Tag: Condo Review
Circle 2 Living Prototype ต้นแบบคอนโด Eco-Luxury Living พร้อมอยู่แล้ววันนี้
Circle 2 Living Prototype
Life Pinklao
ปิ่นเกล้า จากชุมชนจีนเก่าแก่ สู่ศูนย์รวมคอนโดยุคใหม่
ถ้าพูดถึง “ปิ่นเกล้า” คุณจะนึกถึงอะไร?…พาต้า? เซ็นทรัล? หรือย่านชุมชนเก่าแก่ฝั่งธนบุรี ? …ทั้งหมดที่กล่าวมา คือย่านปิ่นเกล้าทั้งสิ้น ย่านชุมชนเก่าแก่ ที่มีการดำเนินชีวิตสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น มีการพัฒนาของชุมชนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ชุมชนจีนเก่าแก่ของฝั่งธนบุรี ทำให้เป็นย่านศูนย์กลางของฝั่งธนฯในยุคหนึ่ง จนมีห้างชื่อดังที่ใครๆก็ต้องไปเยือนอย่างพาต้าปิ่นเกล้า และเซ็นทรัลปิ่นเกล้า รวมทั้งยังใกล้ โรงพยาบาลศิริราช สถาบันการศึกษาอย่างธรรมศาสตร์และศิลปากร และหน่วยงานราชการอื่นๆ ปิ่นเกล้า จึงเป็นทำเลที่เพียบพร้อมสำหรับการอยู่อาศัย จนทำให้คน “ติดถิ่น” ไม่อยากโยกย้ายไปไหน และยิ่งตอนนี้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่กำลังเร่งก่อสร้างก็ยิ่งเป็นการการันตีพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับ ครบทุกอย่างแบบนี้ ใครเล่าจะย้ายไปไหนได้อีก
ทำเลทองและอุดมไปด้วยประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุษขนาดนี้ Life Pinklao by AP จึงเลือกพื้นที่แห่งนี้เพื่อพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมในบรรยากาศที่คุ้นเคย ให้คนที่รักถิ่นนี้ ได้อาศัย ใช้ชีวิต และสร้างประวัติศาสตร์ให้กับ ปิ่นเกล้า จากรุ่นสู่รุ่น เพื่อเป็นพื้นที่ที่สร้างความทรงจำร่วมกัน
ปิ่นเกล้า…ในวันนี้ ถึงแม้สถานีรถไฟฟ้ายังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่การเดินทางก็สะดวกสบายอยู่ไม่น้อย ถึงจะอยู่ฝั่งธนฯ แต่ก็เป็นฝั่งธนฯที่ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำให้เลือกหลากหลายเพื่อเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง อย่างสะพานพระราม 8 สะพานปิ่นเกล้า หรือขยับไปที่สะพานพุทธฯ สะพานพระปกเกล้า ก็สามารถเข้าสู่เยาวราชได้เลยโดยไม่ต้องไปอ้อมวนที่ไหนไกล ยิ่งถ้ารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเสร็จ การเดินทางโดยรถไฟฟ้ายิ่งสะดวกสบายใหญ่เลย เพราะรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเป็นรถไฟฟ้าสายสำคัญของคนกรุงเทพฯ ที่วิ่งวนรอบเมืองเป็นวงกลม ที่สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นแทบจะทุกสีได้ และในอนาคตทางด่วนศรีรัชที่เชื่อมต่อวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ก็มีจุดทางลงอยู่บนถนนจรัญฯ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะไปไหนมาไหน ด้วยระบบการเดินทางใด ก็สะดวกสบายทุกทาง
นอกจากการคมนาคมที่สะดวกสบายแล้ว อย่างที่ได้เกริ่นไปในตอนแรกว่าย่านนี้เป็นย่านที่พักอาศัยเก่าแก่ ทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ รองรับอย่างครบครันในรัศมี 3 km อาทิ
500 m สามารถเดินทางถึงพาต้าปิ่นเกล้า
800 m สามารถเข้าสู่โรงพยาบาลศิริราชได้
1.5 km ก็เข้าสู่แหล่งชอปปิ้งอย่าง เซ็นทรัลปิ่นเกล้า โลตัสปิ่นเกล้า หรือเมเจอร์ปิ่นเกล้า
1.5 km สามารเข้าสู่เกาะกรุงรัตนโกสินทร์ แหล่งประวัติศาสตร์ศูนย์กลางเมือง อย่างวัดพระแก้ว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศิลปากร
หรือ 2.5 km ก็ถึงไชน่าทาวน์เยาวราช และต่อไปอีก 1 km ก็เข้าสู่บางรัก สีลม เชื่อมต่อไปสาทรได้โดยง่าย
นอกจากแหล่งชอปปิ้งหลักตามศูนย์การค้าใกล้ๆแล้ว เนื่องจากพื้นที่มีทุนเดิมของชุมชนจีนเก่าแก่ ทำให้ร้านอาหารจีนขึ้นชื่อ ก็ตั้งรายล้อมในละแวกบ้านด้วยเช่นกัน อาทิ ร้านกาแฟเอี๊ยะแซ เจ้าดังเยาวราช มีอีกสาขาตั้งอยู่ที่พาต้าปิ่นเกล้า, ร้านอาหารจีนฮองมิน โดย ฮั่วเซ่งฮง เจ้าเก่าเยาวราช มีสาขาที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า หรือร้านซ้งหูฉลาม หูฉลามที่ขึ้นชื่อมานานของปิ่นเกล้า ก็มีสูตรเด็ดเคล็ดลับเดียวกับพี่น้องหูฉลามน้ำแดงแห่งเยาวราช เรียกได้ว่า ไม่ต้องแวะไปถึงเยาวราช ก็ได้บรรยากาศ และรสชาติที่อร่อยคุ้นลิ้นได้เหมือนอยู่เยาวราชเลย
ที่มา และเครดิตรูป: www.chinatownyaowarach.com
ที่มา และเครดิตรูป:www.hongminrestaurant.net
ทีนี้เราลองมาดูตัวพื้นที่โครงการ Life Pinklao กันบ้าง เนื่องจาก โครงการทั้งหมด ออกแบบด้วยสไตล์ Modern Japanese เรียบ หรู และทันสมัย ที่แบ่งสัดส่วนการใช้งานอย่างลงตัว และเชื่อมโยงกับธรรมชาติ แสง ลม เข้ามาสู่พื้นที่โครงการ ตัวอาคารวางตามแนวออกตกตามความลึกของแปลงที่ดิน หากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสร้างเสร็จ ด้านหน้าโครงการจะติดกับ ทางขึ้นสถานีบางยี่ขันเพียง 40 เมตร และพื้นที่ด้านหน้าติดกับถนน จึงมีการออกแบบสวนทาง corridor ที่เชื่อมจากทางเข้าเข้าสู่ตัวอาคาร ที่มีการออกแบบด้วยแนวคิด Mura : A village within Nature โดยให้ความร่มรื่นของแนวต้นไม้ เป็นกำแพงโอบล้อมรอบพื้นที่โครงการ ให้คุณได้รู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสู่โครงการและประกอบกับการเดินบน corridor ที่ทอดตัวผ่านสายน้ำ มีเสียงน้ำไหล ก็ทำให้กลบเสียงของความวุ่นวายนอกโครงการ ให้คุณได้เข้าสู่พื้นที่แห่งการพักผ่อนที่แท้จริง ที่กันพื้นที่สวนให้คุณมากถึง 2 ไร่(รวมพื้นที่สวนทั้งโครงการ) และจุดเด่นอีกอย่างสำหรับโครงการนี้ก็คือวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและ Sky line ของเมืองกรุงเทพฯมหานคร ที่คอนโดส่วนใหญ่ในเมืองมักไม่ได้เห็น แต่ Life Pinklao ตั้งอยู่บนทำเลที่สามารถเห็นความงดงามของสะพานพระราม 8 เชื่อมต่อกับ sky line ของเมืองที่ใครๆก็ต้องอิจฉากับวิวนี้
เพราะต้นทุนของวิวที่ขายตัวเองได้ไม่ว่าใครๆก็ชอบ ตัวอาคารจึงจัดวางให้ทุกห้องสามารถเห็นวิวได้กันชัดๆ บนพื้นที่โครงการทั้งหมด 4-3-86.3 ไร่ อาคารสูง 23 ชั้น โดยสามารถแบ่ง 2 ส่วน คือ อาคารด้านหน้าติดกับทางเข้า ได้วิวด้านเหนือและด้านใต้ของโครงการ เป็นวิวรถไฟฟ้าและชุมชนรอบๆ อีกส่วนเป็นตัวอาคารด้านใน ด้านเหนือ ได้วิวแม่น้ำ สะพานพระราม 8 และมีฉากหลังเป็นใจกลางเมือง ส่วนด้านใต้ได้วิวสระว่ายน้ำและพื้นที่ส่วนกลางเพิ่มด้วย ถือว่าโลเคชั่นดีที่สุด
มาดูรูปแบบการใช้งานแต่ละชั้นกันบ้าง ทั้งโครงการมีทั้งหมด 803 ยูนิต มี 2 ร้านค้า บริเวณติดลอบบี้ชั้น 1 และมีที่จอดรถภายในอาคารที่ชั้น 1-4
ชั้น 5 เป็นที่พักอาศัยที่สามารถเข้าสู่พื้นที่สวนได้โดยตรง แต่การออกแบบสวนก็สามารถกั้นความprivateของผู้อยู่อาศัยได้ด้วย และพื้นที่ที่หลักของชั้นนี้ก็คือพื้นที่ส่วนกลาง ประกอบด้วย สระน้ำเกลือ ยาว 40 เมตร กว้าง 10 เมตร มีแบ่งพื้นที่สำหรับเด็ก และออกแบบเป็น infinity edge pool ที่สามารถว่ายน้ำและชมวิวสะพานพระราม 8
เชื่อมต่อกับพื้นที่สวน ฟิตเนต, Casual Space ,Steam และ sauna
ชั้น 6 เป็น lounge ที่มีคอนเซปมาจาก Living room ขนาดใหญ่ เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้อยู่อาศัย เพราะกลุ่มลูกค้าที่อยู่ติดถิ่น มักเป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักมักคุ้น พื้นที่ common area ที่ชั้นนี้ จึงเป็นพื้นที่กลางที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนที่นี่ได้
ส่วนชั้น 8-23 เป็นพื้นที่พักอาศัย โดยทางเดินเป็นแบบ air flow corridor คือบริเวณปลายโถงทางเดินไม่ทำพื้นที่ผิดทึบหรือทำเป็นพื้นที่ขาย ทำให้เป็นการออกแบบ corridor ที่ถูกสุขลักษณะ ในการให้ลมและแสงผ่านเข้าสู่ตัวอาคาร เพื่อระบายอากาศภายในอาคารได้
รูปแบบห้องมี 2 แบบ 7 type คือ
1 ห้องนอน Type A 26 ตร.ม. มีชั้นละ 2 ห้อง ได้วิวทางทิศเหนือ
1 ห้องนอน Type B 30 ตร.ม. เป็นรูปแบบห้องส่วนใหญ่ในโครงการ ที่กระจายตัวอยู่ตามตำแหน่งต่างๆ
1 ห้องนอน Type C 35 ตร.ม. เป็นห้องที่มีปริมาณค่อนข้างมาก แต่อยู่ในโซนวิวสวนและวิวสะพานพระราม 8 เป็นหลัก
2 ห้องนอนที่นี่เป็น high light unit ของที่นี่เพราะทุกห้องเป็นห้องหัวมุมทั้งหมด ประกอบด้วย
2 ห้องนอน Type D 50 ตร.ม. มีชั้นละ 1 ห้อง เป็นห้องหัวมุม ได้วิวทิศเหนือ
2 ห้องนอน Type E 55.50 ตร.ม. มีชั้นละ 2 ห้อง อยู่บริเวณปลายสุดของทางเดิน ติดด้านถนนจรัญสนิทวงศ์ ได้วิวเมืองและรถไฟฟ้า
2 ห้องนอน Type F 57.50 ตร.ม. มีชั้นละ 2 ห้อง อยู่ปลายสุดทางเดินด้านวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและฉากหลังของใจกลางกรุงเทพฯ
2 ห้องนอน Type G 60.50 ตร.ม. มีชั้นละ 1 ห้อง ห้องหัวมุม วิวทิศใต้ของโครงการ เห็นทั้งวิวชุมชน วิวพื้นที่ส่วนกลางและวิวแม่น้ำ
ส่วนห้องตัวอย่างที่ Sale office เป็นรูปแบบห้องส่วนใหญ่ของโครงการ คือ 1 ห้องนอน Type C 35 ตร.ม.
เมื่อเข้าสู่ในห้อง จะเป็นพื้นที่living area ที่สามารถมองผ่านห้องนอนไปที่กระจกบานใหญ่ในห้องนอนสามารถชมวิวด้านนอกได้
Living area เชื่อมต่อกับครัวเปิดด้านซ้าย ส่วนทางเข้าห้องนอนและห้องแต่งตัวมีบานสไลด์กั้นห้อง… ด้านซ้ายของห้องนั่งเล่นเป็นผนังห้อง สามารถติดแอร์สำหรับห้องนั่งเล่นและติดตั้งทีวี พร้อมตู้โชว์เล็กๆได้
ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง และ Build in ชั้นวางของต่อไปจนสุดห้องนอนได้นะครับ
ถัดไปเป็นห้องครัว และทางเข้าห้องน้ำ
ชุดครัวเป็นชั้นเข้ามุมที่ออกแบบสำหรับติดตั้งเครื่องดูดควัน เก็บของและเผื่อสำหรับวางเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ และตู้เย็น
ด้านซ้ายของห้องครัวเป็นห้องน้ำที่มาพร้อมกระจกบานใหญ่เต็มผนัง แยกส่วนเปียกและแห้งด้วยกระจกบานใส ประตูบานเปิดที่สูงกำลังพอดี ทำให้ห้องน้ำดูกว้างไม่แบ่งแยกกันในมุมมอง แต่การใช้งานก็ยังคงสามารถแบ่งแยกส่วนเปียกแห้งได้ตามต้องการ
มาถึงตัวห้องนอน มีกระจกบานใหญ่ที่สามารถนอนชมวิวยามค่ำคืนได้
สามารถวางเตียง king size ได้และมีพื้นที่พอบริเวณหัวเตียงที่สามารถวางโต๊ะหรือชั้นเล็กๆได้
ปลายเตียงเป็นผนังกั้นห้องนอนและห้องแต่งตัว สามารถติดตั้งทีวีได้ที่ปลายเตียง กรณีคนที่ชอบดูทีวีก่อนนอน
ห้องนอนและห้องแต่งตัวมีบานสไลด์บนกั้นห้องและพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน
สามารถทำตู้เสื้อผ้าแบบ build-in พื้นจรดเพดาน เพื่อให้มีที่เก็บของให้ใช้งานเต็มพื้นที่ (ห้องนี้โครงการเว้นไว้ให้โล่งๆนะครับ)
เคาท์เตอร์แต่งตัว มีช่องเปิดที่เชื่อมห้องน้ำ ห้องครัว ห้องแต่งตัวและระเบียงเข้าด้วยกัน
อีกด้านของห้องแต่งตัวเป็นประตูสไลด์ออกระเบียงห้อง
ส่วนพื้นที่ส่วนกลาง ที่ว่าสวนแบบญี่ปุ่น ถ้านึกภาพไม่ออก ลองแวะไปที่ sale office ได้เลย เพราะได้จัดสวนสไตล์ญี่ปุ่น ตามคอนเซปท์ ที่ใช้ต้นไม้ หิน ไม้ น้ำ ผสานเข้ากันอย่างลงตัว
Life Pinklao ถือเป็นแบรนด์ Life โครงการที่สองที่ขยับออกจากในเมืองมาเลือกทำเลปิ่นเกล้า (อันที่จริงแล้วโครงการ Life เริ่มโครงการแรกที่บริเวณท่าพระครับ นับว่าเอพีมองการณ์ไกลมากๆที่เลือกเปิดขาย City Condo ในย่านท่าพระเป็นที่แรกเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วครับ) หากเรามานั่งดูจำนวน Supply คอนโดที่เปิดตัวอยู่บริเวณถนนจรัญฯตั้งแต่แยกท่าพระ-ปิ่นเกล้า ก็จะพบว่าบริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีคอนโดอยู่ค่อนข้างหนาแน่นมาตั้งแต่ปี 2547 แล้วครับ Developer หลายๆรายสร้างชื่อเสียงมาจากคอนโดในย่านนี้ทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่แบรนด์ LPN ที่ส่ง Sub Brand ตั้งแต่ Park, Place และ Suite มาลง หรือแม้กระทั่งแบรนด์ Hi End สุดของค่ายพฤกษาอย่าง Ivy ก็เคยส่งแบรนด์ Ivy Residences มาปักหลักที่ย่านนี้มาแล้ว สิ่งเหล่านี้นับเป็นเรื่องที่พิสูจน์ความฮอตของทำเลนี้เป็นอย่างดี
หลายๆคนมักจะนำเอาแยกปิ่นเกล้าไปเปรียบเทียบกับบริเวณวงเวียนใหญ่ เนื่องจากทั้งสองทำเลเป็นทำเลที่ค่อนข้างอยู่ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามากที่สุด ทั้งสะพานปิ่นเกล้า และย่านวงเวียนใหญ่ที่มีทั้งสะพานตากสิน สะพานพระปกเกล้าฯ และสะพานพุทธฯ…การมาของรถไฟฟ้า และปรากฎการณ์ Icon Siam ดูจะเป็นหมัดน๊อคของย่านวงเวียนใหญ่ที่เหวี่ยงมาอย่างจังใส่แยกปิ่นเกล้า ที่พัฒนาการเริ่มหยุดไปนับแต่การการเปิดตัวห้างเซนทรัล และสะพานข้ามแยกบรมราชชนนี จากนั้นมาปิ่นเกล้าก็รอวันที่จะฟื้นตัวจากยาขนานเอกอย่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
หากพลิกไปที่ปูมประวัติของยอดขายคอนโดนย่านปิ่นเกล้านั้น ก็ต้องบอกว่าค่อนข้าง Surprise มาก ที่ทุกโครงการที่เปิดมาล้วนแล้วแต่ขายหมด 100% อย่างไม่ยากเย็น ไม่ว่าโครงการนั้นจะเป็นแบรนด์อะไร ราคาอยู่ในระดับไหน…หรือนี่จะเป็นพลานุภาพของคนติดถิ่นกันแน่
แต่เมื่อดูไปที่อัตราค่าเช่าของคอนโดในย่านนี้ก็ต้องร้อง อ๋อ ขึ้นมากับอัตราผลตอบแทนจากค่าเช่าของบรรดาสารพัดโครงการจาก LPN เนื่องจากต่อให้ซื้อห้องรีเซล ณ ปัจจุบันนี้ ก็ยังสามารถทำ Yield ได้ถึง 7% ซึ่งก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าลูกค้าที่ซื้อโครงการ LPN Place 1,2 หรือ LPN Suite ตั้งแต่เมื่อเกือบสิบปีที่แล้วเมื่อราคาต่อตรม. แค่ 50,000 กว่าบาท จะนอนตีพุงรับ Passive Income ไปเท่าไหร่แล้ว
ตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนก็คือทุกวันนี้หาห้องรีเซลโครงการ LPN บริเวณนี้ยากมากๆ เพราะทุกคนจะปล่อยเช่าหมด แม้กระทั่งคนที่เป็น Owner ก็ยังอยากที่จะซื้อห้องโครงการเดิมเพิ่ม แต่มันไม่มีขาย!!! ทั้งนี้โครงการที่ทำอัตราค่าเช่าได้สูงที่สุดในย่านนี้คือ Ivy Residences คือตรม.ละ 330 บาท >>> สิ่งเหล่านี้คือคำถามที่อยู่ในใจของเหล่า Investor ย่านนี้ว่า แล้วฉันจะซื้อโครงการใหม่อย่าง Life Pinklao ทำไม ราคาต่อตรม.เป็นแสนบาท Yield ค่าเช่าก็ได้น้อยลงแหงๆ…ใช่ครับ ไม่ผิดหรอกที่จะคิดเช่นนั้น เพราะไม่ว่าจะยังไงก็คงจะได้ Yield ไม่เกิน 5% กรณีที่ปล่อยเช่าได้ราวๆตรม.ละ 450 บาท
Life Pinklao จำเป็นที่จะต้องพิสูจน์ให้บรรดานักลงทุนเจ้าถิ่น รวมถึงบรรดาอาแปะ อาม่า ที่จูงหลานเข้ามาซื้อที่โครงการ ให้เห็นครับว่า แท้จริงแล้วบริเวณนี้ยังมี Demand ในส่วนของ Upscale คอนโด หรือคอนโดในระดับที่แตกต่างจากของที่มีอยู่รายล้อมแยกปิ่นเกล้า… คอนโดแบรนด์ Life ที่ให้ทั้งพื้นที่ส่วนกลาง และ Design ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่มีกำลังในการเช่ามากกว่า จะต้องถูกสร้างอย่างพิถีพิถันให้มากที่สุด เพื่อที่จะเปลี่ยนกรอบความคิดของ Demand เจ้าถิ่นครับ ทำให้คนเชื่อว่าแท้จริงแล้วไอ้บรรดาคนที่เช่าอยู่แถวนี้เค้าอยู่ผิดที่ จริงๆแล้วเค้าเหมาะกับ Life มากกว่า รวมถึงต้อง Persuade Owner ปล่อยเช่าด้วยว่ายิ่งนานวันไปอัตราค่าเช่าของคอนโดเก่าก็จะมีแต่ Stable หรือไม่ก็ตกลง…สิ่งเหล่านี้ต้องรออีกสองปียันตึกเสร็จครับ
ปล. คู่แข่งรอบๆที่กำลังขายอยู่ก็จะมีธนา แอสโทเรีย Thana Astoria ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.88 ล้าน เฉลี่ยตารางเมตรละ 84,000 บาท(+-) ผมเข้าไปดูแล้วในแง่ Spec ของและทำเลดูจะด้อยกว่า ส่วนช่วงราคาของ Life pinklao 1 ห้องนอนอยู่ที่ช่วงราคา 2.7-4.3 ล้านบาท และ 2 ห้องนอนอยู่ที่ช่วงราคา 5.2-7.4 ล้านบาท เฉลี่ยราคาเริ่มต้นต่อตารางเมตรก็อยู่แสนต้นๆ แต่ทั้งนี้ต้องระวัง Supply ใหม่ใกล้ๆอีก 2 โครงการที่จ่อเปิดตัวอย่าง Plum Condo ของพฤกษาข้างๆพาต้า และที่แปลงใหญ่ตรงข้าม Life เลยจาก Developer ที่ไม่ประสงค์ออกนามครับ




































พาชม 2 นอนถูกที่สุดใน Mid สุขุมวิท ที่ Aspire Sukhumvit 48
ย่านพระโขนง ถ้าย้อนไปในอดีตคงพูดได้เต็มปากว่าเป็นย่านที่พักอาศัยชานเมือง แต่ด้วยการเติบโตของกรุงเทพมหานครที่มีการขยายศูนย์กลางเมืองอย่างรวดเร็ว พอเหลียวกลับไปมองพระโขนงอีกที ย่านชานเมืองในอดีตแทบจะพลิกตัวพัฒนาได้เทียบเท่าย่านกลางเมืองอื่นๆ เพราะด้วยทำเลที่ใกล้สุขุมวิท เอกมัย ทองหล่อ ศูนย์กลางเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ทำให้พระโขนงเป็นหนึ่งในย่านที่เข้าใกล้ศูนย์กลางเมืองมากกว่าก่อน และด้วยทุนเดิมของย่านพระโขนงที่มีความรุ่งเรืองมาตั้งแต่อดีต เพราะเคยเป็นที่ตั้งของโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ “พระโขนงเธียเตอร์” และมีโรงภาพยนตร์อื่นๆอีก 5 โรงที่ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกัน (ที่มา : ล่าโรงหนังเก่า ตอนที่ 2 อดีตความรุ่งเรืองในย่านพระโขนง ) รวมทั้งเคยเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าเก่าแก่สัญชาติญี่ปุ่นรายใหญ่ อย่างห้างไดมารู ที่มีสาขาอยู่เพียง 2 ที่ คือราชประสงค์และที่พระโขนงแห่งนี้ (ที่มา : ไทยไดมารู ห้างดังในอดีต ) และเป็นที่ตั้งห้างสรรพสินค้ารายอื่นๆที่เรียงรายให้จับจ่ายใช้สอยกันอย่างหลากหลาย ทั้ง ห้างอาเชี่ยน ห้างเอดิสัน ห้างเอทีเอ็ม หรือห้างเวลโก้ นี่คงการันตีได้ไม่น้อย ว่าย่านพระโขนงมีความรุ่งเรืองมามากแค่ไหน
ยิ่งหากคุณได้ไปเยือน ย่านพระโขนงในวันนี้ จะพบว่าเป็นหนึ่งในย่านที่พักอาศัยบนสุขุมวิทที่เพียบพร้อมทั้งคุณภาพของย่านที่พักอาศัยเก่าแก่ ระบบการเดินทางเข้าสู่กลางเมืองที่รวดเร็วและหลากหลาย อีกทั้งรายล้อมด้วยแหล่งพักผ่อน ช็อปปิ้ง และร้านอาหาร ทำให้ AP คัดเลือกทำเลคุณภาพแห่งนี้สรรสร้าง Aspire Sukhumvit 48 มาเสิร์ฟให้ชาวสุขุมวิท เติมเต็มย่านพระโขนงย่านที่พักอาศัยคุณภาพ ให้คุณได้ชาร์จพลังอย่างเต็มเปลี่ยมในทุกๆกิจกรรมที่หาได้บนสุขุมวิท
Aspire Sukhumvit 48 เป็นคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 48 ห่างจากปากซอยเพียง 200 เมตร และห่างจาก BTS พระโขนง เพียง 700 เมตร รายล้อมด้วยพื้นที่ให้คุณได้ชาร์จพลังอย่างเต็มพิกัด ทั้ง Community Mall ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด แหล่งงานและสวนสาธารณะ ที่มีให้เลือกสรรหลายสไตล์ทั้งไทยแท้ดั้งเดิม ศิลปะร่วมสมัย ในย่านพระโขนง หรือแบบหรูหราทันสมัยในย่านเอกมัยทองหล่อ
เราลองมาเซอร์เวย์ดูพื้นที่ชาร์จพลังใกล้บ้าน Aspire 48 หลังนี้กันก่อนดีกว่า เริ่มจากเพื่อนบ้านใกล้ๆ รอบ BTS พระโขนงที่เพียบพร้อมด้วยอาหารการกินทุกสัญชาติ เรียบๆไม่หรูหราแต่รสชาติเรียกว่าเด็ด! ใครมาถึงคงต้องนึกถึงร้าน “ข้าวต้มกระดูกหมู” ที่เปิดมานานกว่า 40 ปีในซอยสุขุมวิท 71 ทางร้านคัดเนื้อหมูอย่างพิเศษ ต้มเคี่ยวกับข้าวให้เข้ากัน เป็นสูตรความอร่อยที่คงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง (ที่มา :EDT Guide ข้าวต้มกระดูกหมู สุขุมวิท 71)
ถัดมาอีกหน่อยสำหรับคอก๋วยเตี๋ยวคงต้องร้านนี้ “แป้นปลื้ม” ร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำตก เปิดมากว่า 40 ปี ที่มีทั้งเนื้อและหมูให้เลือก มีสูตรเด็ดเคล็ดลับอยู่ที่การหมักเนื้อด้วยซอสสูตรเข้มข้น ทำให้รสชาติติดปากลูกค้า มากินแล้วต้องกลับมาอีก (ที่มา: Wongnai แป้นปลื้ม ก๋วยเตี๋ยวเมืองสยาม)
ยังไม่หมดเท่านี้สำหรับคอก๋วยเตี๋ยว อีกร้านที่ต้องแนะนำเพราะหากินได้ยากในกรุงเทพฯ แต่พระโขนงจัดให้ยกเซ็ต คือ ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวทะเลบางปะแก้ว” ที่คัดอาหารทะเลสดๆทั้งทะเลมาเซิร์ฟลงชามก๋วยเตี๋ยวแบบแน่นขนัด (ที่มา: Wongnai ก๋วยเตี๋ยวทะเลบางปะแก้ว)
แต่ถ้าใครอยากกินอาหารทะเลแบบเน้นๆ มีร้าน Daojai Opera House (ดาวใจโอเปร่าเฮาส์) ร้านอาหารของคุณดาวใจ ไพจิตร นักร้องวงสุนทราภรณ์ ที่เปิดร้านอาหาร คาราโอเกะ แบบครบวงจร โดยมีเมนูเด็ดเป็นอาหารทะเลสดๆที่ส่งตรงมาจากมหาชัย เรียกได้ว่าไม่ต้องนั่งรถไปไหนไกลเลย (ที่มา : EDT guide Daojai Opera House)
ลองขยับจากร้านอาหารทรงเสน่ห์อันยาวนานมาเป็นร้านสุดฮิปสุดอาร์ทที่มาพร้อมกับการสรรสร้างย่านศิลปะแห่งใหม่ใจกลางพระโขนง อย่างร้าน GOJA gallery café ที่มีชื่อย่อมาจาก Gallery Of Japan Art ร้านกาแฟและแกลลอรี่ศิลปะหมุนเวียนของเหล่าดาราศิลปิน ดีเจ หรือบุคคลทั่วไปที่สร้างงานศิลปะมาให้ลูกค้าร้านกาแฟเชยชมกันอย่างไม่ขาดสาย (ที่มา : gojaphrakanong)
อีกพื้นที่ที่มาแต่งแต้มเพิ่มดีกรีย่านอาร์ทแห่งใหม่ให้กับพระโขนงคงหนีไม่พ้น W District แหล่งรวมศิลปะและไลฟ์สไตล์ ตั้งเด่นด้วยการออกแบบอาคารทรงกลม บวกกับมีปฏิมากรรมขนาดใหญ่ยืนรับอยู่ด้านหน้าทางเข้าโครงการ
ที่นี่เต็มไปด้วยร้านอาหาร กาแฟ แหล่งแฮงค์เอ้าท์แห่งใหม่ของชาวสุขุมวิท
โดยเฉพาะ HOF Art Gallery คือชุมชน Art Space ที่ใหญ่ที่สุดของย่านพระโขนง ที่มีคนรักงานศิลปะมารวมตัวกันคับคั่งที่สุดในเมือง มีโชว์ผลงานหมุนเวียนอยู่ตามทุกเทศกาล คัดสรรผลงานของศิลปินชั้นเยี่ยมมาจัดแสดง ทั้งไทยและเทศ ไม่จำกัดชิ้นงานศิลปะ ทำให้มีคนเข้าออกหมุนเวียนใช้พื้นที่อยู่อย่างไม่ขาดสาย
อีกทั้งยังมี Beat Hotel ที่นำเอาศิลปินชื่อดังของเมืองไทยมาออกแบบห้องให้เป็นสไตล์ของตัวเอง รอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่อยากเข้ามาพักและชื่นชมผลงานศิลปะโดยเฉพาะ
(ที่มา:www.forfur.com)
ภายในโครงการ W District ยังมีพื้นที่ออฟฟิตให้เช่า ห้องประชุมให้เช่า และร้านอาหารสุดชิคและอินเทรนด์ อย่าง The Pirate Seafood Buffet ร้านบุฟเฟ่ที่คัดสรรวัตถุดิบเน้นคุณภาพ (ที่มา: The Pirate Seafood Buffet)
Cielo Rooftop Sky Bar & Restaurant ร้านอาหารชั้น rooftop ที่มองลงมาเห็นแสงไฟของเมืองกรุงเทพระยิบระยับตามสโลแกนร้าน ดุจดาวบนผืนดิน (ที่มา: Wongnai: Cielo Sky Bar Rooftop & Restaurant )
อีกทั้งยังมีร้านค้าอื่นๆ ในโซน W market ตลาดแนวใหม่ เฉพาะย่านพระโขนงที่รองรับร้านค้ากว่า 100 ร้าน (ที่มา: www.w-district.com)
รวมทั้งร้านกาแฟอย่าง Tom n Tom ที่เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่าจะเช้ากลางวันเย็น ก็มีที่นั่งชิคนั่งชิวได้ตลอดเวลาไม่มีเบื่อเลย
Community mall อีกแห่งที่คงพลาดไม่ได้คือ “ฮาบิโตะ (Habito)” ในโครงการ T77 เป็นคอมมูนิตี้ รีเทล แนวคิดใหม่ที่มอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ดีตั้งแต่เช้าจรดเย็นแก่คนรุ่นใหม่ภายใต้สโลแกน “Habito: The Heart of Good Living” มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ เสริมความงาม ร้านขายยา และ co-working space (ที่มา: www.sansiri.com)
ทั้งนี้ยังมี office space เก๋ๆ อย่าง Naiipa Art Complex (ในป่า อาร์ท คอมเพลกส์) โครงการอาคารสำนักงานที่ผสมผสานระหว่างศิลปะแขนงต่างๆ กับไม้ยืนต้น สอดแทรกอาคารสำนักงานให้อยู่ระหว่างต้นไม้ ทำให้บรรยากาศการทำงานเสมือนอยู่ในป่า ท่ามกลางธรรมชาติอันสงบ ร่มรื่น หลีกหนีความวุ่นวายจากป่าคอนกรีตรอบๆ (ที่มา : naiipa.art)
นี่แค่รอบบ้านก็มีแหล่งให้ชิวอย่างหลากหลายสไตล์ ให้เลือกสรร แค่นี้ก็ไม่ต้องขยับตัวไปไหนแล้ว
หากนับรวมพื้นที่ใกล้ๆ ก็คงหนีไม่พ้น ย่านเอกมัย ทองหล่อ ที่มี Gateway เอกมัย ที่ renovate ใหม่ มีร้านค้าร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นมารวมอัดแน่นทั้งพื้นที่ และยังเป็นห้างที่มีกิจกรรมรันตลอดทุก weekend (ที่มา: www.gatewayekamai.com)
และในอนาคต พื้นที่ใกล้เคียงอย่าง ถนนพระราม 4 ก็กำลังมี คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ สวนเพลิน มาร์เก็ต ที่จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการ และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้คนในย่านนี้ ภายใต้การตกแต่งในสไตล์ อินดัสเทรียล ลอฟท์ อบอวลด้วยกลิ่นอายบรรยากาศของสถานีรถไฟสายแรกของประเทศไทย “สายปากน้ำ” (ที่มา: suanplern)
แค่พื้นที่ชาร์จพลังรอบโครงการ Aspire Sukhumvit 48 ก็เลือกแวะเพิ่มความสุขได้แบบไม่ซ้ำกันเลยตลอดทั้งปี เราไปดูพื้นที่ชาร์จพลังรอบโครงการกันมาแล้ว คราวนี้เราลองมาดูพื้นที่ชาร์จพลังภายในโครงการ Aspire Sukhumvit 48 กันบ้าง โดย Aspire Sukhumvit 48 สามารถตอบโจทย์และเชื่อมโยงจุดเด่นของย่านพระโขนงเข้ามารวมไว้ภายใต้โครงการนี้ ทั้งงานศิลปะสมัยใหม่ ที่นำมาผสานกับงานสถาปัตยกรรมที่สามารถสร้างความโดดเด่นและเติมเต็มความสุขของผู้อยู่อาศัยได้ อีกทั้งกลุ่มผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ก็เป็นคนในพื้นที่ ที่มีบ้านอยู่แล้วแต่ต้องการมีพื้นที่เพิ่มเพื่อส่งต่อให้ลูกหลาน สำหรับขยายครอบครัวในอนาคต
ด้วยตัวแบรนด์ Aspire Sukhumvit 48 เป็น Aspire ที่ยกระดับเทียบเท่าแบรนด์ Life ด้วยการเพิ่ม Rooftop facility ที่เหนือ Aspire ตัวอื่นๆ ทำให้คุณได้รับพื้นที่ส่วนกลางแบบเต็มพื้นที่ โครงการประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัย 2 อาคารที่มี Rooftop Facility เฉพาะของแต่ละอาคาร (Tower N และ Tower S) และมีอาคารจอดรถ 1 อาคาร (Tower C) บนพื้นที่ 5 ไร่ 0 งาน 98.3 ตารางวา
โดยเข้ามาหน้าโครงการจะเจอ Tower N อยู่ด้านหน้า ติดซอยสุขุมวิท 48…เราแวะเข้าไปดูผ่านๆกันครับ เพราะวันนี้มาเพื่อดูห้องสองนอนตึก S ครับ
อาคารแรกนี้ มี Lobby ที่ชั้น 1
และห้องพักอาศัยอยู่ที่ชั้น 2-24 จำนวน 277 ห้อง…ภาพด้านล่างเป็นห้องขนาดสองห้องนอนแบบครัวปิด
มีสวนเล็กๆบริเวณระเบียงอาคารที่ชั้น 17 กับชั้น 22 และชั้น 25 เป็น Rooftop facility


ถัดเข้ามาคือ Tower S อยู่ตรงกลางพื้นที่โครงการ มี Lobby ที่ชั้น 1 และห้องพักอาศัยที่ชั้น 2-29 จำนวนห้องพัก 560 ห้อง และ Rooftop facility ที่ชั้น 30
ส่วนตัว Tower C เป็นอาคารจอดรถ 8 ชั้น ใต้ดิน 1 ชั้น และรวมดาดฟ้า
ห้องพัก มี 2 แบบ คือ 1 ห้องนอน มี 4 Type คือ Type A ขนาด 25 ตร.ม., Type B 27 ตร.ม., Type C 32 ตร.ม., Type D 38 ตร.ม. แบบ Sky kitchen และ Type D 38 ตร.ม. แบบ Std kitchen
และห้องแบบ 2 ห้องนอน มี 2 Type แยกเป็นครัวปิดและครัวเปิด คือ Type E(A) ขนาด 54 ตร.ม. แบบครัวปิด และ Type E(B) ขนาด 54 ตร.ม. แบบครัวเปิด และ Type F(A) ขนาด 64 ตร.ม. แบบครัวเปิด และ Type F(B) ขนาด 64 ตร.ม. แบบครัวปิด
โดยห้องที่เราได้ขึ้นไปดูวันนี้เป็นห้อง 2 นอน 2 น้ำ Type F(A) ขนาด 64 ตร.ม. แบบครัวเปิด ที่ Tower S เนื่องจากห้อง 1 นอน ส่วนใหญ่ของโครงการขายเกือบหมดแล้ว เหลือแบบ 38 ตร.ม. อีกแค่ 2 unit (ข้อมูล ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2558) และความพิเศษอีกอย่างของห้อง Type F(A) ขนาด 64 ตร.ม.ที่ชั้น 21 ที่เราได้ขึ้นไปดูคือ เป็นห้องที่ได้รับการออกแบบงานตกแต่งภายในด้วยฝีมือคุณพลอย พลอยพรรณ ไดเรนดัล
เริ่มจาก Lobby ของตึก S ตกแต่งด้วยโทนสีขาว เงิน ดูโมเดิร์นโดดเด่น และแต่งแต้มด้วยแสงไฟสีน้ำเงิน ทำให้รู้สึกสนุก ตื่นเต้น สัมผัสสิ่งใหม่ๆ ทันสมัยตลอดเวลา ทำให้คุณรู้สึกอิสระและมีจินตนาการแบบไร้ขีดจำกัด


ห้อง 2 นอนขนาด 64 ตร.ม. ที่คุณพลอยได้ออกแบบไว้นั้น เป็นห้องหัวมุมแบบครัวเปิด เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเจอพื้นที่ living area ที่เชื่อมต่อกับครัว มองเห็นวิวเมืองโอบล้อมคุณไว้โดยรอบ

ไม่ว่าคุณจะนั่งดูทีวี หรือกลับมาจากทำงาน ก็สามารถพักสายตาไปมองวิวเมืองที่มีฉากหลังเป็นตึกสูงของย่านใจกลางเมืองได้ นั่งมองวิวงามๆนิ่งๆ หลังจากการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยก็หายเหนื่อยได้เป็นปลิดทิ้ง
ระเบียงห้องใหญ่ และมีมุมที่สามารถชมวิวโค้งขอบฟ้าได้ 180 องศา สามารถออกไปชมแสง ท้องฟ้าสวยๆได้ไม่ซ้ำในแต่ละวันเลยทีเดียว
หรือแม้แต่มุมครัวเล็กๆ มีที่นั่งทานข้าว สามารถชมวิวสะพานวงแหวนอุตสาหกรรม เห็นท่าเรือคลองเตย และเห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ลิบๆ นี่ไม่ต้องจินตนาการยามค่ำคืน ที่คุณจะเห็นแสงไฟระยิบระยับจากพื้นดินจรดผืนฟ้า ไม่ต่างกับการไปนั่งชิวบนร้าน Cielo Rooftop Sky Bar & Restaurant ที่ W district ตามที่ได้เล่าไปเลย
ตู้อเนกประสงค์เก็บของได้ ใช้เป็น showcase ก็ได้ สไตล์ Vintage สีขาวถูกจัดวางไว้บริเวณห้องนั่งเล่น

ด้านขวาของห้องหลังประตูทางเข้า เป็นห้องน้ำแบ่งส่วนเปียกส่วนแห้ง
มีกระจกบานใหญ่ กว้างเต็มผนังให้ได้ใช้กันเต็มที่
ถัดมาเป็นห้องนอนใหญ่ มีห้องน้ำในตัว และมีมุมแต่งตัวแบ่งเป็นสัดส่วน
ผนังหัวเตียงติด wallpaper ลายไม้ ดูเหมือนไม้จริงมากครับ โทนสีห้องเป็นสีน้ำตาล Vintage แค่ก้าวเข้าห้องก็ง่วงแล้วครับ
ห้องนอนได้วิวมุมเดียวกับ living room เพราะกระจกบานใหญ่ที่ให้มา เวลานอนคงจะได้เห็นพื้นดินจรดฟ้า ไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นพาโนรามาวิวที่ดูกี่ทีก็ไม่มีวันเบื่อ อีกทั้งยังมีกระจกบานกระทุ้งถึงสองบาน ที่สามารถเปิดรับลมให้อากาศ flow ในห้องได้แบบสบายเลย

มีมุมทำงานเล็กๆ ให้ได้นั่งจด บันทึก โน้ตความคิดสร้างสรรค์ ได้แบบส่วนตัว
ตู้เสื้อผ้าผมแอบเปิดดูเป็นแบรนด์ SB ครับ ลวดลายดูเข้ากันกับกระจกเงาบานใหญ่หน้าห้องน้ำ
มาดูที่ห้องนอนเล็ก อยู่บริเวณด้านซ้ายของห้อง
สามารถนอนชมวิวฝั่งเดียวกับห้องครัวได้ เวลานอนสามารถมองเห็นยอดสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมสว่างลิบๆ เป็นฉากหลังให้กับเมืองเล็กๆ ราวกับเมืองโมเดลจำลอง เวลามองลงไป ดูกี่ปีถึงจะดูได้ครบทุกพื้นที่ก็ไม่รู้
พอๆอย่าเพิ่งเคลิ้มไปกับห้องนี้ครับ อย่าลืมว่าโครงการขายห้องเปล่าไม่ได้ให้เฟอร์ฯลอยตัวครับ ซึ่งที่ไปดูมาคือที่ชั้น 12A รูปแบบห้องเป็นแบบเดียวกับห้องที่คุณพลอยได้ออกแบบไว้ ไปดูกันว่าบรรยากาศจะแตกต่างกันแค่ไหนครับ
ขายพร้อมชุดครัวแบบห้องตัวอย่างเลยครับ
เตาไฟฟ้าแบบ Hot Plate สองหัว
ที่ดูดควัน Teka
ให้แอร์ 3 ตัว ยี่ห้อ Samsung ในห้องนั่งเล่น ห้องนอนใหญ่ และห้องนอนเล็ก
ส่วนตัวห้องนอน ก็ห้องเปล่าตามรูปเลย
มาถึงพื้นที่ส่วนกลางบน roof top ที่ทำให้คุณได้พักผ่อนออกกำลังกายท่ามกลางบรรยากาศที่มีฟ้าโอบล้อมคุณ ไม่ว่าจะเป็น
ห้องฟิตเนตออกกำลังกาย ที่ทำให้คุณเหมือนได้วิ่งอยู่เหนือเมือง มีอาคารเป็นแผ่นดิน มีเส้นขอบฟ้าเป็นเส้นชัย เหมือนนกที่โบยบินได้อย่างอิสระ
ถัดมาเป็นสระว่ายน้ำ ที่คุณสามารถว่ายพร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตก ลับหายไปหลังฉากเมืองที่อยู่ตรงหน้า

เชื่อมต่อกับพื้นที่สวนดาดฟ้า มีที่นั่งพักผ่อนให้แนบชิดติดธรรมชาติ หลายแบบหลายสไตล์
ไม่ว่าจะนั่งพิงเอนกาย หงายมองฟ้า
นั่งคุยกับเพื่อนชมวิวที่มี skyline เป็นเมืองสูงต่ำตัดกับท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตก
หรือนั่งสัมผัสอากาศและธรรมชาติ ที่รายล้อมตัวคุณ เชื่อมต่อธรรมชาติได้ทุกอณูที่คุณย่างกาย
รับรองว่าแค่นั่งชมพระอาทิตย์ตกแต่ละวันก็ฟิน จนไม่ต้องทำอะไรแล้ว

นอกจาก Roof top facility ที่มีให้เฉพาะของแต่ละ Tower ยังมีพื้นที่สวนเล็กๆที่รายล้อมโครงการ คู่ไปกับ jogging track รอบโครงการ ให้ได้ออกกำลังกาย และเดินพักผ่อนกันได้ทุกพื้นที่ของโครงการ
นอกจากนี้ยังมีบริการรถตู้รับส่งสถานีรถไฟฟ้าพระโขนงสำหรับลูกบ้านอีกด้วย เรียกได้ว่า ให้คุณได้มีเวลาชาร์จพลังกันเต็มที่เลยทีเดียว
ไม่เพียงแต่ Aspire Sukhumvit 48 จะมอบความสุขทั้งวิวและพื้นที่ส่วนกลางแบบเกินคาดหมายแล้ว ที่นี่ยังช่วยให้คุณมีคอนโดกลางสุขุมวิทง่ายๆ เพราะด้วยราคาขายต่อตารางเมตรของห้องขนาด 2 ห้องนอน อยู่ที่ 70,000 – 80,000 บาท(+-) ซึ่งคุณคงหาห้องแบบ 2 ห้องนอน พร้อมอยู่ในแบบเพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ บนสุขุมวิทตอนกลาง ที่ราคาต่อตารางเมตรไม่ถึงแสน แบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะคู่แข่งใกล้ๆ อย่าง The Room Sukhumvit 69 ที่กำลังก่อสร้างอยู่ ราคาต่อตารางเมตรอยู่ที่ราวๆ 160,000 บาท(+-) Sky Walk ราคาขายอยู่ที่ตารางเมตรละ 145,000 บาท(+-) Bangkok Feliz Sukhumvit 69 ราคาตารางเมตรละ 137,000 บาท(+-) Rhythm 44/1 ห้องรีเซล ราคาตารางเมตรละ 180,000 บาท(+-) The Line Sukhumvit 71 ห้องรีเซลราคาตารางเมตรละ 150,000 บาท(+-) แค่เห็นราคาขายก็คงไม่ต้องคิดแล้วหล่ะ เพราะถ้าเทียบมูลค่าของย่านสุขุมวิท ก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว
อีกทั้งโปรโมชั่นตอนนี้ จองเพียง 20,000 บาท ฟรีค่าโอน+ค่ามิเตอร์+ค่าบริการส่วนกลาง+เงินกองทุนแรกเข้า และยังได้รับส่วนลดอีก 6-8 แสน ซึ่งต้องบอกว่าโปรโมชั่นมาแรงนี้ เหลือเดือนนี้ (พ.ย.) อีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้น หากใครอยากได้คอนโด 2 ห้องนอน ราคาไม่ถึงแสนต่อตารางเมตร รายล้อมด้วยแหล่งแฮงค์เอ้าท์หลายสไตล์ที่ให้เลือกชิลได้ตลอดทั้งปี ท่ามกลางย่านชุมชนที่พักอาศัยเก่าแก่ที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และโครงการยังทุ่มทุนสร้าง roof top facility ให้คุณแบบไม่ยั้ง ชนิดที่ลูกค้าแบรนด์ Aspire ทำเลอื่นยังต้องมองด้วยความอิจฉา Aspire Sukhumvit 48 จึงน่าจะเป็นคำตอบที่ลงตัว ของคนที่กำลังหาคอนโด 2 ห้องนอน ราคา 4 ล้านต้น ย่านสุขุมวิท เพราะโปรแรงขนาดนี้คงไม่ได้มีเข้ามาอีกง่ายๆครับ































































































