เกริก บุณยโยธิน เมื่อ 18 June, 2016 เวลา 12.17 pm
Prop score™: 3.6
คะแนนรีวิว: 2.5
2 รีวิว
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ
เดอะ ไลน์ อโศก-รัชดา
บริษัทผู้สร้าง
แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
สถานที่
ถนนอโศก – ดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร
สถานีรถไฟ BTS
-
สถานีรถไฟใต้ดิน
MRT พระราม 9 Distance 300 m.
Airport Rail Link
-
สถานี BRT
-
พื้นที่
ประมาณ 2-2-0 ไร่
ชั้น
อาคารพักอาศัยสูง 38 ชั้น 1 อาคาร และอาคารจอดรถสูง 9 ชั้น พร้อมชั้นใต้ดิน 1 ชั้น 1 อาคาร
ยูนิต
473 ยูนิต
ที่จอดรถ
ประมาณ 48%
ลิฟท์
ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว และลิฟท์ service 1 ตัว
สิ่งอำนวยความสดวก
พื้นที่โถงต้อนรับ, สวนส่วนกลาง พร้อมพื้นที่สันทนาการกลางแจ้ง, สระว่ายน้ำพร้อมจากุซซี่และสระเด็ก, ห้องออกกำลังกาย พร้อมอุปกรณ์, ห้องอบไอน้ำ, ห้องพักผ่อนอเนกประสงค์, ห้องซักผ้า, สวนชั้นดาดฟ้า, อินเตอร์เน็ตไร้สายสำหรับโถงต้อนรับ, ห้องออกกำลังกาย และห้องสมุด
ประเภทยูนิต
ประเภท
CONDO
studio
-
1 bedroom
27.50 – 28.00 และ 34.00 – 36.00
2 bedroom
46.25 – 50.25 (2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ)
3 bedroom
-
Duplex
-
Penthouse
-
ประเภทอื่นๆ
-
ความสูงจากพื้นถึงเพดาน
ประมาณ 2.7 เมตร
ราคาเริ่มต้น / ตรม.
170,000
ราคาเริ่มต้น / ยูนิต
3.99 ล้านบาท
ค่าส่วนกลาง
N/A
Sinking Fund fee
N/A
สร้างเสร็จ
2018
เว็บไซต์
http://www.sansiri.com/condominium/theline-asoke-ratchada/th
1685
The LINE Asoke – Ratchada : Balance is Everything ชีวิตวุ่นวายแต่ผ่อนคลายได้อย่างแสนสงบ
เมื่อเรามองย้อนกลับไปในปีที่แล้ว Condo brand ใหม่ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างแสนสิริและ BTS holding ภายใต้ชื่อ “THE LINE” สามารถสร้างกระแส และความร้อนแรงให้กับตลาดคอนโดกรุงเทพฯ จากการปิดการขาย (Sold out) ได้ทั้ง 3 โครงการ (The LINE Jatujuk-Mochit, The LINE Sukhumvit 71 และ The LINE Ratchathewi) ภายในช่วงแรกของการเปิดขาย คิดเป็นมูลค่าการขายรวมสูงถึง 1 หมื่นกว่าล้านบาท
ความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการ synergy เอาจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาใช้ ภายหลังการร่วมทุนระหว่างแสนสิริ และ BTS holding โดยเฉพาะฐานลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยกลุ่มลูกค้าของ The LINE จากประเทศฮ่องกง สิงคโปร์และไต้หวัน ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับโครงการแสนสิริในอดีต สำหรับแผนในระยะ 5 ปี ทางบริษัทร่วมทุนยังคงตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ถึง 25 โครงการ มูลค่ารวม 1 แสนล้านบาท ดังนั้นเพื่อรองรับแผนการดังกล่าว เราจะเห็นแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2016 จะมากกว่าปี 2015 โดยปี 2016 ตั้งเป้าหมายการเปิดโครงการใหม่ปีนี้ทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวมราว 2 หมื่นล้านบาท โดยหนึ่งในนั้นเป็น The LINE ตัวแรกของปีนี้และตัวที่ 4 ในตระกูล The LINE ที่เปิดตัวในฮ่องกงไปแล้ว เมื่อวันที่ 11-12 มิถุนายน 2016 ซึ่งกระแสตอบรับดีกว่าคาด สำหรับประเทศไทยนั้นจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 25-26 มิถุนายน 2016 ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะ Sold out ตามรอยรุ่นพี่ 3 โครงการ ในปีที่แล้วได้ไม่ยากนัก
The LINE Asoke – Ratchada : Balance is Everything (เดอะไลน์ อโศก รัชดา) เป็นโครงการภายใต้แบรนด์ The LINE จาก Slogan ที่ต่อท้ายของ The LINE แต่ละโครงการดัง 3 โครงการที่ Sold out ไปแล้วคือ The LINE Ratchathewi : The Centre of everything, The LINE Sukhumvit 71 : Opportunity is everything และ The LINE Jatujak – Mochit : Location is everything ซึ่งจะกำหนดขึ้นในลักษณะตามศักยภาพของทำเล สภาพแวดล้อมหรือปัจจัยอื่นที่ส่งเสริมตัวโครงการให้มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้ จดจำ Concept หลัก ก่อนที่จะสะท้อนไปยัง การออกแบบอาคาร ต่อเนื่องไปยังส่วนอื่นๆ ของโครงการ เพื่อตอกย้ำความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยโครงการ “The LINE Asoke – Ratchada” ใช้ Slogan ที่ว่า Balance is everything เรามาทำความรู้จักกันครับว่า The LINE ตัวนี้จะสื่อถึงคำว่า Balance ในรูปแบบและลักษณะใดบ้าง
ชื่อของโครงการระบุเป็น Asoke – Ratchada แต่ความเป็นจริงแล้วอยู่บนถนนดินแดง มุ่งหน้าไปสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หากมาทางถนนอโศกมนตรีคือเลี้ยวซ้ายตัวโครงการอยู่ซ้ายมือ การเดินทางบนถนนเส้นรัชดาภิเษกนั้นถือว่าไม่คล่องตัวนัก หากเดินทางด้วยรถอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ สำหรับจุดขึ้นทางด่วนจะอยู่ฝั่งขาเข้าอโศก-เพชรบุรี ส่วนขาลงอยู่ฝั่งเดียวกับโครงการ ก็นับว่าสะดวกเช่นกันสำหรับการใช้ทางด่วนเพื่อเข้าสู่ใจกลางเมืองหรือออกไปชานเมือง
ตัวโครงการห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT พระรามเก้าเพียง 300 เมตร ถือว่าระยะเดินไม่ไกลมากและสะดวกสบาย อยู่ใกล้ฟอร์จูนทาวน์และเซ็นทรัลพระรามเก้า ประกอบกับเส้นทาง Airport Rail Link เดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิที่สถานีมักกะสัน ซึ่งอยู่ละแวกโครงการ เช่นเดียวกัน เดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดินเพียง 1 สถานี เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดบนถนนอโศกมนตรีเรื่อยมายังถนนรัชดาภิเษก จึงเห็นว่าการเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้านั้นประหยัดเวลาและสะดวกมากกว่า
ในอนาคตละแวกนี้นิยามให้เป็นย่าน New CBD ของกรุงเทพฯ ที่รองรับการขยายตัวจากฝั่งอโศก แนมโน้มการพัฒนาของ Office ในย่านนี้มาแรงอยู่พอสมควร จะเห็นได้จากอาคารสำนักงาน SET หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ย้ายมาฝั่งนี้รวมถึง AIA Capital Center ก็เช่นเดียวกัน ที่เข้ามาเติม Supply ในย่านพระรามเก้า รวมถึงอาคารสำนักงานในอนาคตอย่าง G LAND ที่กำลังก่อสร้างในปัจจุบัน และ Super Tower ที่มีแผนพัฒนาในอนาคต ทำให้ย่านนี้ในอนาคตดูจะคึกคักไม่เบา ทั้งคนทำงาน Office ที่เพิ่มขึ้นทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึงห้างสรรพสินค้า อีกหนึ่งปัจจัยหนึ่งคือชาวจีนที่ชื่นชอบทำเลนี้เป็นพิเศษ เพราะประเทศไทยได้รับความนิยมจากชาวจีนที่มาท่องเที่ยว ติดอันดับทำเลอสังหาฯ ยอดนิยมจากผู้ซื้อและนักลงทุน นักธุรกิจชาวจีนอีกทั้งสถานทูตจีนประจำประเทศไทยก็ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกเช่นเดียวกัน
สภาพแวดล้อมรอบโครงการยังเป็นอาคารพาณิชย์ยุคเก่า ฝั่งตรงข้ามเป็น Low-rise housing และยังมีพื้นที่รอบข้างที่รอการพัฒนาของ Developer รายอื่นทำให้ทำเลนี้ยังไม่ค่อยดูเจริญหูเจริญตาเท่าใดนักเมื่อเทียบกับทำเลสี่แยกพระรามเก้าเรื่อยไปจนถึงตึก Unilever แต่ถ้าเทียบกับโครงการอื่นๆ ในฝั่งรัชดา-ดินแดงแล้ว ปัจจุบัน The LINE Asoke – Ratchada ถือว่าใกล้สถานีรถไฟฟ้ามากที่สุด ในบรรดาโครงการอื่นที่อยู่ถัดออกไปอีก
วิวจากฝั่งทิศตะวันออก
วิวจากฝั่งทิศตะวันตก
วิวจากฝั่งทิศเหนือ
วิวจากฝั่งทิศใต้
พื้นที่โครงการประมาณ 2.2 ไร่ มีทั้งหมด 473 ยูนิต ทางเข้าอยู่ติดถนนดินแดงโดยแยกอาคารจอดรถออกจากส่วนที่พักอาศัย 1 อาคาร จำนวน 48% (9 ชั้นและ 1 ชั้นใต้ดิน) และรอบอาคารที่พักอาศัยยังมีช่องจอดรถอยู่ 19 คัน อาคารที่พักอาศัยสูง 38 ชั้นถือว่าสูงที่สุดสำหรับ โครงการในย่านนี้ รูปแบบห้องพักมีทั้งหมด 3 ขนาด คือ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 27.5-28 ตร.ม., 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 34 – 36 ตร.ม. และ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 46.25 – 50.25 ตร.ม. ราคาเฉลี่ยประมาณ 170,000 บาทต่อ ตร.ม. หรือเริ่มต้นที่ 3.99 ล้านบาท จุดเด่นที่โครงการนำเสนอคงหนีไม่พ้น Facilities 4 ชั้นต่อเนื่อง ตั้งแต่ชั้นที่ 23 ถึงชั้นที่ 26 จากพื้นที่ Terrace ชมวิวขึ้น มายังสระว่ายน้ำ เรื่อยมายังฟิตเนส ชั้นดาดฟ้าฟิตเนส เป็นสวนพักผ่อน ออกกำลังกาย ซึ่งจะลงรายละเอียดในลำดับต่อไป
อาคารวางตัวแนวทิศเหนือ-ใต้ ทำให้ห้องส่วนใหญ่โดนแดดโดยเฉพาะฝั่งทิศใต้และตะวันตกนับกว่าร้อยห้อง แต่ก็ต้องยอมรับว่าวิวทิศนี้สวยเพราะเมื่อมองแล้ววิวสวนมักกะสันจะอยู่ด้านหน้าและด้านหลังจะเป็นวิวเมือง ตึกสูงสลับไปมาการออกแบบตัวอาคารสะท้อนมาจากบริบทของพื้นที่ ประกอบด้วยเส้นสายของถนนรอบด้านได้หยิบเอาส่วนโค้งของถนนมาใช้ให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้นในเส้นสีน้ำเงินที่พาดผ่านตัวอาคารจากชั้นล่างถึงชั้นบนสุด ประกอบกับเส้นสายรอบอาคาร แสดงถึงความ Dynamic สอดคล้องกับ Lifestyle ของคนในเมืองหลวง
โดยเส้นสีน้ำเงินถูกเลือกให้เป็นตัวแทนในเรื่องนี้ เป็นวัสดุกึ่งทึบกึ่งโปร่ง ทำจาก Aluminum sheet เจาะช่องเปิดแบบต่างๆ เหมือนกับแสงไฟยามค่ำคืนและแสงที่เล็กๆ ผ่านช่อง Perforated metal (ตะแกรงเหล็กเจาะรู) สามารถทำให้เกิดลักษณะ ของความเป็นส่วนตัวและความเป็นส่วนหนึ่งของเมืองเรียกว่า 2P (Public/ Private) ซึ่งโครงการได้นำ Concept หลักตัวนี้ สื่อถึงในทุกรายละเอียดของการออกแบบ ภายในตัวโครงการ
จุดเด่นของอาคารนี้ จะเห็นได้ว่าตัวตึกนั้นแบ่งออกเป็นสองส่วนคือส่วนห้องเหนือชั้นสระว่ายน้ำ ที่จะมีการออกแบบผนังอาคารเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชั้น และส่วนด้านล่างชั้นสระว่ายน้ำลงมาจะเป็นห้องแบบ Typical ปกติ โดยจะเจาะลึกรายละเอียดถึงความแตกต่างของทั้งสองส่วนนี้ในรายละเอียด Layout ห้องของโครงการได้นำเสนอที่ Sale Office ว่าจะแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด
อีกหนึ่งจุดสังเกตที่โครงการนำเสนอและเห็นได้ชัดเจน เพราะอยู่ส่วนทางเข้า ขอยกตัวอย่างการออกแบบทางเข้า ที่ให้ความสำคัญและใส่ใจรายละเอียดชนิดที่ว่าก้าวแรกเข้ามาก็สัมผัสได้ ซึ่งรั้วทำจากอลูมิเนียมกล่องทาสีดำชนิดเงาหัวท้ายปิดด้วย Stainless mirror รมดำ ที่สื่อถึง Concept 2P ได้มากที่สุด ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย แต่ก็ไม่ขาดความเป็นส่วนตัว ออกแบบคล้ายพิกเซลค่อยๆคลายตัวไล่น้ำหนักจากทึบมาโปร่งทำให้เกิดลูกเล่นมุมมองที่น่าสนใจ ไม่รู้สึกอึดอัด แต่ก็ไม่ได้เปิดกว้างจนขาดความเป็นส่วนตัว สอดคล้องกับ Balance is Everything ได้เป็นอย่างดี
เมื่อเข้ามาสู่ตัวอาคาร จะพบกับ Lobby ของโครงการ สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนโครงการอื่นๆ คือ Lobby ออกแบบ Double volume ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย อีกจุดเด่นคือบันไดกระจกโค้ง ซึ่งตั้งอยู่กลาง Lobby ที่เชื่อมต่อไปยังชั้น Lobby mezzanine ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ห้องรับแขกที่บ้าน อีกทั้งส่วน Lobby mezzanine ยังสามารถเชื่อมต่อกับ Terrace garden สามารถสัมผัสธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดเหมือนสวนหน้าบ้านของตัวเอง
มาถึงไฮไลท์ของโครงการอีกส่วนหนึ่งที่จัดเต็มกับ Facilities ต่อเนื่องถึง 4 ชั้น พร้อมสระว่ายน้ำที่อยู่สูงที่สุดของโครงการคอนโดมิเนียมในย่านนี้ Facilities 4 ชั้นต่อเนื่อง ดังนี้
ส่วนที่ 1 Lower Terrace ที่เป็นส่วนตัวสุดๆ เพราะชั้นนี้มีแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ได้รับวิวของถนนรัชดาภิเษก ฝั่งเหนือ ซึ่งถ้าจะเข้าพื้นที่ส่วนนี้ได้ต้องเดินลงจากชั้นสระว่ายน้ำเท่านั้น
ส่วนที่ 2 Swimming pool & Swing ถือว่าส่วนนี้เป็นจุดขายของโครงการเลยก็ว่าได้ เพราะเจ้าตัว Swing ที่อยู่ด้านซ้ายนั้น สามารถเสพวิวเมืองพร้อมสวนมักกะสันได้อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งให้ความรู้สึกที่ว่าเราลอยอยู่กลางอากาศเพราะตัว Swing ถูกยกขึ้นมาและวิวโอบล้อมเราอยู่
ส่วนที่ 3 Fitness เป็น Brand Technogym เครื่องออกกำลังกายระดับ World class ส่วนใหญ่ใช้ในโรงแรมและฟิตเนสชั้นนำ ซึ่งเป็นตัวเดียวที่ใช้กับโครงการ The Monument สนามเป้า
ส่วนที่ 4 Yoga Court พื้นที่ Rooftop ของฟิตเนส สำหรับยืดเส้นยืดสายหรือ Weight training กลางแจ้ง ไว้รับลมเอื่อยๆ นั่งเล่นพักผ่อนเรียกได้ว่า Activity ที่เกิดบริเวณนี้คุณจะไม่สะดุดอย่างแน่นอน เพราะความต่อเนื่องของ Function ถูกออกแบบสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ตอบโจทย์เรื่อง Circulation ที่แยกส่วนจากห้องพัก ไม่รบกวนกันสร้างความเป็นส่วนตัวแก่ผู้อยู่อาศัย
Facilities ของโครงการยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีส่วนชั้นบนสุด ชั้นที่ 38 เป็น Lounge สามารถนั่งทำงานหรือนั่งพักผ่อนก็ได้ทั้งนั้น เปิดรับวิวฝั่งทิศตะวันออก ถนนพระรามเก้า และชั้น Rooftop ของโครงการเป็นพื้นที่สวนพร้อมจุดที่นั่งพักมุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Sitting corner มุมทิศใต้วิวเมืองและสวนมักกะสัน หรือ Skyline daybed ดื่มด่ำกับวิวถนนรัชดาภิเษกในยามค่ำคืน กับแสงไฟในย่านนี้โลดแล่นไปมาตาม Dynamic ของรถที่เคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง
สำหรับตัว Layout ห้องนั้นมีทั้งหมด 3 ประเภท ที่ได้กล่าวไป คือ
จากที่กล่าวมาข้างต้นว่าการออกแบบผนังอาคารตั้งแต่ ชั้น 27 – 37 เพื่อให้เป็นลักษณะพิเศษของโครงการ จึงใช้ผนังกระจกอาคารด้วยระบบ Curtain Wall โดยในบางส่วนเป็น Double Skin Facade ที่มีผนังเป็น 2 ชั้น ซึ่ง จะแตกต่างจาก Layout ปกติ คือ กระจกแบบ Full height จาก Floor to ceiling และสามารถเปิดบานกระจกในระยะ 45 ซม. ซึ่งปกติบานกระจกประเภทอาคารสูงเปิดได้เพียง 15 ซม. เท่านั้น
โดยส่งผลต่อพื้นที่ภายในห้อง เพราะสามารถใช้พื้นที่บริเวณระเบียงเป็นพื้นที่ปิดได้ เพิ่มพื้นที่การใช้สอยเข้าไปอีกซึ่ง Layout มีเพียง 2 ห้องต่อชั้นเท่านั้น คือ ห้อง Type 1H ขนาด 36 ตร.ม. และห้อง Type 2B ขนาด 50.25 ตร.ม. เป็น Layout ที่ได้รับความสนใจมาก และน่าจะขายดี ระยะความสูงอยู่ที่ 2.7 เมตร แต่ดูเหมือนสูงกว่าห้อง Typical อยู่ฝั่งทิศตะวันออกทั้งคู่ ส่วน Floor plan ที่น่าสนใจคือชั้น 2 และ 24 เนื่องจากเป็นชั้นที่เข้าถึงพื้นที่สวนและส่วนกลางของอาคารได้เลย
ชั้น 2 มีพื้นที่ Terrace Garden
ชั้น 24 เป็นพื้นที่ส่วนกลางหลัก
โดยที่ Sale Office มีให้เลือกชม 2 ห้องคือ Type 1E ขนาด 34.75 ตร.ม. และ Type 2B ขนาด 50.25 ตร.ม.ในวันนี้เราจะพามาดูห้องตัวอย่างทั้ง 2 Type อย่างเจาะลึกในส่วนที่ต่างจากโครงการอื่นๆ ในละแวกนี้
ห้อง Type 1E ขนาด 34.75 ตร.ม.
Layout ของห้องนี้จะอยู่ทิศใต้ฝั่งทิศตะวันตก ห้องมุม จากแปลนเห็นได้ว่า ส่วนระเบียงมีประตูเข้า – ออกจากฝั่ง Living ได้เลยและไม่แสดงให้เห็นถึง ตำแหน่ง CDU เพราะนำไปแขวนไว้ด้านบนเพดานของระเบียงแทน (ยกเว้น Type 1A และ 1AM) อีกจุดหนึ่งคือตำแหน่งของหน้าต่าง บนหัวเตียงถูกออกแบบมาได้พอดีกับความกว้างของเตียง แบ่งออกเป็นสองฝั่ง เพราะส่วนใหญ่เวลานอน คงไม่อยากให้แสงมารบกวน
เมื่อเปิดประตูเข้ามา ตัวเปิด-ปิด ประตูเป็น Digital door lock ที่สามารถใช้ร่วมกับ Application ของ Yale ใช้โทรศัพท์เปิดบลูทูธสำหรับเปิดปิดประตูได้ ด้านซ้ายเป็นตู้เก็บรองเท้าและเก็บของ ด้านขวาเป็นส่วนครัวพื้นกระเบื้องแกรนิต ขนาด 60 X 60 ซม.
ส่วนครัวใช้ท็อปหินแกรนิต ใช้ชุดเครื่องครัวและซิงค์ล้างจานของ MEX สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือการออกแบบตู้เก็บของและรายละเอียดที่ขั้นกว่าภายใต้ Design by Sansiri คือบนตู้เก็บของส่วนครัวได้แบ่ง จำแนก แยกแยะที่เก็บของ สำหรับนำมาใช้ในครัว เช่น ช่องเก็บเขียง ช่องเก็บเครื่องปรุง ที่แขวนอุปกรณ์จำพวกทัพพี ตะหลิว ที่ใส่กระดาษอเนกประสงค์ ราวสแตนเลสสำหรับไว้แขวนสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่มากไปกว่านั่นคือ ที่วาง iPad เพราะในปัจจุบันการทำอาหาร เรามักจะดู Youtube หรือสูตรอาหารผ่านโลกออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งส่วนนี้หากใครชอบใช้ชีวิตอยู่ในครัว ชอบทำอาหาร อาจจะถูกใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสาวกชาว Tasty และ Tastemade ถือว่าส่วนนี้แสนสิริคิดมาให้ดี จัดเต็มมาก
ฝั่งตรงข้ามครัวจะพบกับตู้เก็บของและตู้เก็บรองเท้า สังเกตรายละเอียดเล็กน้อยว่าแม้แต่ที่แขวนไม้กวาดและไม้ปัดฝุ่นก็มีที่ช่องเก็บสำหรับอุปกรณ์เหล่านี้ ช่องเก็บของแบ่งให้มาอย่างพอดีแถมยังมีเก้าอี้ Stool พร้อมล้อเลื่อน ไว้ใส่รองเท้าด้วย ถูกซ่อนเป็นระนาบเดียวกันอย่างลงตัวซึ่งขอชื่นชมสำหรับการออกแบบพื้นที่ส่วน Service ภายในห้อง ที่แม้หากเราเป็นเจ้าของห้องเองคงต้องการให้ห้องดูสะอาดตาและรียบร้อย
ส่วน Dining และ Living พื้นเป็น Laminate หนา 12 มม. อยู่ถัดออกไปจากครัว พื้นที่ส่วน Living ยาวไปถึงสุดปลายห้องตรงที่เป็นราวกันตกกับหน้าต่าง สามารถใกล้ชิดแสงธรรมชาติได้มากยิ่งขึ้น พร้อมหน้าต่างที่สามารถเปิดได้เต็มบาน (45 ซม.) อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงระเบียงของห้องจากฝั่ง Living ได้เช่นเดียวกัน
ประตูที่เปิดออกสู่ระเบียงวัสดุเหมือนกับหน้าต่าง แต่จะไม่เต็มบานเหมือนหน้าต่าง เพราะพื้นที่ด้านบนวงกบประตูจะเป็นพื้นที่สำหรับแขวน CDU ทำให้ระเบียงได้ความยาวมากขึ้น ส่วนหน้าต่างฝั่งห้องนอนมีความยาวเท่ากับระเบียง ทำให้รับลมเข้าสู่ห้องได้ดี มาพร้อมราวกันตกที่เป็นกระจกใส โครง Stainless steel จึงได้รับทั้งลม แสงธรรมชาติและวิวที่โปร่งมากกว่าราวกันตกเหล็ก
หากมองกลับมา พื้นที่ระเบียงก็จะกว้างเท่ากับความกว้างประตูบวกวงกบ โดยบานเลื่อนกระจกฝั่งห้องนอนจะสูงประมาณ 2.1 เมตร พื้นที่เหนือกระจกด้านนอกก็คือที่แขวน CDU นั่นเอง
ส่วนห้องนอนมีหน้าต่างระหว่างหัวเตียง หน้าต่างแนวยาวแบบนี้ช่วยการควบคุมแสง เหมาะกับการติดมู่ลี่ม้วนที่สามารถปิดทึบได้ไม่ให้แสงเล็ดลอดเข้ามา ฝั่งตู้เสื้อผ้าหน้าบานจะเป็นกระสีชา มองเห็นด้านในตู้เสื้อผ้า พร้อมช่องเก็บของและลิ้นชักสำหรับเก็บเข็มขัด โบว์ไท เนคไท และนาฬิกาข้อมือ
ไฮไลท์อีกจุดหนึ่งของการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ Design by Sansiri คือตู้แขวน Accessories ของกระจุกกระจิก เห็นว่าจะเหมาะกับคุณผู้หญิงมากกว่า เช่น ต่างหู สร้อยคอ กำไลข้อมือ ฯลฯ มาพร้อมกระจกในตัวบานเปิด ซึ่งเมื่อเวลาไม่ใช้งานก็ปิดแนบสนิทไปกับตู้เสื้อผ้า
ห้องน้ำตรงส่วนตู้กระจกอ่างล้างหน้ามีไฟอยู่ข้างตู้ เนื่องจากคุณผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบการแต่งหน้ารับกับแสงจริง การออกแบบไฟข้างตู้แบบนี้ช่วยตอบโจทย์การแต่งหน้าในห้องน้ำที่แสงน้อยได้ตรงจุด พร้อมช่องเก็บของด้านหลังกระจก โดยภาพรวมห้องน้ำไม่ได้มีพิเศษหวือหวามากนัก ตามฉบับมาตรฐานทั่วไป ใช้สุขภัณฑ์ของ COTTO กระเบื้องหินแกรนิตสีเดียวกันทั้งพื้นและผนัง
ห้อง Type 2B ขนาด 50.25 ตร.ม.
มาถึงห้องไฮไลท์ของโครงการ 2 ห้องนอน ขนาดใหญ่สุด ตำแหน่งของห้องอยู่ทิศใต้ ฝั่งตะวันออก จากแปลนจะเห็นว่าแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ ฝั่ง Living ทั้งหมดอยู่ฝั่งกระจกและส่วน Service รวมถึง Dining area เองอยู่ฝั่งติดผนัง ทำให้แบ่งการใช้งานได้ชัดเจน Circulationภายในห้องค่อนข้าง Flow อีกจุดเด่นหนึ่งคือผนัง Double skin facade ด้านทิศตะวันออกทั้งหมด ที่เพิ่มพื้นที่พิเศษให้แก่ระเบียงห้องได้เป็นอย่างดี โดย CDU จะตั้งอยู่พื้นที่ของระเบียง มีประตู Aluminum กันเสียงปิดอยู่
ภายในส่วน Living พื้นที่ค่อนข้างกะทัดรัด ต่อเนื่องมาจากส่วน Dining area สามารถเชื่อมต่อไปยังระเบียงที่มีเป็น Double skin facade ได้เลย
โดยมีบานเลื่อนกระจกกั้นสองส่วนนี้ไว้ วัสดุของวงกบภายในห้องทุก Type เป็น Aluminum power coating พร้อมขอบยาง มีความแข็งแรงทนทาน ช่วยลดแรงกระแทกของประตูและหน้าต่าง เวลาปิดจะแนบสนิทไปกับวงกบทำให้ภายในห้องเงียบมากขึ้น ตัวบานหน้าต่างสามารถเปิดได้สูงสุดในระยะเอื้อมมือถึงประมาณ 45 ซม. ซึ่งมากกว่าการเปิดแบบปกติที่พบในอาคารสูงที่จำกัดเพียง 15 ซม. ความสูง Full height จากพื้นจรดฝ้าเพดาน
โถงทางเดินที่แบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจนด้วยเส้นคิว Stainless ระหว่างพื้นลามิเนตและกระเบื้องแกรนิต ส่วน Dining เชื่อมต่อกับ Kitchen ซึ่งด้านหลังเป็นตู้เก็บของและรองเท้าพร้อมกระจก เช่นเดียวกัน Type 1 ห้องนอน
ภายในตู้เก็บของแบ่งสัดส่วนได้ลงตัว สามารถแขวนอุปกรณ์ทำความสะอาดและวาง Yoga mat ได้เพราะความสูงพอดีกัน ช่องเก็บรองเท้าด้านล่าง ซึ่งสำหรับ 2 ห้องนอนมองว่าน้อยไป 1 ห้องนอนยังได้มากกว่า มาพร้อมช่องเก็บของด้านบน
ไฮไลท์ส่วน Kitchen ของ 2 ห้องนอนก็จะคล้ายกันกับ 1 ห้องนอนที่ได้กล่าวไป แต่ความยาวฝั่งเค้าน์เตอร์อ่างล้างจานจะเพิ่มขึ้น และมีลูกเล่นของถังขยะที่ซ่อนอยู่ใต้อ่างล้างจาน ตอบโจทย์เรื่องการอำนวยความสะดวกภายในครัวมากสำหรับโครงการนี้ เอาใจคนทำอาหารสุดๆ
Bedroom 1 ทางโครงการจัดเป็นห้องทำงาน จำนวน 2 โต๊ะ เพื่อนำเสนอไอเดียของ Layout ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นห้องนอนเล็กก็ได้ เป็น multi-purpose room แล้วแต่ความต้องการของเจ้าของห้อง หากเป็นห้องนอนตรงส่วนโต๊ะทำงานก็จะเป็นเตียง และปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้า
ห้องนอนใหญ่มีกระจกเข้ามุมอยู่ทางหัวเตียงด้านซ้าย เปิดรับมุมมอง City view และสวนมักกะสัน ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งและแต่งตัวจะอยู่ถัดไปทางฝั่งตรงข้าม จะเป็นซอกหลืบเข้าไปตรงมุมเสา
กระจกเข้ามุมของห้อง Layout ห้องนี้ที่เปิดรับวิว ส่วนด้านขวาเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง หากไม่ต้องการเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง สามารถทำเป็นโต๊ะทำงานภายในห้องนอนได้ เพราะมีแสงเข้าทางหน้าต่างด้านทิศใต้ เสพวิวระหว่างทำงานอย่างเพลิดเพลิน
ห้องน้ำของ Layout นี้มี 1 ห้องใช้ร่วมกันและมีขนาดเล็ก รายละเอียดเหมือนกับ 1 ห้องนอนทุกประการ โดยปกติแล้วเราจะคุ้นเคยกับ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ แต่ข้อจำกัดเรื่องพื้นที่เอง และเทรนด์ของคอนโดสมัยใหม่มักจะเลือกใช้ประโยชน์ของการเป็นห้องเอนกประสงค์มากกว่าการที่จะใช้เป็นห้องนอนจริงๆ ห้องน้ำเพียงแค่ห้องเดียวจึงน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานจริง
การออกแบบ Layout ห้องที่นี่ถือว่าพัฒนาจาก The LINE จากตัวรุ่นพี่ 3 โครงการก่อนหน้านี้ค่อนข้างดี ในเรื่องของ Function ที่จัดเต็มเม็ดเต็มหน่วย ในด้านของการออกแบบ Furniture design by Sansiri ส่วน Layout ที่เห็นว่าดีที่สุดน่าจะเป็นห้อง 1H เพราะได้กระจกเข้ามุม ยาวเป็นตัว L และมีพื้นที่แต่งตัวได้ 2 ด้าน ทั้งที่ขนาดมากกว่าห้อง Type อื่นเพียง 0.5 ตร.ม. อาจจะมีบางจุดอย่าง Air ประเภท Wall type ที่ดูจะขัดหูขัดตาสำหรับบางท่านว่า ทำไมถึงเลือกใช้เครื่องปรับอากาศประเภทนี้ในส่วนของ Living
ซึ่งในวันนี้เองเราก็ได้คำตอบจาก Product Designer ที่ดูแลโครงการนี้โดยตรง สาเหตุที่เลือกใช้แบบนี้เพราะเรื่องของความสูงของห้องที่ส่วน Kitchen จะสูงเท่ากับส่วน Living แลดูโปร่งโล่งมากกว่าเดิมนั่นเอง และยังง่ายต่อการบำรุงรักษา
Air ชนิด wall type ห้อง 1E
อะไรคือจุดขายที่แท้จริงของ The LINE Asoke – Ratchada
จากข้อมูลด้านการออกแบบและองค์ประกอบโดยรวมของ The LINE Asoke – Ratchada น้องใหม่ตัวที่ 4 นี้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ทั้งตัว Concept ที่สื่อถึง Lifestyle คนในเมือง มีความ Dynamic และเส้นสายของถนนบริเวณนี้ สะท้อนกลับมายังการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ทำให้อาคารดูโดดเด่นด้วยเส้นสีน้ำเงิน การออกแบบ Layout ที่ผสมผสานกับการออกแบบ Furniture เฉพาะส่วน ใช้ชื่อกำกับว่า Design by Sansiri และที่พลาดไม่ได้คือ Facilities 4 ชั้นต่อเนื่องจัดเต็มขนาดนี้ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้านับว่าสะดวก ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT พระรามเก้าเพียง 300 เมตร
หากเราใช้ MRT พระรามเก้าเป็นจุดศูนย์กลาง ภายในระยะห่าง 300 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า MRT พระรามเก้า นั้นสามารถแบ่งเป็นทำเลย่อยได้ 3 จุด คือ พระรามเก้า-อสมท. อโศก-รัชดา และอโศก-ดินแดง
ประเด็นคือตั้งแต่แยกพระรามเก้าไปจนถึงแยก อสมท. นั้น Supply ถือว่าเหลือน้อยมาก เหลือโครงการที่เปิดขายไม่มากแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นห้อง Resale อย่างเช่น IDEO Mobi Rama 9, Condolette Midst Rama 9, Aspire Rama, PG Rama 9 และ Belle Grand Rama 9 และกำลังมีโครงการเปิดใหม่อย่าง TC Royal เกิดขึ้น ถ้าพูดถึงพระรามเก้า ทำเลนี้เป็นแห่งแรกที่คนนึกถึง แต่ในขณะเดียวกันจุดอ่อนของทำเลนี้คือ หากขับรถจะเสียเวลากลับรถค่อนข้างไกลและบริเวณที่เลยแยก อสมท. ไปก็จะมี Supply โครงการที่ราคาถูกกว่าบริเวณเกือบ 1 เท่าเหลืออยู่ ดังนั้นใครสนใจทำเลนี้อาจจะมี choice เพิ่มเติมในส่วนของโครงการที่อยู่ในเซกเมนท์ที่ต่ำลงมา
ส่วนทำเลอโศก–รัชดา ถือว่าเป็นทำเลยอดนิยมในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา โดยมีโครงการใหม่เปิดถึง 3 โครงการ ไม่ว่าจะเป็น Life Asoke, Rhythm Asoke, Rhythm Asoke 2 และ AQ Aria (Chewathai Residence Asoke) เพราะว่าเป็นทางผ่านโดยตรงจากรัชดามุ่งหน้าสู่พระรามเก้า อโศกมนตรีและสุขุมวิทตอนต้น จึงได้รับความนิยมค่อนข้างมาก แต่ข้อเสียคือสภาพแวดล้อมโดยรอบไม่มีอะไรเลย แถมยังการจราจรติดขัดถึงขั้นวิกฤตในช่วงเช้าและเย็น
ฝั่งทำเลอโศก–ดินแดง ที่จริงแล้วเป็นทำเลที่มีโครงการทยอยมาปักหมุดก่อนทั้งสองทำเลด้านบนระยะหนึ่งแล้ว โดยเริ่มต้นมาจากโครงการ เจ้าถิ่นอย่างอารียา ตามมาด้วยศุภาลัย Casa Condo ของ QH เนื่องจากก่อนหน้าที่รถไฟฟ้าใต้ดินจะได้รับความนิยม และเซ็นทรัลพระรามเก้ายังไม่สร้าง ทำเลตรงนี้ถือว่าเป็นศูนย์กลางของย่านชุมชนเก่ามากที่สุด และมีอาหารการกินครบถ้วนสมบูรณ์
การที่แสนสิริเลือกที่จะมาเปิดคอนโดตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับราคาคอนโดทุกแห่งในบริเวณนี้ ซึ่งทำเลนี้เองแสนสิริยังไม่เคยลงตลาดมาก่อน แต่ทางแสนสิริก็มองถึงศักยภาพของทำเลใหม่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง CBD ที่ขยายตัวออกมา ราคาคอนโดที่มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นทำเลที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ และด้วยราคาที่ดินที่สูงขึ้น จึงเป็นที่ต้องการของกลุ่ม Developer รายอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ หากพิจารณาให้ลึกลงไปอีกจากรัศมี 300 เมตรจาก MRT พระรามเก้า ทำเลนี้ถือว่าใกล้ที่สุดในบรรดาคอนโดบนเส้นอโศก-ดินแดง และถ้าไปมองดูอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาคอนโดในบริเวณแยกพระรามเก้าในปัจจุบัน จะพบว่ามีอัตราที่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งกลุ่มลูกค้าก็มีแนวโน้มที่จะซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง เพราะใกล้ New CBD หรือไม่ก็ซื้อปล่อยเช่า ดังนั้นแสนสิริจึงทำ Layout ห้องขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ตรงนี้
ในส่วนของความคุ้มค่าถ้าจะซื้อปล่อยเช่า คงจะไม่สามารถฟังธงในตอนนี้ได้ว่าจะคุ้มหรือไม่ เพราะว่าโครงการของ GLAND ยังอยู่ในช่วงก่อสร้างและยังมีเวลาอีกนานกว่าโครงการ The LINE Asoke – Ratchada จะก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่อย่างไรก็ตามด้วยตัวอาคารมีเอกลักษณ์ ดีไซน์ที่โดดเด่น สะดุดตามากที่สุดในย่านพระรามเก้าขนาดนี้ น่าจะเป็นหลักประกันได้ในระดับหนึ่งว่า โครงการจะเป็นที่นิยมในหมู่กลุ่ม ผู้เช่าที่มีรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นเหนือใคร ใส่ใจในพื้นที่ส่วนกลางแน่นอน และเชื่อว่าหากมีโครงการใหม่เปิดขึ้นมาแถวนี้อีก ราคาก็คงจะไม่ได้หนีกันมากเท่าไหร่
สำหรับคนซื้อเพื่อลงทุน โครงการนี้มียูนิตที่เหมาะสมในการลงทุนแค่บางยูนิต เช่น ชั้น 27-37 และยูนิตชั้นเตี้ย ราคา Promotion แต่ได้วิวสวนชั้นสอง เพราะว่าได้ราคาที่ถูกกว่าแต่ใช้ส่วนกลางเดียวกัน นอกจากนี้ถือว่าค่อนข้างไม่เหมาะกับการลงทุนระยะสั้น เพราะทำเลนี้ถึงแม้ว่าจะได้รับความนิยมในระดับหนึ่งและมีราคาที่เพิ่มขึ้นสูง แต่นั้นก็เป็นโครงการที่โอนแล้วเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโครงการใหม่ๆ อีกอย่างน้อยสองโครงการ ที่เตรียมตัวจะเปิดขาย โอกาสในการขายระยะสั้นเพื่อทำกำไรก็มีความเสี่ยงพอสมควร
Layout ห้อง 1H ขนาด 36 ตร.ม.ที่ได้ตู้เสื้อผ้าสองด้าน และกระจกเข้ามุมรูปตัว L
ถึงแม้ว่า The LINE Asoke-Ratchada จะมีโอกาส Sold out สูง แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น จุดชี้วัดความสำเร็จจริงๆ จะอยู่ที่จะสามารถปิดการโอนได้เหมือนการปิดการขายได้หรือไม่? หรือหลายคนยังคงตั้งคำถามในประเด็นเหล่านี้กับโครงการตระกูล “The LINE” ที่กระแสการขายร้อนแรงเหลือเกิน โดย The LINE ที่จะเริ่มโอนเป็นแห่งแรกคือ The LINE Sukhumvit 71 ใน ไตรมาสที่ 4 ปี 2016 โครงการนี้น่าจะเป็นตัวชี้วัดสถานการณ์การโอนของ The LINE โครงการที่เหลือได้เป็นอย่างดี
หากท่านใดสนใจโครงการ The LINE Asoke – Ratchada ทางโครงการจะเปิดจอง วันที่ 25-26 มิถุนายน นี้ที่ Sales Office เงื่อนไขการชำระเงิน แบ่งเป็น 14% จอง ทำสัญญา และผ่อนดาวน์ และ 86% ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ หากลงทะเบียนบนเว็บไซต์ก่อน 23 มิ.ย. นี้ รับสิทธิ์ Promotion ช่วง Presale แถม Home Automation ของ FIBARO จากประเทศโปแลนด์ เป็นระบบ Motion sensor สั่งการทำงานภายในบ้าน เช่น การเปิด-ปิดไฟและเครื่องปรับอากาศ อย่างที่สองคือแถมผ้าม่านให้ฟรี อีกทั้งสามารถเลือกโปรโมชั่นได้อีกสองแบบ คือ ส่วนลดจำนวน 50,000 บาท สำหรับ 1 ห้องนอน, 70,000 บาท สำหรับ 2 ห้องนอน หากเป็นครอบครัวแสนสิริอยู่แล้ว รับส่วนลดเพิ่มอีก 20,000 บาท สำหรับ 1 ห้องนอน, 30,000 บาทสำหรับ 2 ห้องนอน หรือจะเลือกเป็นส่วนลด Furniture แบบลอยตัว ที่โครงการจัดแพ็คเกจให้ถึง 50% ก็ได้ ซึ่งผมมองว่ารับเป็นส่วนลดจะคุ้มกว่า เพราะตัวโครงการเองก็ขายแบบ Fully-fitted ที่ให้พื้นที่เก็บของมาค่อนข้างครบอยู่แล้ว
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
จากข้อมูลด้านการออกแบบและองค์ประกอบโดยรวมของ The LINE Asoke – Ratchada น้องใหม่ตัวที่ 4 นี้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ทั้งตัว Concept ที่สื่อถึง Lifestyle คนในเมือง มีความ Dynamic และเส้นสายของถนนบริเวณนี้ สะท้อนกลับมายังการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ทำให้อาคารดูโดดเด่นด้วยเส้นสีน้ำเงิน การออกแบบ Layout ที่ผสมผสานกับการออกแบบ Furniture เฉพาะส่วน ใช้ชื่อกำกับว่า Design by Sansiri และที่พลาดไม่ได้คือ Facilities 4 ชั้นต่อเนื่องจัดเต็มขนาดนี้ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้านับว่าสะดวก ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT พระรามเก้าเพียง 300 เมตร
PROPSCORE™ 3.6
2.5
2 รีวิว รูป
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
12 ปี กรุงเทพมหานครเปลี่ยนไปแค่ไหน?
EURO ยกระดับ Design District ใจกลางทองหล่อ เปิดตัว Poltrona Frau Monobrand Store แห่งใหม่! ส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า
สโคป หลังสวน เผยโฉมครั้งแรกกับยูนิตพิเศษ “The Debonair Edition” 2-bedroom เลย์เอาต์ใหม่ ที่จะมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือกว่า
นิว อีโว พัฒนาการ คอนโดฟีลบ้าน สเปซกว้าง เลี้ยงสัตว์ได้* ใกล้ทองหล่อ และรถไฟฟ้า 2 สาย เริ่ม 2.95 ล้าน*
บมจ.ศุภาลัย ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท ธรรมสรณ์ จำกัด หรือ DOS ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อม ร่วมคิดค้นนวัตกรรม GREENOVATION