รีวิว Q Prasarnmit คอนโดหรูแบบ Limited เพียง 76 ยูนิต ให้คุณใช้ชีวิตแบบ Multi – Generation บนทำเล มศว.ประสานมิตร

สำหรับดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำอย่างอนันดาฯแล้ว การพัฒนาคอนโดคุณภาพ บนสุดยอดทำเลดีติดรถไฟฟ้า ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ เป็น Business as usual ที่ทางอนันดาฯถนัดมาก ไม่ว่าจะเป็นในเซกเมนท์ Economy, High-End ไปจนถึง Super Luxury ทั้ง High Rise หรือว่า Low Rise ก็ล้วนแต่พัฒนาโครงการมาหมดแล้ว จนได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาคอนโดบนทำเล Super Prime Area ในหลายต่อหลายที่

แต่คอนโดที่เราจะรีวิวให้ดูวันนี้ เป็นคอนโดที่มีรูปแบบการพัฒนาที่ค่อนข้างแตกต่างจากคอนโดทั่วไปของอนันดาฯ ที่เคยพัฒนามา เพราะไม่ได้ตั้งอยู่บนทำเลติดรถไฟฟ้าในแบบใกล้ชิด รวมทั้งมีความแตกต่างในเชิงคอนเซปท์การพัฒนา ที่เรามักจะไม่ค่อยได้เห็นจากโครงการอื่นของอนันดาฯ นั่นคือ Q Prasarnmit (คิว ประสานมิตร) ที่มีจุดที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวโครงการดังนี้ครับ

1. เป็นคอนโดที่ใช้เวลาในการพัฒนาโครงการที่ยาวนานมากกว่าปกติ คือกินเวลาถึงเกือบ 4 ปี และยังนับว่าเป็นโครงการที่สร้างเสร็จก่อนขายโครงการแรกของอนันดา

2. เป็นคอนโดที่มีจำนวนยูนิตน้อยที่สุดของอนันดาเท่าที่เคยทำมา มีความเป็น The Limited Must Own เพียงแค่ 76 ยูนิตเท่านั้น น้อยกว่าโครงการสุดหรูอย่าง Ashton Residence 41 ซะอีก

3. เป็นโครงการแรกที่พัฒนาโดยมองจากความต้องการของผู้ที่ต้องการอยู่อาศัย ในย่าน มศว ประสานมิตรอย่างแท้จริง ตามสไตล์ตลาดเฉพาะกลุ่ม Niche Market

ทำเลที่ตั้งของโครงการ Q Prasarnmit ถ้าดูในความ Prime แล้ว ก็ต้องบอกว่าตั้งอยู่ในย่านอโศก ย่าน CBD ช่วงMid Sukhumvit ที่มีสีสันในเชิง Multi – Cultural Lifestyle มากที่สุด เนื่องจากทั่วทั้งอาณาบริเวณอโศกนั้น รายล้อมไปด้วยอาคารสำนักงาน สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า  ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ และยังเป็นย่านที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองระดับไฮเอนด์ ที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก แถมยังเป็นที่รู้จัก และยอมรับ ทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งเป็นพื้นที่รวมโครงการพัฒนาฯด้านอสังหาริมทรัพย์ไว้อย่างมากมาย

อีกทั้งยังใกล้การพัฒนาของย่านพร้อมพงษ์ The Em District ที่มี 3 ห้างดัง EMPORIUM, EMQUARTIER, EMSPHERE ซึ่งเป็น Shopping destination อันดับต้นๆของคนไทย รวมทั้งเป็นย่านที่ได้รับการยอมรับจากชาวต่างชาติ มาอย่างช้านาน โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น

เพราะนอกจากมี facilities และ Lifestyle Magnet หลักที่มีอยู่รอบด้าน อย่างครบครันแล้ว ยังเป็นย่านที่เดินทางได้อย่างสะดวกสบายย่านหนึ่ง เพราะอยู่ใจกลางถนนเส้นหลักของกรุงเทพฯ อย่างถนนสุขุมวิท เพชรบุรี โดยมีทางเลือกในการเดินทางผ่านเส้นทางรองที่หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ซอยลัด ไปพร้อมพงษ์ ทองหล่อ โดยไม่ต้องผ่านถนนหลักก็ง่ายดาย หรือใช้บริการรถไฟฟ้าก็สะดวก เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตกลางเมืองเป็นที่สุด โดยในแง่ของความสะดวกในการพักอาศัยและการเดินทาง ทำเลที่เรียกว่าเป็น Perfect Residential Area ก็คงต้องยกให้สุขุมวิทซอย 31 หรือคนในย่านจะรู้จักในชื่อซอยสวัสดี ซอยที่สะดวกที่สุดในย่านนี้ เพราะสามารถเดินทางเชื่อมไปยังอโศก เพชรบุรี พร้อมพงษ์ ทองหล่อ ได้ง่ายและสะดวกสุดๆ รวมทั้งยังเป็นซอยที่เป็นที่ตั้งของบ้านไฮโซและผู้ดีหลายคน และเป็นที่ตั้งของร้านอาหารชื่อดัง ร้านค้าชั้นนำมากมาย ที่แฝงตัวอยู่ตลอดทั้งสองฝั่งของเส้นทาง

ซึ่งการพัฒนาคอนโดในซอยนี้ คอนโดใหม่ๆ มักจะเป็นคอนโด Low Rise ตามขนาดแปลงที่ดิน ซึ่งคอนโดส่วนใหญ่ที่สร้างในซอยนี้ เป็นคอนโดระดับ Top ของแต่ละแบรนด์ แต่ก็มักกระจุกตัวอยู่บริเวณต้นๆซอย ที่ไม่ไกลจากถนนเส้นหลักมากนัก เพราะยังคงต้องดึงทำเลติดสุขุมวิท มาเป็นจุดขายอยู่ในหลายโครงการ

แต่ตลอดทั้งซอยสุขุมวิท 31 หรือซอยสวัสดี ทำเลที่ถือว่าใกล้ magnet ของย่าน ที่มีกลุ่มคนจำนวนมากเข้าออกพื้นที่ ก็คงต้องยกให้บริเวณพื้นที่กลางซอย ที่ติดอาณาจักรมศว.อย่าง สาธิตมศว. และมศว.ประสานมิตร รวมถึงอาคารสำนักงานขนาดกลางแนว Production & Studio โดยรอบ ที่ทำให้พื้นที่ดังกล่าวหนาแน่นไปด้วยผู้คน ร้านค้า ร้านอาหารจำนวนมากตั้งแต่เช้า จรดเย็น

ซึ่งโครงการ Q Prasarnmit ตั้งอยู่บนทำเลซอยสุขุมวิท 31 ที่เรียกว่าติดประตูเข้าออก มศว. เพียง 120 เมตร (ประตู 3) และยังใกล้กับสาธิต มศว ฝ่ายประถม และมัธยม  เรียกว่าแค่เดินข้ามถนนไปก็ถึง ซึ่งสามารถเดินทะลุผ่านสนามกีฬากลางมหาวิทยาลัย ไปยังถนนอโศก ไป MRT เพชรบุรี ได้โดยง่าย โดยตัวโครงการอยู่ห่างจาก MRT เพชรบุรีประมาณ 950 เมตร และห่างจาก MRT สุขุมวิท/ BTS อโศกประมาณ 1.1 กม.

นอกจากจะใกล้ โรงเรียนสาธิต มศว แล้ว ยังใกล้กับโรงเรียนอินเตอร์อย่าง Anglo Singapore International School และ Modern International School Bangkok อีกด้วย รวมทั้งโครงการฯ ยังมีบริการ shutter Bus รับส่งถึงสถานีรถไฟฟ้าเพื่อความสะดวกของผู้พักอาศัยด้วย

Q Prasarnmit เป็นโครงการ Luxury Low rise ที่สร้างเสร็จก่อนขายโครงการแรกของอนันดาฯ ที่พัฒนามาจากความต้องการจริงของ real demand เฉพาะกลุ่ม จึงมีความเป็น The Limited Must Own ที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ในเรื่องของเหตุผลในการซื้อ ที่ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการใช้ชีวิตร่วมกันเป็นครอบครัวแบบ Multi – Generation แต่ยังคงไว้ซึ่ง Characteristic ของความเป็น Gen C ที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม Life stages คือ Marriage Gen C, Baby Gen C และ Bachelor Gen C โดยหากมองในเชิง Demographic & Lifestyle ของกลุ่ม Gen C ดังกล่าว ก็จะต้องเป็นกลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์ที่เกี่ยวข้องกับมศว. และพื้นที่โดยรอบ คือสามารถเรียนสาธิต มศว ตั้งแต่อนุบาล จนมัธยม และสามารถใช้ชีวิตในรั้ว มหาวิทยาลัย ไปจนถึงการทำงานในย่าน CBD อโศกได้เลย

โดยโครงการออกแบบด้วยการเน้นความเป็นส่วนตัว กับจำนวนยูนิตน้อย เพียง 76 ยูนิตแล้ว ยังแบ่งออกเป็น 2 ปีกอาคาร และมีแค่ชั้นละ 6 ยูนิต เพิ่มความ Privacy ยิ่งขึ้นไปอีก และมีพื้นที่ส่วนกลางเป็นคอร์ท Water Feature ล้อมรอบด้วยยูนิต และเชื่อมด้วย sky bridge

แปลนอาคารของที่นี่จะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามรูปแปลงที่ดิน ที่มีคลองคั่นอยู่ด้านหน้าทางเข้ากับซอยสุขุมวิท31 บริเวณทางเข้าโครงการ จึงมีสะพานข้ามเข้าสู่หน้า Lobby และที่จอดรถใต้ดิน

ที่จอดรถใต้ดินมีถึง 2 ชั้น

จำนวน 67 ช่องจอด หรือ 88%

ส่วนที่ชั้น 1 เป็นพื้นที่โถง lobby ขนาดกะทัดรัด เป็นเหมือนพื้นที่พักคอยสำหรับคนมาติดต่อ หรือสำหรับติดต่อนิติบุคคล มากกว่าพื้นที่ใช้งานของลูกบ้าน ที่สามารถเลือกไปใช้งานอย่างจริงจังได้บริเวณ Multi-Purpose Room ที่กว้างใหญ่กว่า

เข้าใจว่าวิธีการออกแบบนี้ ต้องการที่จะแยกให้บริเวณนี้เป็น Public Area สำหรับคนนอก กับ Private Area สำหรับลูกบ้านที่ต้องเดินผ่านโถง lobby เข้าประตูเข้าไปยังพื้นที่ส่วนกลางสำหรับนั่งพักผ่อน และใช้งานจริง

ที่มีให้เลือกหลากหลายส่วน ทั้ง Meeting room

Multipurpose room ขนาดใหญ่ที่แบ่งการใช้งานเป็นหลากหลายส่วน

ทั้งพื้นที่ทำงานแบบเป็นส่วนตัว

พื้นที่มุมพักผ่อน ดูทีวีที่ออกแบบให้เหมือนบ้านมากกว่าพื้นที่ส่วนกลางในคอนโดทั่วไป

มีพื้นที่โต๊ะอาหาร และเคาท์เตอร์ครัว กว้างใหญ่มาก ที่รองรับกิจกรรมสังสรรค์สำหรับลูกบ้าน

รวมทั้งพื้นที่นั่งคุย นั่งทำงาน หรือประชุมแบบเงียบๆได้ เพราะถูกออกแบบให้มีผนังที่เปิดปิด กั้นเป็นห้องส่วนตัวได้

มีทางเข้าออกเชื่อมกับพื้นที่สวนด้านข้างอาคาร และมีวิวเป็นพื้นที่คอร์ทน้ำกลางอาคารที่เชื่อมพื้นที่ทั้งสองปีกของอาคารเข้าด้วยกัน

ตัวอาคารออกแบบให้เป็น 2 ตึกแยกจากกันที่ชั้น 2 ขึ้นไป ทำให้พื้นที่สระและสวนเป็นเหมือนคอร์ทยาร์ด พร้อมน้ำตกไหลผ่านใจกลางอาคาร ที่โอบล้อมด้วยยูนิตพักอาศัย

โดยที่สระน้ำชั้นนี้ แบ่งเป็นพื้นที่ kid’s pool ที่โอบล้อมด้วยม่านน้ำตก พร้อมบันไดหินอ่อนเชื่อมสู่สระว่ายน้ำหลัก ดูโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ประจำโครงการ ชนิดที่ว่าใครมาเห็นก็ต้องมาถ่ายรูป Check in ตรงจุดนี้

และ onsen ส่วนตัว ที่ยกระดับขึ้นมาจากสระเด็ก โดยมีระแนงกั้นเพื่อบังสายตา สร้างความเป็นส่วนตัวให้มากขึ้น

พร้อม Sunken seat ริมสระ

อีกทั้งยังมีลูกเล่นของทางเดินที่ผ่านน้ำ

และม่านน้ำตก เชื่อมจาก multipurpose room ไปยัง fitness room ที่อยู่ด้านหลังโครงการ และเชื่อมจากชั้น 1 ไปถึงชั้น 2

ภายในห้อง fitness ก็เพียบพร้อมไปด้วยเครื่องออกกำลังกายครบครัน

ที่มาพร้อมกับวิวสระว่ายน้ำ น้ำตก และสวนโดยรอบ

มีห้อง sauna และ locker room แยกหญิงชาย อยู่ภายในบริเวณห้องน้ำ

ด้านหน้า fitness room มีบันไดทอดตัวยาวเชื่อมสู่ชั้น 2 ที่เป็นพื้นที่ของสระว่ายน้ำหลัก

ที่ชั้นสองเป็นสระว่ายน้ำที่ทอดตัวยาวขนานตัวอาคาร

โอบล้อมด้วยแนวต้นไม้และอาคารที่แบ่งเป็น 2 ปีกอาคาร

แบ่งพื้นที่เป็นเก้าอี้นั่งริมสระน้ำ

มีมุมนั่งพักผ่อนริมสระ

ติดกับทางเดินที่เชื่อมระหว่างปีกอาคารทั้ง 2 อาคาร

เชื่อมไปกับทางน้ำล้น ที่ล้นลงไปเป็นน้ำตกที่สระเด็ก

ในส่วนของที่พักอาศัยที่ชั้น 1 มีห้องพัก 4 ยูนิต วิวสวน เป็น 2 bedroom ห้องมุม 2 ห้องและ 1 bedroom อีก 2 ห้อง

ที่ชั้น 1 โถงลิฟท์แบ่งออกเป็นโถงลิฟท์ ตึก A และ ตึก B ที่ด้านหน้าลิฟท์มีตู้จดหมายของแต่ละตึกแยกไว้ให้ใช้งาน

ส่วนที่ชั้น 2 อาคารแบ่งออกเป็น 2 ตึก ด้านหน้าโครงการหันไปทางมศว.คือทิศตะวันตก ตึก A จะอยู่ด้านหน้าโครงการ กับด้านหลังโครงการทางทิศตะวันออกจะเป็นตึก B แยกลิฟท์ใช้งานตึกละ 1 ตัว

ทั้งสองปีกอาคารเดินเข้าถึงกันด้วยทางเดินเชื่อมพื้นที่สระว่ายน้ำที่ทอดตัวยาว ต่อเนื่องไปถึงม่านน้ำตกที่ชั้น 1

ทำให้ที่ชั้นนี้มีห้องพิเศษที่เป็น pool access เพียง 2 ห้องในโครงการ เป็นห้อง 2 ห้องนอนขนาด  70 sq.m.

และห้องวิวม่านน้ำตก อีก 2 ห้อง ก็เป็นห้อง 2 ห้องนอนเช่นกัน

ส่วนห้องที่หันออกไปโดยรอบอาคารด้านนอก ถูกออกแบบให้คำนึงถึงการใช้งานและลดเสียงดังรบกวนจากภายนอกด้วยบานหน้าต่างสองชั้นสไตล์ Double Balcony  มีทั้งห้อง 2 bedroom type 60-64 sq.m. ห้องมุม ตึกละ 2 ห้อง  และห้อง 1bedroom 38 sq.m. ตึกละ 2 ห้อง

ส่วนที่ชั้น 3-6 มีแปลนคล้ายกันต่างที่ขนาดห้องเพียงบางยูนิตเท่านั้น

โดยแบ่งเป็นพื้นที่พักอาศัย 2 ตึก เชื่อมกันด้วย sky bridge

โดยมีห้อง 2 bedroom  ขนาด 70-72.5 sq.m. ห้องมุม ตึกละ 2 ห้องต่อชั้น ที่มุมติดคอร์ทกลางอาคาร เป็นห้องระเบียงกว้าง

ส่วนพื้นที่ที่หันออกสู่ด้านนอกโครงการ ถูกออกแบบให้คำนึงถึงการใช้งานและลดเสียงดังรบกวนจากภายนอกด้วย Double Balcony  มีทั้งห้อง 2 bedroom ขนาด 60-64 sq.m. ห้องมุมตึกละ 2 ห้องต่อชั้น และห้อง 1 bedroom 38 sq.m. ตึกละ 2 ห้องต่อชั้น

เรียกว่าเป็นการพัฒนาที่เน้นห้องใหญ่อย่าง 2 ห้องนอน มี 1 ห้องนอนที่น้อยกว่า เพราะจากการทำ Research ของอนันดาฯ พบว่าคนที่ต้องการใช้ชีวิตในย่านนี้มักอยู่อาศัยกันเป็นครอบครัว โดยที่มีราคาต่อตารางเมตรไม่แพงมากแค่แสนกลางๆ ทำให้สามารถเลือกซื้อห้องใหญ่ได้

โดยห้องตัวอย่างที่โครงการตกแต่งให้ชม เป็นห้อง 2 bedroom pool access ห้องเลขที่ 369/10 ที่ชั้น 2 ตึก B ด้านหลังโครงการ

โครงการให้ประตูบานสูง ลายไม้ พร้อม digital door lock ของ samsung

ภายในห้อง เปิดเข้ามาจะพบกับพื้นที่ living & dining area ที่เชื่อมกับพื้นที่หน้าต่างกระจกเชื่อมวิวสระว่ายน้ำ เพดานห้องสูง 2.7 เมตร

โครงการขายแบบ Fully Fitted ห้องที่ได้จะเป็นห้องเปล่า พร้อมชุดครัว ห้องน้ำ และอุปกรณ์ Home Automation

ติดประตูทางเข้าเป็นครัว built-in เป็น L shape แยกพื้นครัวกับพื้นห้อง

ชุดครัว โครงการให้เคาท์เตอร์ครัวยาว แบ่งเป็นพื้นที่ทำครัว กับเตาไฟฟ้า 4 หัว พร้อมที่ดูดควัน ของ FRANKE

เหนือเคาท์เตอร์เป็นที่เก็บอุปกรณ์ทำครัวและเจาะช่องสำหรับวางไมโครเวฟ

ด้านล่างเป็นที่วางเครื่องซักผ้าฝาหน้า

ถัดมา เป็นพื้นที่อ่างล้างจาน และพื้นที่เตรียมอาหาร ด้านล่างแยกชั้นเก็บอุปกรณ์ทำครัว

อีกปลายของเคาท์เตอร์ เป็นมุมตั้งตู้เย็น กว้างพอให้วางตู้เย็นบานเปิดคู่

ผนังด้านขวาของห้องสามารถ built-in เป็นชั้นวางของได้เต็มแนวผนัง

ที่บริเวณพื้นที่ริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ เป็นพื้นที่ส่วนพักผ่อน

สามารถตั้งชุดโซฟา สำหรับ 3-4 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง และชั้นวางทีวี

ไว้เป็นมุมพักผ่อน ดูทีวี พร้อมชมวิวสระภายนอกได้

ด้านหลังชุดโซฟาสามารถตั้งโต๊ะทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่ง ติดประตูทางออกระเบียง แบบ Pool Access

ที่ระเบียงกว้างพอให้ใช้งาน และมีราวกันตกกระจก ที่สามารถเปิดเชื่อมสู่สระว่ายน้ำได้

ห้องนอนแรกเป็นห้องนอนเล็ก อยู่ติดห้องน้ำสำหรับห้อง living และห้องนอนเล็ก

ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนแห้งไว้ติดทางเข้า โครงการให้อ่างล้างหน้าแบบลอยตัว ติดกับโถสุขภัณฑ์

พื้นที่ส่วนเปียก กั้นด้วย glass shower ภายในพื้นที่ส่วนเปียก โครงการให้ hand shower ติดผนัง

หน้าห้องน้ำ เป็นตู้ built-in สำหรับเก็บของ แยกช่องสูงจากพื้นจรดเพดาน

ส่วนห้องนอนเล็ก ภายในมีขนาดกะทัดรัด สามารถวางเตียง king size พร้อมโต๊ะหัวเตียง

ส่วนที่ปลายเตียงสามารถติดทีวีแบบแขวนผนังได้ แต่อาจตั้งโต๊ะหรือชั้นวางทีวีไม่พอให้มีพื้นที่ใช้งาน

ด้านข้างเตียง สามารถตั้งตู้เสื้อผ้าได้เต็มความกว้างผนังด้านนี้ (โครงการไม่ได้ให้ตู้เสื้อผ้า)

ปลายสุดของห้องมีหน้าต่างบานสูงเปิดรับแสงเข้าสู่ภายในห้อง

ห้องนอนใหญ่ห้องน้ำในตัว

มาพร้อมกับกระจกโค้งเข้ามุม ที่เป็น signature ของห้อง 2 bedroom size ใหญ่ของโครงการฯ

ภายในห้องนอนแบ่งพื้นที่ เป็นส่วนพักผ่อนติดริมหน้าต่างกระจกเข้ามุม เชื่อมกับสวนและสระว่ายน้ำ

ภายในห้องนอนสามารถตั้งเตียง king size พร้อมมีพื้นที่รอบเตียงเหลือ ให้ใช้งาน หรือตั้งโต๊ะหัวเตียง

บริเวณพื้นที่ปลายเตียง สามารถ built-in โต๊ะตัวยาวสำหรับตั้งทีวี และเชื่อมไปยังพื้นที่ริมหน้าต่าง เป็นมุมทำงานเล็กๆได้

ด้านข้างเตียง เป็นผนังทึบสามารถ built-in ตู้เสื้อผ้าได้เต็มความกว้างผนัง สูงจรดเพดาน

ที่ด้านหลังตู้เสื้อผ้าเป็นห้องน้ำภายในห้องนอน

โครงการแบ่งพื้นที่ส่วนแห้งไว้ติดทางเข้า โครงการให้อ่างล้างหน้า ถัดไปเป็นโถสุขภัณฑ์แบบ auto washlet ของ Toto พร้อมกระจกบานยาว

เชื่อมไปจนถึงพื้นที่ส่วนเปียก ที่กั้นด้วย glass shower ภายในพื้นที่ส่วนเปียก โครงการให้ Rain shower และ hand shower ติดผนัง

ปลายสุดห้องน้ำ เป็นอ่างอาบน้ำ ที่มาพร้อมที่ตั้งอุปกรณ์อาบน้ำ และหน้าต่างระบายอากาศบานสูง

เรียกว่าเป็นห้องที่เหมาะสำหรับคนชอบว่ายน้ำ หรือบรรยากาศริมน้ำแบบส่วนตัวๆ และที่สำคัญมีเพียง 2 ห้องเท่านั้น ที่ชั้น 2 ตึกละ 1 ห้องด้านทิศใต้ อีกห้องที่อยู่ตรงกันข้าม

ที่มากับห้อง pool access แบบส่วนตัวแบบนี้

ที่สามารถตกแต่งตามแต่ละสไตล์การใช้ของแต่ละคนได้ทั้งพื้นที่ครัว

มีพื้นที่ living area ติดวิวสระ

รวมทั้งห้องนอนทั้งสองห้อง

แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบ pool access แต่ชอบวิวสระ และเสียงน้ำตก ต้องเป็นห้อง 2 bedroom 70 Sq.m. pool balcony ที่ติดคอร์ทด้านใน ตึกละ 1 ห้องวิวด้านทิศเหนือ

ที่มีแปลนแบบเดียวกับห้องตัวอย่างที่พาชม รวมทั้งขนาดที่เท่ากัน แต่ต่างกันที่วิว เพราะพื้นที่ living area ห้องนี้เปิดมุมมองเชื่อมพื้นที่ทางเดินและพื้นที่ปลายสระ ที่มีลูกเล่นเป็นน้ำตกไหลสู่ kid’s pool ที่ชั้น 1

ส่วนห้องนอนใหญ่ได้กระจกโค้งเข้ามุมเชื่อมไปกับม่านน้ำตกและสวนที่สูงขึ้นมาจากชั้น 1 เรียกว่านอนฟังเสียงน้ำตกได้ตลอดเวลา

ถ้าเป็นอีกห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ก็จะได้วิวของต้นไม้ของโครงการ ที่เชื่อมขึ้นมาจากชั้น 1

ห้องนอนเล็ก จะเห็นวิวสวนด้านข้างโครงการเช่นกัน

แต่สำหรับคนที่ชอบห้องใหญ่ 2 bedroom ชอบความเงียบสงบ ไม่ชอบพื้นที่สระส่วนกลางที่คนพลุกพล่าน ก็ต้องเลือก ห้อง 2 bedroom double balcony วิวด้านนอกโครงการ ที่มีให้เลือก 2 size คือ 2 bedroom size เล็กสุด 60 ตรม.

วิวหน้าโครงการที่มาพร้อมกับ Double Balcony ที่บริเวณระเบียงที่เชื่อมต่อจากห้อง living

ทำให้ตัดเสียงรบกวนจากภายนอกที่ติดถนนได้ค่อนข้างดี รวมทั้งมีพื้นที่ระเบียงที่สามารถใช้งานได้เพิ่มขึ้น

และห้องนี้ที่พาชมเป็นห้องที่ชั้น 2 ห้อง 369/12 ก็จะได้บรรยากาศวิวพุ่มไม้โดยรอบโครงการ เป็นพื้นที่สีเขียวโอบล้อมภายในห้อง

ส่วนใครที่อยากได้พื้นที่ภายในห้องเพิ่มขึ้น ห้อง 2 bedroom อีกขนาดคือ 64 ตรม. วิวหน้าโครงการ ที่ได้ Double Balcony เช่นกัน

แต่วิวก็จะเป็นวิวมศว.และอาคารโดยรอบ

และสำหรับคนที่อยากได้ห้องเล็ก สำหรับอยู่คนเดียว และเป็นยูนิตที่มีค่อนข้างน้อยสำหรับโครงการนี้ ก็คงเป็นห้อง 1 bedroom 38 ตรม. มีทั้งวิวหน้าและหลังโครงการ

เป็น 1 bedroom หน้าลึก ที่เชื่อมพื้นที่ dining สู่ living ติดริมระเบียง

ที่เป็น Double Balcony กันเสียงรบกวนจกภายนอก

ที่พื้นที่ครัวสำหรับห้อง 1 bedroom จะได้เตาไฟฟ้า 2 หัว

ห้องน้ำอยู่ภายในห้องนอน ที่ได้อ่างอาบน้ำด้วยแม้เป็นห้องเล็ก

สรุปความน่าซื้อของ Q Prasarnmit

เมื่อราวๆปี 2015 นั้นทางอนันดาฯได้ประกาศแผนในการเปิดตัวโครงการคอนโด Low Rise แบรนด์ใหม่ที่ในซอยสุขุมวิท 31 ใกล้ๆกับรั้วมศว. โดยใช้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า Q Thirty One (Q31) ครับ โดย ณ ขณะนั้น แบรนด์ Q (คิว) นับว่าเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งตั้งไข่ของอนันดาฯ โดยวางตำแหน่งเป็น Fighting Brand ที่เข้ามาคั่นกลางระหว่งระดับราคาของ Ideo Q และ Ideo Mobi ซึ่งเหตุผลที่ใช้รหัสว่า Q โดดๆโดยไม่มี Ideo ก็เพราะทางอนันดาฯไม่อยากให้กลุ่มลูกค้าเกิดความสับสนในภาพจำของ Brand DNA Ideo ที่จำเป็นจะต้องอยู่ในระยะที่เดินได้จากรถไฟฟ้าไม่เกิน 350 เมตร…แบรนด์ Q ตัวแรกถูกส่งลงมาชิงชัยในตลาดย่านชิดลมกับ Q Chidlom ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ค่อนข้างดีงามหลังอาคารสร้างแล้วเสร็จในฐานะที่เป็นอาคารที่มีดีไซน์โค้งมนสวยงาม พร้อมพื้นที่ส่วนกลางเล่นระดับบนยอดอาคาร โดยที่คนว้าวมากก็เห็นจะเป็นห้อง Turkish Bath และสระว่ายน้ำชมวิวแบบ 360 องศา แต่มีราคาขายที่ค่อนข้าง Make Sense มากที่สุดในย่านชิดลม – เพชรบุรี…ผลลัพธ์ของความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ทางทาพัฒนาของอนันดาฯได้ตั้งคำถามกับตัวเองถึงทิศทางที่จะเดินไปข้างหน้าของแบรนด์ Q ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ควรจะวางตำแหน่งทางการตลาดที่อิงกับราคาขาย หรือทำเลหรือไม่

คำตอบของทีมผู้พัฒนาโครงการได้ออกมาชัดเจนมากยิ่งขึ้น ภายหลังจากที่ได้ซุ่มพัฒนาโครงการ สร้างแบบเงียบๆมานานหลายปี จนกลับมาเปิดตัวใหม่อีกครั้งในปีนี้ในแบบสร้างเสร็จพร้อมอยู่ภายใต้ชื่อใหม่ Q Prasarnmit…จากชื่อที่เปลี่ยนไป เดิมมีรหัสต่อท้ายเป็นชื่อซอยสุชุมวิท 31 ที่ค่อนข้าง Mass ดูไม่แตกต่างจากคอนโดอื่นๆที่ตั้งอยู่ภายในย่านสุขุมวิท 31 กลายมาเป็นรหัสต่อท้ายว่า Prasarnmit (ประสานมิตร) ซึ่งแน่นอนว่าเป็นชื่อ Generic Name ของย่านที่อยู่ในอาณาบริเวณของ มศว.ประสานมิตร ทั้งฝั่งประถม รวมไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย…สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วโครงการนี้จะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย เพราะแค่ Meaning ก็บ่งบอกถึงความเชื่อมโยงกันระหว่างกลุ่มเป้าหมายหลักที่โครงการคิดพัฒนาโครงการมาเพื่อให้ชีวิตที่นี่ไปตลอดชั่วชีวิต ในทุก Stage of Life อย่างกลุ่มบุคคลที่มีไลฟ์สไตล์ที่ต้องเกี่ยวข้องแวะเวียนมาในย่านประสานมิตรทุกวัน ทั้งกลุ่มบุคคลากร ผู้ปกครองที่มองหา Secure Future Plan ให้บุตรหลานในระยะยาว รวมถึงหากเมื่อเรียนจบจนถึงวัยทำงานก็ยังคงใฝ่ฝันที่จะทำงานอยู่ในย่านอโศก  

ครับ ผมกำลังจะบอกว่า Q Prasarnmit คือคอนโดที่จับกลุ่มเฉพาะ Niche Market เป็นโครงการแรกของอนันดาอย่างแท้จริง โดยวางภาพของ Target Group ออกเป็นทั้ง Marriage Gen C, Baby Gen C และ Bachelor Gen C โดยที่ได้มีการ Customized ขนาดเลย์เอ้าท์ห้อง พื้นที่ส่วนกลาง และแพคเกจราคาให้ตามโจทย์กลุ่มคนเหล่านี้โดยเฉพาะ ซึ่งในมุมมองผมกับจำนวนยูนิตแค่ 76 ยูนิตนับว่าเป็นปริมาณที่ค่อนข้างมากพอแล้ว ไม่มากไม่น้อยเกินไปในการควานหา Target ที่มี Brand Personal ตามที่โครงการได้วางเอาไว้ และผมเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าหากมีโครงการใหม่ๆภายใต้แบรนด์ Q คอนเซปท์ของโครงการก็ยังจะยังรักษาไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไปครับ

หากมองกันที่ Unit Mix ที่นี่มีห้องขนาดเล็กสุดเป็น 1 ห้องนอนขนาด 38 ตรม. ซึ่งมีสัดส่วนเพียงแค่อาคารละ 16-18% เท่านั้น แตกต่างกับห้องแบบ 2 ห้องนอนที่มีสัดส่วนมากถึง 34% ต่ออาคาร นั่นหมายความว่าจากการ Research ทางทีมงานพบผู้ที่ต้องการอยู่ที่นี่คือคนที่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ ซะเป็นส่วนมาก โดยคนเหล่านั้นมีความเป็น Thoughtful Investor อยู่ในตัวคือมองหาคอนโดที่มีราคาต่อตารางเมตรถูกที่สุดในท้องตลาด เพื่อที่จะสามารถเลือกซื้อห้องใหญ่ให้ได้คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปได้มากที่สุด

โดยราคาสำหรับ Q Prasarnmit เริ่มต้นที่ 149,000 บาท/ตร.ม. หากคิดเป็นราคาต่อตารางเมตรก็แทบไม่น่าเชื่อว่าที่นี่เป็นเจ้าของสถิติคอนโดที่มีราคาต่อตรม.ถูกที่สุดในซอย 31 ไปแล้วล่ะครับ…การสร้างเสร็จก่อนขาย และยังกล้าตั้งราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดค่อนข้างเยอะ คือสิ่งที่อนันดาฯไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตครับ แบบนี้จะไม่ให้เรียกว่า The Limited Must Own ได้อย่างไร

ยูนิตเลย์เอ้าท์ที่นี่มีความหลากหลายค่อนข้างมากครับ แต่ด้วยการที่โครงการพร้อมเปิดให้ดูห้องจริงได้แล้วทุกห้อง ผมเชื่อว่ามีส่วนช่วยในการตัดสินใจเลือกห้องให้ตรงกับความต้องการได้เป็นอย่างดี โดยห้องขนาดเล็กนั้นก็ดูน่าจะเหมาะกับผู้ที่ซื้อลงทุนปล่อยเช่าชาวต่างชาติอย่างชาวญี่ปุ่น หรือบุคคลากรต่างชาติที่ทำงานในมศว.และโรงเรียนนานาชาติใกล้เคียงได้เช่นกัน

ด้วยราคาเริ่มต้นต่อตรม.สุดเย้ายวนใจ กับคอนโดที่มาพร้อมความ private สร้างเสร็จก่อนเปิดขายจริง โครงการแรกของอนันดาฯ มีคอนเซปท์ดีไซน์ที่เรียกได้ว่าย่อสัดส่วนลงมาจากโครงการสุดหรูรุ่นพี่อย่าง Ashton Resident 41 แต่มีราคาถูกกว่ากันครึ่งนึง ที่จับกลุ่มคนเฉพาะในย่านอโศกและ มศว ด้วยการออกแบบยูนิตขนาดใหญ่ ที่ใช้งานและอยู่ได้จริงในแบบ Multi-Generation มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบตามความชอบของแต่ละครอบครัว และถึงแม้จะเป็นคอนโด low rise แต่ก็มาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางหรูหรา ขนาดใหญ่ ใช้งานได้จริง ในทุกๆส่วนของพื้นที่…Q Prasarnmit จึงเป็นคอนโด Low Rise ที่ดีมากๆในสายตาผม เพราะอยู่แล้วไม่รู้สึกเหมือนอยู่คอนโด แต่รู้สึกเหมือนกับอยู่บ้านขนาดใหญ่แวดล้อมด้วยสายน้ำ และพืชพรรณสีเขียว ที่กลมกลืนไปกับชุมชนและบริบทรอบด้านได้เป็นอย่างดี

Q Prasarnmit พร้อมเปิดให้เข้าชมและเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ พร้อมรับโปรโมชั่นฟรีเฟอร์นิเจอร์ ในราคาเริ่มต้น 149,000 บาทต่อตรม.* ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ และนัดเยี่ยมชมโครงการได้ที่นี่ https://anan.ly/Q31