางเข้า-ออกทั้งหมดเป็นระบบ Keycard Access ทางเข้าหลักที่เป็นทางเดินรถเข้าออกใช้ระบบการ์ดแตะครับ พื้นทางเข้าเป็นคอนกรีตพิมพ์ลายขนาดกว้าง 9 เมตร ป้ายทางเข้าโครงการใหญ่ดีครับ ถนนในโครงการ จัดให้รถวิ่งเป็น Oneway ไม่สวนกัน เข้ามาแล้ววนทางซ้าย โดยล้อบบี้จะอยู่ทางด้านทิศใต้และ มีทางเข้าจากลานจอดรถสามารถเลือกเข้าได้จากทั้ง 2 ฝั่งครับ ไม่ต้องเดิมอ้อม บริเวณลานจอดรถก็ยังมีพื้นที่สวน พร้อมที่นั่งให้อีกแหน่ะ รูปทางเดินเข้าออกติดถนนใหญ่เพชรเกษม ทำทางเข้าออกได้สวยงามดีครับ อยู่ติดเซเว่นเลยสะดวกมากๆ ราวกับมีเซเว่นอยู่ในโครงการ เข้ามาแล้วก็จะมีสวนเล็กๆขนาบทางเดินสองฝั่ง พร้อมไฟสนามครับ เข้ามาในตัวโครงการกันบ้าง สิ่งแรกที่ต้องร้องว้าวเลยคือล็อบบี้สำหรับรับแขก แม้พื้นที่ของล็อบบี้จะไม่ได้ใหญ่โตโอ่โถ่ง แต่การออกแบบอินทีเรียร์ดีไซน์และการเลือกใช้วัสดุตกแต่งเป็นหินแกรนิโต้สีดำ กรุกระจกเงาบนฝ้าเพดานเพื่อเพิ่มแสงสะท้อนและเสริมลูกเล่นบนผนังด้วยลายเส้นสวยๆ ก็สร้างความหรูหรา โมเดิร์นและอบอุ่นให้กับล็อบบี้ได้แล้ว (บอกเลยว่าเป็นล็อบบี้ที่ดูดีที่สุดในบรรดาคอนโด Low rise ระดับ mass สำหรับย่านนี้) แวบแรกที่เดินเข้าโครงการนี้ก็รู้สึกว่าเหมือนคอนโด Low rise 8 ชั้นทั่วๆ ไป ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย แต่พอเดินเข้าตัวตึกเห็นล็อบบี้สวยเก๋ กล่องรับจดหมายเรียบเท่ Facility ที่ให้ฟิตเนสขนาดใหญ่กว่าคอนโด Low rise ที่อื่น โถงลิฟต์และลิฟต์ระบบสัมผัส…ความคิดก็เปลี่ยนไปทันที เพราะจริงๆ แล้ว เดอะ วีว่า คอนโดนี้ มีดีแบบซ่อนรูปนี่เอง เรียกได้ว่านี่คือ beyond expectation สำหรับคอนโดราคาล้านกว่าบาท ย่านบางแค ซ้ายมือคือห้องนิติบุคคลครับ หันไปด้านขวามีเก้าอี้ให้แขกนั่งรอได้ครับ จะเข้าโถงลิฟท์ได้ก็ต้องใช้การ์ดแตะอีกรอบครับ   จากล็อบบี้เดินผ่านประตูเข้าไปก็เป็นทางเดินเรียบๆ ที่เชื่อมทางเข้าออกระหว่างลานจอดรถทั้งสองด้านของตัวอาคาร บริเวณทางเดินยังบิลด์อินตู้จดหมายของลูกบ้านทั้งหมด มองจากทางเข้าออกทางฝั่งทิศเหนือครับ ตรงข้ามกับตู้จดหมายเป็นทางเดินออกไปยังสระว่ายน้ำและสวนพักผ่อนที่ตั้งอยู่ใจกลางโครงการ สระว่ายน้ำที่นี่เจ้าของโครงการลงทุนทำระบบเกลือให้ลูกบ้านกันเลยทีเดียว หลายคนอาจจะมองว่าขนาดของสระเล็กไปสักนิด กว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร ลึก 1.3 เมตร) แต่ถ้าเทียบกับพื้นที่ทั้งหมดและขนาดของโครงการแล้วก็ถือว่ากำลังดี ไม่เล็กจนว่ายออกกำลังไม่ได้และไม่ใหญ่จนไปกินพื้นที่ Facility อื่นๆ ส่วนสวนและที่นั่งพักผ่อนรอบสระน้ำก็ออกแบบเรียบๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ ขณะที่โถงลิฟต์ก็ออกแบบให้เรียบหรูด้วยแกรนิโต้สีเทาและกรุผนังด้วยไม้แต่งผนังสีทอง ลิฟต์ของโครงการมี 2 ตัวเป็นลิฟต์ระบบสัมผัสของ Schindler ชั้น 2 เป็นที่ตั้งของฟิตเนส บอกได้เลยว่าฟิตเนสที่นี่สุดยอดมากๆ นอกจากจะให้พื้นที่มากกว่าโครงการใหญ่ๆ บางโครงการแล้ว เครื่องออกกำลังกายทั้งลู่วิ่ง จักรยาน ครอสเทรนนิ่งรวมถึงอุปกรณ์ประเภทเวทเทรนนิ่งก็มีให้ครบ ไฮไลท์ของห้องนี้อยู่ที่พื้นของห้องออกกำลังกายที่ปูด้วยกระเบื้องยางไฟเบอร์ ไม่ลื่นแถมไม่หนาวเท้าหากเข้ามาเล่นตอนเปิดแอร์เย็นๆ (สเปคของพื้นแบบนี้ส่วนใหญ่จะเห็นเฉพาะโครงการแพงๆ นะครับ) ภายในยังมีห้องน้ำในตัว ติดแอร์และพัดลมสำหรับบริการลูกบ้านให้เสร็จสรรพ ห้องฟิตเนสกรุกระจกใสบานใหญ่มองเห็นระเบียงระเบียงรับลมที่อยู่ด้านหน้าและเทควิวสวยๆ ของสระว่ายน้ำได้ เปิดประตูออกไปที่ระเบียงได้นะครับ แต่คงต้องตอนเย็นๆถึงจะเหมาะเพราะด้านนี้เป็นทิศตะวันตกรับแดดบ่ายเต็มๆครับ จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโครงการนี้คือ จะมีส่วนของห้องที่เป็น Single Loaded Corridor ตั้งแต่ชั้น 2-7 มีมุมเปิดโล่งให้แสงเข้าและระบายอากาศ ห้องทางปีกทิศเหนือเบอร์ 6,7,8 และ 9 จะได้เป็น single loaded corridor มี void สูงจากชั้น Ground ถึงชั้น 7 ครับ ถ้าบวกกับช่องแสงปกติที่ทางโครงการมีให้ถึง 4 จุดต่อชั้นแล้ว ด้านนี้เลยมีลม flow + แสง เยอะสุดครับ ส่วนชั้น 8 ไม่มี Single Load Corridor เพราะเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นสวนดาดฟ้า สำหรับนั่งเล่นรับลมยามเย็นหรือจะนั่งดูดาวสวยๆ ชิวๆ กลางดึกก็ยังได้แทน ทางด้านทิศใต้ของชั้น 8 ก็ยังมีจุดชมวิวเล็กๆไว้ให้ดูวิวฝั่งถนนเพชรเกษมนะครับ ตรงหน้าห้อง 814 ลูกบ้านรับลมเทควิวถนนเพชรเกษมและรถไฟฟ้าได้เลยสำหรับระเบียงชั้น 8 เพราะไม่อยู่ในโซนที่ติดบล็อควิวจากตึกแถวแล้ว…ยืมรูปโฆษณาของโครงการมา จะเห็น Lotus และสถานีบางแคอยู่ในระยะใกล้เลยครับ นอกจากสวนดาดฟ้าแล้วโครงการนี้ยังออกแบบโดยคิดถึงการถ่ายเทอากาศภายในโครงการด้วย โดยจะมีช่องลมขนาดใหญ่ (มาก) ช่วยให้อากาศไหลเวียนเข้าและออกโครงการได้ตลอดเวลา ทางทิศใต้ของทุกชั้น Fully Furnished ที่นี่จะได้อะไรบ้าง? The Viva Condo เพชรเกษม 68 ขายห้องแบบแต่งครบพร้อมเข้าอยู่… ห้องก็พร้อมเข้าอยู่จริงๆ ทุกห้องจัดเต็มมาก เริ่มตั้งแต่ประตูเข้าห้องเป็นบานใหญ่สูง 2 เมตร กว้าง 90 เซนติเมตร มือจับเป็นแบบก้านโยก วัสดุปูพื้นห้องเป็นลามิเนต โซนครัวปูด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่ ระเบียงปูด้วยกระเบื้องกันลื่น เพดานห้องสูงตามมาตรฐาน 2.4 เมตร มาพร้อมกับแอร์แบบแขวนยี่ห้อ SAMSUNG 2 ตัว (ถ้าเป็นแบบ 2 ห้องนอนจะได้แอร์ 3 ตัว) เฟอร์นิเจอร์เป็นบิลด์อินสไตล์โมเดิร์นเน้นโทนสีเรียบๆ แบบขาว-น้ำตาลอ่อนๆ เฟอร์ฯที่ให้ก็มีตั้งแต่ชั้นวางรองเท้า ตู้ครอบกล่องไฟ ชั้นวางที่วีและตู้เก็บของเหนือชั้นวางทีวี โซฟา โต๊ะกลาง โต๊ะกินข้าว เคาน์เตอร์ครัว (ท็อปเป็นลามิเนตแรงดันสูงไร้รอยต่อ) บานสไสด์อลูมิเนียมแบบเต็มบาน (ตั้งแต่พื้นจรดเพดาน) กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัวและห้องครัวกับระเบียง ขณะที่ห้องนอนก็บิลด์อินตู้เสื้อผ้า (เป็นบานเลื่อนกระจกใสสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ด้านในออกแบบชั้นวางของ ลิ้นชัก ราวแขวนเสื้อ-กางเกงมาให้ครบ) แถมยังมีโต๊ะเครื่องแป้ง กระจกเงาและเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ด้วย เรียกว่าครบสุดๆ พาส่องห้องแต่งครบ…จัดเต็มทุกห้อง แวะเข้ามาดูตัวห้องกันบ้าง หลักๆ แล้วโครงการมีห้องให้เลือก 2 แบบหลักๆ คือ 1 และ 2 ห้องนอนครับ ทุกห้องตกแต่งแบบ Fully-Furnished มีเฟอร์บิลด์อินให้ครบเซ็ตพร้อมเข้าอยู่ ห้องแบบ 1 ห้องนอนที่นี่มีขนาด 27.5-28.6 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 1.61 ล้านบาท หรือ 58,500 บาทต่อตารางเมตร ขณะที่ 2 ห้องนอน (2 ห้องน้ำด้วยนะ แถมยังเป็นห้องมุมทุกห้องอีกต่างหาก) ขนาด 47 ตารางเมตร ราคาเริ่มที่ 2.83 ล้านบาท หรือประมาณ 60,000 บาทต่อตารางเมตร เลย์เอาท์ของแบบวันเบด ฟังก์ชั่นโดยรวมลงตัวเพราะการออกแบบคำนึงถึงการอยู่อาศัยจริงมาแล้ว ห้องนั่งเล่นค่อนข้างใหญ่ ส่วนห้องนอนไซส์กำลังพอดีวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ ห้องครัวออกแบบให้อยู่ติดกับระเบียง มีบานสไลด์กั้นเป็นสัดส่วนไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นเวลาทำอาหาร ขนาดกะทัดรัดกำลังดี (บานสไลด์สูงพื้นจรดฝ้า)…แต่มีข้อติหน่อยนึงคือต้องวางตู้เย็นทางด้านขวาอาจจะเกะกะเวลาเดินเข้าครัวครับ ได้โซฟาสองที่นั่ง Coffee Table และ โต๊ะทานข้าว 2 ที่นั่งครับ หน้าประตูมี build in ตู้เก็บรองเท้า และแผงควบคุมระบบไฟฟ้าให้ครับ ระเบียงกันตกที่นี่เป็นแสตนเลสนะครับ ไม่ใช่เหล็กทาสีแบบมาตรฐานคอนโดทั่วๆไป สบายใจไม่มีปัญหาสนิมในระยะยาวครับ ชั้นวางทีวีพร้อมตู้เก็บของทั้งด้านบนและด้านล่าง เป็น soft close นะครับ ระยะดูทีวีห่างพอสมควรเลย ขณะที่ห้องน้ำใช้สุขภัณฑ์และราวสแตนเลสจาก COTTO ทั้งหมด และติดตั้งพัดลมดูดอากาศให้ แม้จะไม่มีกระจกกั้นแยกโซนเบียก-โซนแห้งให้แต่ก็ทำสเต็ปเล็กๆ ไว้ตรงโซนอาบน้ำ (ถ้าใครอยากประหยัดงบก็ใช้ม่านอาบน้ำเอาก็ได้ครับ) ทางโครงการไม่ได้ให้เครื่องทำน้ำอุ่นแต่ก็เดินสายไฟสำหรับติดตั้งไว้ให้ลูกบ้านครบทุกห้อง ตู้เสื้อผ้า build in กระจกใสสูงพื้นจรดฝ้า มีอุปกรณ์ครบ เตียงขนาด 5 ฟุตมีลิ้นชักใส่ของได้ เลย์เอาท์แบบ 2 ห้องนอน บอกเลยว่าถ้าดูตามรูปภาพ unit plan ก็แทบจะไม่น่าเชื่อว่าจะทำออกมาเป็น 2 นอน 2 น้ำได้ในพื้นที่เพียงแค่ 47 ตรม.!! แต่พอดูของจริงแล้วก็ต้องบอกว่า surprise ในขนาดพื้นที่มาก ห้องนั่งเล่นขนาดพอๆ กับห้อง 1 นอน ห้องนอนใหญ่ก็ถือว่าใหญ่มากและมีห้องน้ำในตัวด้วย ขณะที่ห้องนอนเล็กก็ไม่ใช่ห้องแคบๆ ที่วางได้เฉพาะเตียง 3.5 ฟุต แต่ที่นี่ออกแบบให้วางเตียงแบบ 5 ฟุตได้เลย ห้องครัวจะใหญ่กว่าห้อง 1 นอนเล็กน้อยแต่ออกแบบให้อยู่ติดระเบียงและมีบานสไลด์กั้นให้เป็นสัดส่วนเหมือนกัน ซ้ายมือเป็น master bedroom ตรงไปเป็นห้องนอนเล็กครับ ห้องนอนเล็กก็วางเตียง 5 ฟุตได้ครับ Master Bedroom มีโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าอยู่แนวเดียวกัน มีห้องน้ำในตัว ดูเบสิค ทั่วไป ห้อง 2 นอนมีแค่ชั้นละ 2 ห้องเป็นห้องมุม มีวิวสระว่ายน้ำแบบนี้ ถ้าถามว่า ราคาที่นี่แพงไหม? ขอตอบว่าสมเหตุสมผล สมราคากับสิ่งที่ได้ เรื่องทำเลไม่ต้องพูดถึงเพราะโลเคชั่นใกล้ชุมชน ใกล้ห้าง ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าที่จะเปิดใช้ในอนาคตอันใกล้ พื้นที่ส่วนกลางก็มีให้ตั้งแต่สวนพักผ่อน สระว่ายน้ำและฟิตเนสขนาดใหญ่เว่อร์ ส่วนตัวห้องก็ให้พื้นที่ค่อนข้างใหญ่แถมยังแบ่งสัดส่วนห้องนอนชัดเจน (ก่อผนังทึบ ไม่ใช่แค่ใช้บานสไลด์กั้น) ภายในห้องยังใช้วัสดุอย่างดี ให้เฟอร์นิเจอร์ครบเซ็ต แถมแอร์อีก 2-3 ตัว ถ้าเทียบกับราคาประมาณ 5.8-6.2 หมื่นบาทต่อตารางเมตรนี่ถือว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม เทียบกับโครงการคอนโดโลวไรส์ในละแวกเดียวกันอย่าง ดิ ออสการ์ ที่อยู่ในซอยเพชรเกษม 58 โครงการของกลุ่มทุนจีนที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง (กำหนดแล้วเสร็จกลางปี 2559) ก็ถือว่าสูสี แม้ราคาตอนนี้จะจัดโปรอยู่ที่ 1.59 ล้านบาทและให้ออพชั่น Fully-Furnished เหมือนกันแต่ก็ให้พื้นที่แค่ 24 ตารางเมตร หรือประมาณ 66,000 ต่อตารางเมตร ถ้าเทียบกันที่ราคาแล้ว เดอะ วีว่า ถือว่าชนะขาด ส่วนทำเลของเดอะ วีว่า ถือว่ากินขาดโครงการคอนโดโลวไรส์ในละแวกเดียวกันทั้ง เดอะ โมนาเวล เพชรเกษม 39, ไอคอนโด เพชรเกษม 39, ดิ ออสการ์ เพชรเกษม 58 และ เดอะ นิช ไอดี บางแค (ซอยสุขาภิบาล 1) เพราะเดอะ วีว่า ถือเป็นโครงการคอนโดโลวไรส์โครงการเดียวในละแวกนี้ที่อยู่ติดถนนใหญ่ (มีทางเดินเข้าออกจากติดถนนใหญ่) ต่างจากโครงการอื่นๆ ที่อยู่ในซอย (เดอะ โมนาเวลเข้าซอย 150 เมตร, ไอคอนโด เข้าซอย 350 เมตร, ดิ ออสการ์ เข้าซอย 40 เมตร และ เดอะ นิช เข้าซอยประมาณ 1 กิโลเมตร) อีกอย่างคือ เดอะ วีว่า คอนโด อยู่ระหว่าง MRT สถานีบางแคและสถานีหลักสอง โดยห่างจากสถานีบางแค 400 เมตร และสถานีหลักสอง 700 เมตร ทั้งสองสถานีเป็นสถานีที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะสถานีหลักสองที่อยู่ติดกับเดอะ มอลล์ บางแคเลย แถมในอนาคตสถานีหลักสองจะเป็น interchange หรือจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่จะพัฒนาในอนาคตด้วย ทั้งสองสถานีจึงเป็นสถานีที่จะดึง traffic ได้สูงมาก และวีว่า ก็เป็น 1 ใน 2 คอนโดที่อยู่ใกล้กับสถานีหลักสอง โดยอีกโครงการคือ เดอะ พาร์คแลนด์ เพชรเกษม ของค่ายนารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ คอนโดไฮไรส์ที่อยู่ตรงข้ามเดอะมอลล์บางแคแบบพอดิบพอดี ซึ่งตอนนี้ขายหมดเกลี้ยงแล้ว ใครที่พลาดหวังจองไม่ทัน ขอบอกเลยว่าเดอะ วีว่า ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน สำหรับเรื่องวิวของเดอะวีว่า จะมีด้านที่บล้อควิวจากอาคารข้างเคียงโครงการ ซึ่งด้านทิศใต้จะสูงถึงชั้น 4 ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วก็ถือว่าโอเค เพราะได้มีการปรับภูมิทัศน์โดยการทาสีอาคารข้างเคียงใหม่ตลอดแนว ดูแล้วก็สะอาดตาดีครับ ข้อดีคือห้องโซนนี้ไม่โดนแดดบ่ายและระยะห่างระหว่างหน้าต่างห้องจนถึงตึกแถวก็มากพอ ไม่ได้รู้สึกอึดอัด อีกอย่างคือโซนนี้มีราคาโปรโมชั่น 1.59 ล้านบาท คำนวนดูแล้วก็ยังคุ้ม… สำหรับรถไฟฟ้าอยู่ระหว่างก่อสร้าง เห็นรางอยู่หน้าโครงการแล้ว กว่าที่จะสร้างเสร็จ ช่วงนี้ก็อาจจะเดินทางลำบากอยู่บ้างเพราะถนนเพชรเกษมเป็นถนน 4 เลนที่กำลังมีการก่อสร้าง การจราจรจะติดขัดบ้างในชั่วโมงเร่งด่วน แต่ส่วนใหญ่คนที่ซื้อโครงการที่นี่ก็จะเป็นคนในพื้นที่ที่ต้องการขยับขยายครอบครัว ย้ายออกจากซอยลึกมาอยู่ใกล้ถนน ลูกบ้านบางคนก็ทำงานอยู่ในละแวกนี้ ดังนั้นก็คงคุ้นเคยกับการเดินทางในโซนนี้อยู่แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สรุปง่ายๆ ใครมีงบไม่มาก แฮปปี้หรือชินกับการอยู่โซนฝั่งธนและกำลังมองหาคอนโดในแนวรถไฟฟ้า เดอะ วีว่า คอนโด เป็นอีกโครงการหนึ่งที่น่าสนใจ จะซื้ออยู่เองก็ดีจะซื้อปล่อยเช่าก็ได้ เพราะยังมีดีมานด์หลักจากคนในพื้นที่หรือคนที่อยู่ในจังหวัดใกล้เคียงทั้งนครปฐม สุพรรณบุรีที่อยากหาที่อยู่ในกรุงเทพรองรับ อนาคตเมื่อรถไฟฟ้าเสร็จก็เป็นทำเลที่สะดวกมากสำหรับคนเมือง …ผมสังเกตเห็นละแวกนี้มีโรงงาน และหอพักหลายแห่งมาก ถ้านักลงทุนทำหอพักคนไหนสนใจอยากจะที่เหมาซื้อหลายห้องเพื่อไปปล่อยเช่าต่อก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าจะดีกว่าการลงทุนสร้างหอพักเอง…เก็บค่าเช่าสักเดือนละ 7,500 บาท (ล่าสุดมีฝรั่งเช่าอยู่ 8,500 บาท) ก็ได้ yield ประมาณ 5.6% แล้วครับ ตอนนี้โครงการ เดอะ วีว่า คอนโด เพชรเกษม 68 สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีห้องสวยๆ ให้เลือกอยู่เหมือนกัน แถมทางโครงการยังใจดีมีโปรโมชั่นให้ลูกค้าเพียบ อาทิ ฟรีค่าส่วนกลาง (35 บาท/ตารางเมตร/เดือน) 1 ปี และฟรีค่ากองทุนส่วนกลาง หรือ Sinking fund (500 บาท/ตารางเมตร) ให้ทุกยูนิต นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นห้องราคาพิเศษ 1.59 ล้านบาท จำนวนจำกัด ในวันที่ 8-9 สิงหาคมนี้ โครงการก็มีอีเวนท์พิเศษอย่าง D-Day ที่จะขนทุกโปรโมชั่นมาเอาใจลูกค้าที่โครงการ ใครที่เล็งไว้ว่าจะซื้อหลายห้องไว้ปล่อยเช่า โครงการก็มีโปรซื้อ 3 ห้อง (ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด) แถม รถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ 1 คันให้ เซลล์แอบกระซิบบอกด้วยว่า ใครที่มีงบน้อยไม่ต้องกลัวเพราะวางเงินจองและทำสัญญาเพียง 30,000 บาท แถมทุกยูนิตผ่อนเบาๆ แค่ 1,600 บาทต่อเดือน (1 ปี) เท่านั้นครับ สนใจโครงการสามารถติดต่อได้ที่ โทร. 02 454 2588-9 หรือที่เวปไซต์ www.thevivacondo.com

ถนนสาทร-ตากสินเป็นอีกหนึ่งทำเลฮอตสำหรับโปรเจคคอนโดมิเนียมเพราะนอกจากจะอยู่ในแนวรถไฟฟ้า (ที่เปิดให้บริการแล้ว) ยังอยู่ไม่ไกลย่านศูนย์กลางธุรกิจ หรือ CBD-Central Business District อย่างสาทร สีลม อีกด้วย เรียกได้ว่าจะเดินทางโดยรถไฟฟ้าก็รวดเร็ว เดินทางโดยรถยนต์ก็สะดวกไม่แพ้กัน วันนี้เราจะโฟกัสกันที่สถานี BTS วงเวียนใหญ่ที่มีดีเวลลอปเปอร์แบรนด์ดังอย่าง “แสนสิริ” เข้ามาปักหมุดทำโครงการอยู่รอบสถานีในระยะเดินไม่เกิน 150 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า (แม้จะมีโครงการ Fuse สาทร-ตากสินจากค่ายพฤกษาฯ และ The Room บีทีเอส วงเวียนใหญ่จากพี่ใหญ่แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดด้วยทำเลดีงามไม่แพ้กัน) โดยทำเลนี้แสนสิริ พัฒนาโครงการมาก่อนแล้ว 3 โครงการ ได้แก่ Hive ตากสิน Hive สาทร และ Teal by Sansiri ยังรวมโครงการ Nyx by Sansiri ที่ยกเลิกการขายโครงการไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนโครงการล่าสุดที่เพิ่งสร้างเสร็จไปหมาดๆ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาคือ โครงการ Nye by Sansiri (ตอนนี้อยู่ระหว่างเก็บงานภายในให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมโอนห้อง)… ใครที่มีโอกาสเดินทางผ่านโซนนี้บ่อยๆ ต้องสังเกตเห็นตึกสีบรอนซ์ทองด้านๆ ชัดเจนแน่ๆ เพราะโลเคชั่นของโครงการอยู่ห่างจากบีทีเอสสถานีวงเวียนใหญ่แค่ 150 เมตร แม้ตัวโครงการจะไม่ติดถนนใหญ่แต่เรียกว่าเดินเลี้ยวเข้าซอยไปไม่ถึง 50 ก้าวก็ถึงตัวโครงการแล้ว ก่อนจะเข้าไปลงดีเทลของโครงการแบบละเอียด ขอบรีฟภาพใหญ่ของโครงการคร่าวๆ ก่อน Nye by Sansiri เป็นคอนโดมิเนียมในคอลเล็คชั่น “Live With Attitude” ซึ่งเป็นโปรเจคที่ได้คอนเซ็ปต์การออกแบบมาจากโทนสีต่างๆโดยคอนเซ็ปต์ของ Nye by Sansiri คือ The High Rise of Gold นำสีทองมา Blend เข้ากับดีไซน์ต่างๆ ในโครงการตั้งแต่พื้นที่เอาท์ดอร์ ล็อบบี้จนไปถึงลิฟต์ขึ้นอาคาร เรียกได้ว่าเอาสีทองมาเพิ่มลูกเล่นในงานอินทีเรียร์ทุกส่วนได้แบบเท่ๆ เรียบหรูและลงตัว โครงการมีพื้นที่ทั้งหมด 3-2-62 ไร่ ถือว่าขนาดกำลังดีไม่อึดอัดสำหรับตึกสูง 30 ชั้น 2 ตึก ทั้งสองตึกเรียกกันแบบง่ายๆ ว่าตึก A กับตึก B ทั้งสองตึกมีห้องชุดรวมกัน 636 ห้องหรือตึกละ 318 ห้อง รูปแบบกาจัดวางฟลอร์แปลนและเลย์เอาท์ห้องของทั้งสองตึกเรียกได้ว่าเหมือนกันเป๊ะ จะต่างกันที่ Facility หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่อยู่บริเวณล็อบบี้ก็เท่านั้น บอกได้เลยว่าเมื่อก้าวเท้าเข้าโครงการบรรยากาศสงบ ร่มรื่นแถมด้วยเสียงน้ำตกไหลซู่ซ่า ดึงความรู้สึกผ่อนคลายสบายๆ เหมาะกับการพักผ่อนอยู่อาศัยสุดๆ ตึก A ตึก B ด้านหน้าของโครงการหันไปทางทิศใต้ มีตึกกรุงธนแมนชั่นบล็อควิวด้านหน้า (บล็อคจริงถึงชั้น 6 ซึ่งไม่ใช่ชั้นพักอาศัยแต่ชั้นเจ็ดก็ยังเห็นดาดฟ้าตึกนี้อยู่) ถ้าชั้นที่สูงขึ้นไปอีกจะติดเห็นตึก Fuse ของพฤกษาฯ อันนี้ก็ไม่ถึงกับบังวิวซะทีเดียวเพราะถือว่าอยู่เยื้องๆ กัน ส่วนทิศเหนือเป็นวิวย่านชุมชนฝั่งธน ไม่มีตึกสูงขึ้นมาบล็อคแต่วิวชั้นต่ำๆ ก็ยังเป็นหลังคาบ้านซะเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ทิศตะวันออกจะเป็นซิตี้วิวฝั่งสาทร สีลม ชั้นที่สูงขึ้นไปมีโอกาสเห็นโค้งน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่เอเชียทีคยาวไปถึงพระราม 3 แต่จะเสียอารมณ์นิดนึงเพราะจะมีตึกสินสาธรที่อยู่ด้านข้างบล็อควิวบางส่วน ขณะที่ทิศตะวันตกเป็นวิวแนวรถไฟฟ้าฝั่งธน วิวด้านนี้จะเห็นแนวถนนสาทร-ตากสินและรางบีทีเอสแล้วก็จะเห็นตึกไฮฟ์ ตากสินที่อยู่เยื้องกัน First impression ของ Nye อยู่ที่พื้นที่เอาท์ดอร์ต่อไปจนถึงล็อบบี้ที่ดูเว่อร์วังอลังการ เริ่มกันที่จุดเด่นที่สุดของโครงการ ส่วนตัวคิดว่าเป็นบ่อน้ำพร้อมพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่กลางโครงการหรือ Sunken Court เพราะเมื่อเดินเข้าโครงการก็จะเห็นมันอยู่ตรงหน้าแบบพอดิบพอดี ตัว Sunken Court นี้ถูกออกแบบให้โปร่งโล่ง สามารถมองทะลุไปถึงแนวกำแพงที่อยู่ด้านหลัง (แน่นอนว่ากำแพงด้านหลังก็ตกแต่งด้วยลูกเล่นโลหะสีทองแวววาว ดูเลอค่าตามคอนเซ็ปต์) ขณะที่สองข้างซ้ายขวาเป็นสวนที่ตกแต่งในสไตล์ธรรมชาติ ไม่มากเกินไปจนรกและไม่น้อยจนร้อนเกินไป มาพร้อมกับพื้นที่นั่งเล่นเก๋ๆ ในบรรยากาศสบายๆ แถมด้วยของประดับสวนแบบเก๋ไก๋อย่างรูปปั้นกวางที่มีเขาสีทองสวยงามและกระถางต้นไม้ยักษ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าเอามาแต่งสวนแล้วจะสวยลงตัว (นอกจากจะให้ความรู้สึกโมเดิร์นแล้วยังเป็นม่านบังตาให้พื้นที่นั่งเล่นหน้าล็อบบี้ B เป็นส่วนตัวมากขึ้น) กวางเขาทองหน้าตึก A ^^ กระถางยักษ์ที่หน้า Lobby B หน้าตึก B นอกจากจะมีกระถางต้นไม้ยักษ์แล้วก็ยังมีจักรยานฟรีจากแสนสิริให้ยืมไปปั่นเล่นครับ ตามโครงการ The Good Bike สำรวจพื้นที่นอกโครงการจนเหนื่อยแล้ว ก็เดินตามทางเข้ามายังตึก A กันบ้าง สิ่งแรกที่เด้งมากระแทกตาคือ ห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ด้านนอกของอาคารออกแบบได้ชิค หรูแบบมินิมอลด้วยกระจกเงา กระจกใส ภายในไม่ได้วางอะไรมากมายก็มีแค่โต๊ะกับเก้าอี้สำหรับไว้บริการลูกบ้านที่เข้ามาใช้งานเท่านั้น ราวจับสีทองทั้งหมด ออกแบบไว้ให้คนใช้รถเข็นได้ใช้งานได้ง่ายครับ ห้องอเนกประสงค์ Prop ทุกอย่างก็สีทองหมด ขณะที่ล็อบบี้ของตึก A ออกแบบได้เรียบเท่ ด้วยสีโทนดำ ทอง พร้อมของประดับแบบโคมไฟแวววาวของ Tom Dixon ดีไซน์เนอร์ชาวอังกฤษ เพดานล็อบบี้สูงโปร่งตัวล็อบบี้เปิดโล่งเป็นแนวยาว มีโต๊ะสูงตัวยาวตั้งไว้แทนเคานต์เตอร์ แถมด้วยชุดรับแขก พร้อมอาร์มแชร์ (ที่มีขาตั้งเป็นหัวแรด!!!!) สำหรับรับแขกหรือเป็นมุมนั่งเล่นชิลๆ สำหรับลูกบ้านด้วย (ห้องนิติบุคคลก็อยู่บริเวณล็อบบี้ตึก A เหมือนกัน) เฟอร์สีดำและทองตัดกับแสงสีแดงจากโคมไฟได้ดีมากครับ ไฮไลท์ของล็อบบี้ตึก A อยู่ที่ Business Lounge (จริงๆ ก็เป็นห้องอเนกประสงค์อีห้องหนึ่งของโครงการนี้นั่นแหละแต่เน้นความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องแรก) ภายในตกแต่งอย่างเรียบเท่ เน้นโทนสีเทา-ดำ มีโซฟาบิลด์อินเป็นแนวยาว หันหน้าออกนอกโครงการเพื่อรับกับวิวของ Sunken Court สุดทางเดินของล็อบบี้มีโคมไฟสีทอง (ดูคล้ายกับลูกนิมิตเรืองแสง….) ประดับอยู่เป็นแนวยาว ด้านขวามือจะเป็นห้องจดหมาย (Mailbox ของลูกบ้านสีทองอร่าม) ขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นห้อง Laundry มีเครื่องซักผ้ายี่ห้อง LG 3 เครื่องและเครื่องอบผ้าอีก 1 เครื่องเอาไว้เซอร์วิสลูกบ้านตึก A ดูใกล้ๆมี texture สวยมากครับ แวะไปเลี้ยวเข้าห้องน้ำส่วนกลางกันครับ… ห๊ะอะไรนะนี่ห้องน้ำส่วนกลาง!!! ขณะที่โถงลิฟต์ประกอบด้วยลิฟต์ 3 ตัว (ลิฟต์ขนของจะซ่อนอยู่อีกด้านหนึ่ง) สำหรับรองรับลูกบ้าน 318 ห้อง ลิฟต์ที่นี่ใช้ระบบคีย์การ์ดแบบล็อกชั้นซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานทั่วไปของโครงการคอนโดมิเนียม ภายในลิฟต์นอกจากจะเอื้อแก่คนใช้วีลแชร์เพราะมีปุ่มกดสำหรับวีลแชร์และทางลาดเพื่อสะดวกต่อการเข้าออกลิฟต์แล้วยังมีลูกเล่นคือการประดับโคมไฟแอลอีดีไว้ภายในลิฟต์ด้วย ขนาดพื้นหินแกรนิตดำยังเลือกลายให้สะท้อนกับแสงเป็นสีทองเลยครับ โถงลิฟท์ก็มี Prop สีทองแบบจัดเต็มด้วย ขณะที่ล็อบบี้ตึก B เป็นโถงกว้างตกแต่งในสไตล์ที่เรียบหรู ใช้ชุดโซฟาขนาดใหญ่ตั้งไว้สำหรับรับแขกหรือนั่งเล่น มีโคมไฟสไตล์อินดรัสเทียลไลซ์จากดีไซน์ชาวอังกฤษ Lee Broom ส่วนตามแนวทางเดินไปยังห้องจดหมายกับห้องซักผ้าก็ตกแต่งด้วยโลหะเคลือบสีทองแวววาวตลอดแนวผนังและมีโคมไฟตั้งพื้นที่ขาตั้งเป็นรูปปืนสีทองพร้อมกับเก้าอี้อาร์มแชร์ตั้งไว้เป็นระยะๆ ขณะที่ลิฟต์ของตึก B ก็มีการตกแต่งแบบเรียบเท่ ด้วยการใช้โลหะสีทองแวววาวเข้ามาตัดกับผนังลิฟต์สีดำ โคมไฟปืน M16 สีทอง!!! ไหนลองดูห้องน้ำตึก B ซิ….กรี้ดดด บริเวณล็อบบี้ตึก B ยังมีฟิตเนสกรุกระจกใสให้เห็นเทควิวของ Sunken Court อุปกรณ์สำหรับออกกำลังการมีทั้งลู่วิ่ง จักรยาน และเวทหลากหลายรูปแบบ จะติดก็ตรงที่ฟิตเนสมีขนาดเล็กไปนิดสำหรับคนทั้งโครงการ นอกจากนี้ยังมีห้องดูโฮมเทียเตอร์ สำหรับดูหนัง ตกแต่งในสไตล์เดียวกันกับล็อบบี้ นอกจากนี้ยังมีห้องสมุด (ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานขาย) อยู่ด้านนอกตัวอาคารด้วย นี่ห้องสมุดหรอเนี่ย แสบตาไปหมดเบย!! ห้อง Home Theatre ไม่ได้เป็นจอภาพยนตร์และเก้าอี้ แบบโรงหนังหรือที่ The Address Asoke นะครับ แต่เป็นโซฟาสามตัว และทีวี LED ฟิตเนส มีที่ล้อบบี้ B ที่เดียวนะครับ.. ดูค่อนข้างเล็กไปนิดนะครับผมว่า โถงลิฟท์ล้อบบี้ B ออกแนวหรูเรียบครับ หลายคนอาจมองว่า Facility ที่ถูกดีไซน์ให้อยู่แบบแยกส่วนกันอาจไม่ใช่ข้อดีสักเท่าไหร่ เพราะต้องเดินไปเดินมาระหว่างอาคาร แต่โครงการก็ออกแบบให้แต่ละอาคารมีสระว่ายน้ำและสวนดาดฟ้าเป็นของตัวเองโดยออกแบบให้เหมือนกันเป๊ะแบบไม่ต้องกลัวน้อยหน้ากัน (จะต่างกันก็ตรงที่ห้องอาบน้ำของตึก A จะตกแต่งในโทนสีขาว ขณะที่ตึก B จะตกแต่งในโทนสีดำ) ตึก A โทนสีขาวทอง ตึก B โทนสีดำทอง สระว่ายน้ำของที่นี่อยู่บนชั้น 7 ของทั้งสองอาคาร ออกแบบให้เป็น Infinity edge pool พร้อมสระ Jacuzzi 7 ภาพรวมถือว่าร่มรื่น นอกจากจะมีต้นไม้ใหญ่แล้วตัวสระหันไปทางทิศใต้ ตึก A จะตึกตึกกรุงธนแมนชั่นด้านหน้า มีเงาจากตัวอาคารบังแดดบ่าย จะติดก็ตรงที่สระว่ายน้ำเล็กไปนิด สำหรับคนที่เน้นออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำเก็บสโตรคก็อาจจะไม่ฟินสักเท่าไหร่ สระตึก A ห้องนี้อยู่หน้าบ่อจากุซซี่เลยแฮะ กรุงธนแมนชั่นชั้น 6 ได้วิวสระไปเลยฮะ สระตึก B     นอกจากนี้ก็ยังมีสวนดาดฟ้าแยกกันเป็นของตัวเองซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก 1 ชั้นจากชั้น 30 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร พูดถึงสวนดาดฟ้าแล้วถือว่าขนาดเล็กมากและมีการก่อกำแพงทึบค่อนข้างสูงบล็อกวิวที่ควรจะได้เห็นไปเยอะทีเดียว (น่าจะลดความสูงหรือใช้เป็นกระจกใสแทน) โดยภาพรวมต้องบอกว่าวิวจากตึก B จะสวยกว่าตึก A เพราะสามารถเทควิวได้กว้างกว่าเพราะเห็นทั้งวิวย่านบางรัก โค้งแม่น้ำบริเวณเอเชียทีคและวิวแม่น้ำโซนพระราม 3 บิลด์ความอลังการของพื้นที่ส่วนกลางมาซะเยอะ ขอวกกลับมาดูรายละเอียดห้องกันบ้าง ตอนนี้โครงการมีห้องเหลือขายประมาณ 30 ห้อง เป็นห้องไซส์ 35 ตารางเมตรทั้งหมด (ความจริงมีแบบ 2 ห้องนอนและห้องดูเพล็กซ์ให้เลือกด้วยแต่ Sold out ไปแล้ว) ตัวห้องมีให้เลือกหลายทิศหลายวิว สำหรับตึก A ห้องเหลือขายมีตั้งแต่ชั้น 7-17 และตึก B เหลือแค่ชั้น 7-13 เท่านั้น เรียกได้ว่าอยู่ใน Low Zone แทบจะทั้งหมด ฟลอร์แปลนชั้นที่ยังมียูนิตเหลือขาย ฟลอร์แปลนเป็นแอลเชป ไม่แน่นมาก เป็นส่วนตัว ชั้นนึงมีห้องพักประมาณ 17-18 ห้อง เลย์เอาท์ห้องไซส์ 35 ตารางเมตร ดูจากเลย์เอาท์ห้องห้องนอนค่อนข้างเล็ก เหมาะกับการวางเตียง 5 ฟุตมากกว่า จะได้มีสเปซเหลือไว้วางโต๊ะหรือเก้าอี้นั่งเล่นสบายๆสักตัวเพราะในห้องนอนจะมีกระจกใสขนาดใหญ่ไว้ให้เทควิวนอกโครงการด้วย โครงการมีระเบียงให้ด้วย ระเบียงค่อนข้างยาวแต่ไม่กว้าง เหมาะกับการออกไปยืนรับลมมากกว่าจัดสรรพื้นที่นั่งเล่น ตอนนี้โครงการมีโปรโมชั่นห้องเปล่าราคา 4.5 ล้านบาท หรือ 1.28 แสนบาท/ตร.ม. (ขยับขึ้นจากตอนเปิดตัวหรือช่วงพรีเซล ที่เริ่มที่ 9 หมื่นปลายๆ ถึงแสนต้นๆ ต่อตร.ม.) ราคานี้เป็นราคาพิเศษลูกค้าที่ซื้อจะไม่ได้ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน ฟรีเงินกองทุน (Sinking fund ตารางเมตรละ 500) และค่าส่วนกลาง 1 ปี (ตารางเมตรละ 50 บาทต่อเดือน) แต่หากซื้อในราคาปกติจะเริ่มต้นที่ 4.8 ล้านบาท หรือ 1.37 แสนบาท/ตร.ม. โดยใครที่ซื้อราคานี้จะได้โปรโมชั่นฟรีค่าธรรมเนียมการโอน เงินกองทุนและค่าส่วนกลาง 1 ปี ความจริงคำว่าห้องเปล่าของที่นี่ก็ไม่ได้เปล่าซะทีเดียว ถือว่าตกแต่งแบบ Fully fitted คือ ลูกบ้านจะได้ห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินแบรนด์โมเดอร์นฟอร์ม (มีเคาน์เตอร์ครัวท็อปหินแกรนิตสีดำมาพร้อมฮู้ดดูดควัน เตาไฟฟ้าและอ่างล้างจานจาก MEX, บานเลื่อนระหว่างโซนวางเครื่องซักผ้าและชั้นโชว์-ตู้วางรองเท้า, และตู้เสื้อผ้าพร้อมช่องเก็บของแบบจัดเต็ม งานบิลด์อินตู้เสื้อผ้าถือว่าโอเคมาก)  ขณะที่ห้องน้ำแยกโซนเปียก-แห้งชัดเจนด้วยบานกระจกนิรภัยแบบเปิดปิดของวีอาร์เอช โซนอาบน้ำผนังใช้หินอ่อนไซส์ใหญ่ สุขภัณฑ์จากแบรนด์อเมริกันสแตนดาร์ด (ขอตินิดนึงว่าโถสุขภัณฑ์ไซส์เล็กไปนิด) ส่วนก็อกน้ำเป็นก็อกแบบผสมของแบรนด์ Englefiled ในเครือ Kohler พร้อมกับที่วางสบู่ขนาดกระทัดรัด ประตูทางเข้าใช้มือจับเป็นแบบก้านพร้อมระบบ Digital Door Lock แบรนด์ Yale สามารถเลือกใช้ได้ทั้งคีย์การ์ด พาสเวิร์ดและกุญแจ พร้อมกริ่งหน้าประตูแบรนด์ Panasonic มีธรณีประตูเล็กๆ (แม้ลิฟต์จะเอื้อให้วีลแชร์แต่พอมาถึงทางเข้าห้องก็จบเพราะก่อธรณีประตูขึ้นมาแทนที่จะออกแบบให้เป็นทางลาด) เพดานภายในห้องสูง 2.7 เมตร (ระยะดรอปสูง 2.5 เมตร) มาพร้อมกับแอร์ยี่ห้อ Daikin 2 ตัว มีทั้งแบบฝังในห้องนั่งเล่นและแบบแขวนในห้องนอน นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบตรวจจับควันพร้อมกับสปริงเกอร์ฉีดน้ำด้วย พื้นส่วนครัวปูด้วยกระเบื้องขณะที่ส่วนนั่งเล่นและห้องนอนปูด้วยลามิเนต พาชมห้อง Limited Edition by Quattro Design ขึ้นชื่อว่าแสนสิริแล้วก็ต้องมีกิมมิกชิคๆ ให้ลูกค้า สำหรับโปรเจ็กต์นี้แสนสิริจับมือกับ Quattro Design ตกแต่งห้องชุดแบบ Limited Edition 5 ห้อง โดยทำให้เป็นห้องชุดแบบ Fully Furnished พร้อมลากกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย เฟอร์ฯเป็นแบบลอยตัวเกือบทั้งหมดพร้อมติดวอลเปเปอร์ให้บางส่วน แถมของประดับทุกอย่างในห้องราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5.2 ล้านบาทต่อห้องหรือเฉลี่ยแล้ว 1.48 แสนบาท/ตร.ม. (ราคาโดดจากห้องปกติอยู่พอสมควร) ห้องแรกอยู่ที่ชั้น 7 ของตึก A วิวทิศเหนือ วิวเป็นวิวชุมชนย่านฝั่งธน (มีหลังคาบ้านเต็มไปหมด) แต่ถ้าอยู่ชั้นสูงหน่อยก็จะเห็นวิวไกลขึ้นและโอเคขึ้น ห้องตกแต่งในสไตล์หวานๆ ออกแนววินเทจนิดๆ เน้นเฟอร์นิเจอร์โทนสีขาว เงิน เทาอ่อนและใช้ของประดับสีมันวาวมาเพิ่มลูกเล่น สวิตซ์ไฟยังมีสีทองเลยคุณ ห้องที่ 2 ยังอยู่ที่ชั้น 7 ของตึก A วิวทิศเหนือ เป็นห้องที่อยู่ถัดจากห้องแรก ห้องนี้ตกแต่งในโทนสีม่วงทองนะ ห้องที่ 3 ขยับขึ้นไปชั้น 13 ของตึก A วิวยังคงเป็นทิศเหนือ เหมือนเดิมแต่โปร่งขึ้นกว่าตอนอยู่ชั้น 7 ห้องนี้ตกแต่งในสไตล์แบบเรียบเท่ ดูเป็นธรรมชาติ เน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้สีโทนน้ำตาลอ่อน ตัดกับ Prop สีเขียว ดูแล้ว minimal กว่าห้องอื่น แต่ก็ยังซ่อนให้ความรู้สึกหรูหราด้วยของตกแต่งแบบเงาๆ ห้องที่ 4 ก็ยังอยู่บนชั้น 13 ของตึก A ห้องนี้ตกแต่งในสไตล์ Modern Contemporary เน้นการใช้สีเอิร์ธโทนอย่างน้ำตาล เข้มตัดกับ wallpaper สีน้ำตาลอ่อน ดูเรียบง่ายและอบอุ่น build in โต๊ะทำงานติดหน้าต่างห้องนอน…ผมชอบสไตล์นี้สุดครับ ห้องที่ 5 อยู่บนชั้น 11 ของตึก A วิวทิศตะวันตก วิวโซนนี้จะเห็นถนนสาทร-ตากสิน เห็นแนวรางบีทีเอสบ้าง จะติดก็ตรงที่ชนกับด้านข้างของโครงการไฮฟ์ ตากสิน ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน บวกกับอิทธิฤทธิ์แดดบ่ายอีกนิด ห้องนี้ตกแต่งโดยเน้นสีครีม-ทอง ใช้ Prop สีน้ำเงินเข้ม ตัดกับโลหะสีเงิน สรุปแล้ว ห้อง Quattro Design ก็คือห้องตัวอย่างดีๆ นี่แหละ ห้องดีไซน์นี้จึงมีเฉพาะตึก A เท่านั้น เพราะเป็นตึกที่ก่อสร้างและเก็บงานก้าวหน้ากว่าตึก B ตอนนี้ลูกบ้านก็เริ่มทยอยตรวจรับมอบห้องและโอนกรรมสิทธิ์กันบ้างแล้ว มีคนย้ายเข้ามาอยู่แล้วด้วย แอบกระซิบถามเซลล์ว่าคนซื้อเป็นใครบ้าง? เซลล์บอกว่า ส่วนใหญ่ถ้าไม่ทำงานในละแวกนี้ก็มีที่ทำงานอยู่ในแนวรถไฟฟ้าหรืออยู่ในย่านซีบีดี สีสม สาทร อีกกลุ่มหนึ่งก็จะเป็นผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนดังอย่างอัสสัมชัญ บางรัก คือซื้อไว้อยู่ช่วงวีคเดย์จะได้อำนวยความสะดวกในการไปกลับโรงเรียนของลูกหลาน และกลุ่มสุดท้ายก็เป็นกลุ่ม expat ต่างชาติ มีทั้งจีน ฮ่องกง ตะวันตกก็มีเหมือนกันแต่กลุ่มนี้ไม่มากเท่าไหร่ โดยภาพรวมโครงการนี้สวยงาม สมราคา บรรยากาศก็สงบเหมาะกับการอยู่อาศัยเป็นที่สุด ดังนั้นใครอยากได้ อยากอยู่กำลังซื้อถึง ขอเชิญให้แวะเวียนมาเยี่ยมชมว่าถูกใจรึเปล่าเพราะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวเลย ที่เชียร์โครงการนี้เพราะ Facility ส่วนกลางและบรรยากาศโอเค ด้านทำเลก็ถือว่าโอเคเลยเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าแต่คนมีรถก็ซื้ออยู่ได้เพราะให้ที่จอดรถ 60% ส่วนข้อเสียของโครงการก็มีให้ติอยู่บ้าง เริ่มจากสะว่ายน้ำกับฟิตเนสเล็กไปนิด คนที่ชอบออกกำลังกายอาจไม่แฮปปี้เท่าไหร่ ขณะที่สวนดาดฟ้าที่น่าจะเปิดให้ลูกบ้านเทควิวสวยๆ ได้แบบสบายๆ ก็กลับก่อกำแพงสูงทึบ ทำเอาเสียบรรยากาศไปเหมือนกัน แถมขนาดยังเล็กมาก (แต่ชดเชยได้ด้วยสวนบริเวณชั้นล่าง) อีกอย่างที่น่าเสียดายคือ การก่อธรณีประตูห้องเพราะตัวลิฟต์อุส่าห์ออกแบบให้รองรับคนใช้วีลแชร์ได้โดยเฉพาะแต่กลับมาตกม้าตายเอาตอนมีธรณีประตูนี่แหละ ส่วนใครที่คิดลงทุน ถ้าซื้อไว้ตั้งแต่มือแรก (ช่วงที่โครงการยังสร้างไม่เสร็จ) ตอนนี้ถ้าขายทำกำไรก็คงแฮปปี้ไปตามๆ กันแต่ใครที่คิดจะซื้อลงทุนทำกำไรไม่ว่าจะขายต่อหรือปล่อยเช่า โมเมนต์นี้ไม่เชียร์เลยเพราะราคาขยับขึ้นมาเยอะแล้ว ขณะที่ค่าเช่าโซนสาทร-ตากสินอยู่ที่ 500-600 บาท/ตร.ม. ขณะที่ราคาคอนโดฯอยู่ที่ 4 ล้านกว่าบาท ถ้ากู้แบงก์ก็ต้องผ่อนเดือนละ 25,000-28,000 บาทต่อเดือน ดูแล้วไม่ค่อยคุ้มกันนะ… และอีกอย่างแถวนี้มี supply ห้องเล็กราคาถูกให้คนงบน้อยได้เลือกเช่าอยู่ได้อย่างที่ Ideo Mobi Sathorn หรือ Ideo Sathorn Thaphra  ส่วนโครงการบ้านใกล้เรือนเคียงที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้วก็มี The Room บีทีเอส วงเวียนใหญ่ จากแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ตอนนี้ปิดการขายไปเรียบร้อยแล้ว ใครอยากได้ก็ต้องไปหาซื้อในราคารีเซลเอา ส่วนโครงการเปิดตัวใหม่อย่าง The Rich สาทร-ตากสิน จากค่ายริชี่เพลซ ที่ตั้งอยู่ห่างจากบีทีเอสวงเวียนใหญ่ 100 เมตร และเพิ่งจะเริ่มเปิดขายด้วยราคา 2.7 ล้านบาทหรือ 1.12 แสนบาท/ตร.ม. สำหรับห้องสตูดิโอ 24 ตร.ม. และ 3.2-3.5 ล้านบาท หรือประมาณ 1.10-1.16 แสนบาท/ตร.ม. สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอน 30 ตร.ม. ขณะที่ Bright วงเวียนใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างบีทีเอสวงเวียนใหญ่กับโพธิ์นิมิตร ตอนนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง ห้องแบบ One bed 35 ตร.ม. ราคาก็เริ่มที่ 4.3 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 1.22 แสนบาท/ตร.ม. ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจแต่ก็ยังสร้างไม่เสร็จ มองแล้วถ้าเป็นโครงการพร้อมอยู่สร้างเสร็จใหม่ด้วยกันก็ต้องเลยไปอีกสถานีนึงที่โครงการ Ideo Sathorn Thaphra ครับ ซึ่งก็น่าจะเหมาะกับกลุ่มคนที่มีงบประมาณจำกัด อยู่คนเดียว โดยที่ไม่เน้นความหรูหราของการตกแต่งส่วนกลางครับ ปิดท้ายด้วยวิวครับ อันนี้ทิศใต้ชั้นสูง ทิศเหนือ ทิศตะวันตก