Pruksa Ville Phaholyothin-Ramintra

  

ทาวน์โฮม พฤกษาวิลล์ พหลโยธิน-รามอินทรา


Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา ถือได้ว่าเป็นโครงการเดียวที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นกึ่งกลางระหว่างพหลโยธิน - รามอินทรา เพราะสามารถเข้าออกได้ถึง 2 ทาง โดยทางถนนเทพรักษ์สามารถเลี่ยงรถติดได้ดีกว่าทางเส้นวัชรพล ที่เป็นย่านชุมชนที่อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นแล้ว และดีกว่าทางเส้นรามอินทราที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่จะแล้วเสร็จในปี 2564 ซึ่งอาจทำให้ย่านนี้มีรถติดในชั่วโมงเร่งรีบ

wipawan khampuwiang เมื่อ 23 December, 2020 เวลา 12.00 pm

Prop score™: 3.8

คะแนนรีวิว: 0.0

0 รีวิว


ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา



    ข้อมูลโครงการ

ชื่อโครงการ

Pruksa Ville พหลโยธิน-รามอินทรา

บริษัทผู้สร้าง

บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)

สถานที่

ซอย รามอินทรา 5 แยก 18

สถานีรถไฟ BTS

สายหยุด Distance 4,000 m.

สถานีรถไฟใต้ดิน

รามอินทรา 3 Distance 2,600 m.

Airport Rail Link

-

สถานี BRT

-

พื้นที่

โครงการ 1 ทาวน์โฮม 2 ชั้น : 17-1-47.9 ไร่, โครงการ 2 ทาวน์โฮม 2.5 ชั้น : 8-1-82.3 ไร่

ชั้น

ทาวน์โฮม 2 ชั้น, ทาวน์โฮม 2.5 ชั้น

ยูนิต

243 ยูนิต

ที่จอดรถ

1-2 คัน

ลิฟท์

-

สิ่งอำนวยความสดวก

เป็น Clubhouse, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, Co-Working Space, สวนสาธารณะขนาดใหญ่, Security Guard 24 ชั่วโมง, CCTV Auto Access Card, Double Security Main Gate


    ประเภทยูนิต

ประเภท

HOUSE/TOWN HOME/ทาวน์โฮม

studio

-

1 bedroom

-

2 bedroom

-

3 bedroom

-

Duplex

-

Penthouse

-

ประเภทอื่นๆ

ทาวน์โฮม 2 ชั้น แบบ Victorian : ขนาด 113 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ, แบบ Empire ทาวน์โฮม 2 ชั้น : ขนาด 128 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ, แบบ Emperor ทาวน์โฮม 2.5 ชั้น : ขนาด 133 ตารางเมตร 5 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

ความสูงจากพื้นถึงเพดาน

5.2 เมตร ที่โถง Living แบบบ้าน Emporor/ แบบบ้าน Victorian และ Empire สูง 2.8 เมตร

ราคาเริ่มต้น / ตรม.

29,203

ราคาเริ่มต้น / ยูนิต

3.3 ล้านบาท

ค่าส่วนกลาง

ตารางวาละ 55 บาทต่อเดือน (ชำระล่วงหน้า 3 ปี)

Sinking Fund fee

n/a

สร้างเสร็จ

2020

เว็บไซต์

www.pruksa.com

1739


เพื่อนบ้าน Street View


Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา ทาวน์โฮมใกล้ทางด่วน และรฟฟ. 2 สาย หนึ่งเดียวที่มีบ้าน 2.5 ชั้น พร้อมโถง Living แบบ Duplex สูง 5.2 เมตร

 

ทำเลพหลโยธิน – รามอินทรา เป็นทำเลที่มีผู้คนอยู่อาศัยอย่างหนาแน่นมาอย่างยาวนาน โดยเป็น Residential Area แนวราบดั้งเดิม ที่ขยายมาจากย่านวัชรพล – เพิ่มสิน และรามอินทรา ในปัจจุบันย่านดังกล่าวมีโครงการที่อยู่อาศัยทุกรูปแบบกระจายตัวอยู่เต็มพื้นที่ ทั้งหอพัก อพาร์ทเมนท์ คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม และโครงการบ้านเดี่ยวอีกมากมาย เพราะอยู่ในเขตที่เชื่อมต่อไปยังย่านมีนบุรี ที่เป็นแหล่งงานโรงงาน และโกดังสินค้า คล้ายๆ กับย่านสมุทรปราการ รวมถึงย่านที่อยู่ใกล้เคียงอย่าง หลักสี่ ดอนเมืองด้วย จึงทำให้มีคนอยู่อาศัยในย่านนี้เป็นจำนวนมาก และปัจจุบันในทำเลพหลโยธิน – รามอินทรา กำลังจะถูกเติมเต็มศักยภาพให้มากยิ่งขึ้นด้วย โครงการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสายสีชมพู ทำให้ภายใน 2-3 ปี ข้างหน้า ผู้คนย่านนี้จะเดินทางคล่องแคล่วขึ้นเป็นอย่างมาก จากเมื่อก่อนที่ต้องเดินทางด้วยรถส่วนบุคคล รถประจำทาง รถตู้ กันเป็นส่วนใหญ่ ก็จะสามารถใช้รถไฟฟ้าเดินทางไปยังย่านต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งตอนนี้ก็มีเส้นทางรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด คือ สายสีเขียวบนถนนพหลโยธิน เป็นรถไฟฟ้าสายหลักที่เชื่อมต่อไปยังย่านเศรษฐกิจในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นสายสุขุมวิทหรือสายสีลม ที่จะทำให้คุณสามารถเดินทางสู่ใจกลางเมืองได้เพียงใช้เวลาไม่นาน และสถานีส่วนต่อขยายตั้งแต่สถานีวัดพระศรีฯ ไปจนถึงสถานีคูคตก็สะดวกต่อผู้คนที่อยู่ในย่านรามอินทราและย่านใกล้เคียงอีกด้วย

 

เมื่อมีการพัฒนาในด้านของการเดินทางที่มีความสะดวกแล้ว ยังทำให้ราคาและความต้องการที่ดินในทำเลพหลโยธิน – รามอินทรา พุ่งขึ้นสูงตามไปด้วย จากที่ได้ผ่านไปยังทำเลนั้นก็จะเห็นได้ว่ามีดีเวลลอปเปอร์จับจองที่ดินในทำเลนี้กันไปเยอะแล้ว อีกทั้งโครงการเก่าๆ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมก็มีให้เห็นหลายโครงการ ทำให้ในตอนนี้ยากที่จะหาโครงการทาวน์โฮมแบบ 2 ชั้นที่มีราคาไม่เกิน 4 ล้านได้แล้ว เพราะเป็นทำเลที่นิยมพัฒนาโครงการคอนโด Low Rise และบ้านเดี่ยวราคาแพง เนื่องจากที่ดินแปลงใหญ่ๆ เหลือน้อยลงและมีราคาแพง จากการมาของรถไฟฟ้าใกล้เคียงทั้ง 2 สาย คือสายสีเขียวและสายสีชมพู ทำเลตรงนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการมีไลฟ์สไตล์อยู่ในย่านนี้ รวมไปถึงคนที่ต้องทำงานในแหล่งงานอย่างแจ้งวัฒนะ หลักสี่ ดอนเมือง เกษตร และลาดพร้าว หรือแม้แต่จะเข้าเมืองก็เดินทางสะดวกมากๆ ด้วยทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และทางด่วนจตุโชติ ที่ไปถึงย่าน CBD ในกรุงเทพฯ ได้โดยง่าย รวมถึงมีแหล่งไลฟ์สไตล์และแฮงค์เอ้าท์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Central Eastville,Central ลาดพร้าว, Central แจ้งวัฒนะ แฟชั่นไอส์แลนด์, และ Plearnary Mall วัชรพล

 

แฟชั่นไอส์แลนด์

ภาพจาก : https://www.fashionisland.co.th/

Central Eastville

ภาพจาก : https://www.centralpattana.co.th/

Plearnary Mall วัชรพล

ภาพจาก : http://www.wgcinternational.com/plearnary-mall

 

หากใครที่สนใจในทำเลนี้หรือกำลังมองหาโครงการบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากย่านเศรษฐกิจมาก เดินทางเข้า-ออกเมืองได้อย่างสะดวก พร้อมกับมีพื้นที่สำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 2-4 คนขึ้นไป และสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ในทุกๆ ด้าน บทความนี้เราจึงจะมาแนะนำอีกหนึ่งโครงการของ พฤกษา เรียลเอสเตท คือ โครงการ Pruksa Ville Phaholyothin – Ramintra (พฤกษาวิลล์ พหลโยธิน – รามอินทรา) นั่นเอง

จากที่ได้กล่าวไปในข้างต้นถึงเรื่องของโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายที่อยู่ใกล้กับทำเลพหลโยธิน – รามอินทรา และยังอยู่ใกล้กับโครงการ Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา คือ สายสีเขียว ที่สถานีสายหยุด ซึ่งเป็นสถานีส่วนต่อขยายตั้งแต่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ไปจนถึงสถานีคูคต ระยะทางรวม 9.8 กม. ที่จะเปิดให้บริการภายในเดือนธันวาคมปี 2563 โดยทันทีที่มีข่าวจะเปิดใช้งานสถานีส่วนต่อขยายก็ทำให้คอนโดในย่านดังกล่าวขายดี เนื่องจากเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่นั่งต่อเดียวสู่ใจกลางเมือง มีระยะทางจากสถานีถึงโครงการฯ 4 กม. เช่นเดียวกับเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังทำการก่อสร้างอย่างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ทำหน้าที่เป็น Feeder เข้าสู่รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีใกล้กับโครงการ Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา มากที่สุดก็คือ สถานีรามอินทรา 3 ระยะทางประมาณ 2.6 กม. เท่านั้น

ระยะทางจากสถานีสายหยุด (สายสีเขียว) ถึงโครงการประมาณ 4 กม.

ระยะทางจากสถานีรามอินทรา 3 (สายสีชมพู)  ถึงโครงการประมาณ 2.6 กม. (ใช้ปักหมุดบริเวณปากซอยรามอินทรา 19)

นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายแล้ว ผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางก็สะดวกกับการเดินทางเข้า-ออกโครงการ ได้ 2 เส้นทางเช่นเดียวกัน เส้นทางแรกคือถนนเลียบคลองลำผักชี ที่เชื่อมต่อกับถนนเทพรักษ์เป็นถนนตัดใหม่ที่เชื่อมต่อกับถนนพหลโยธิน เมื่อออกมาเจอกับถนนพหลโยธินแล้ว ก็สามารถไปยังย่านหลักสี่ แจ้งวัฒนะ ดอนเมือง หรือย่านบางเขนได้ง่ายๆ ทางออกนี้ใกล้กับทางด่วนจตุโชติ 12.8 กม. อยู่ตรงถนนสุขาภิบาล 5

 

ส่วนเส้นทางที่สองคือทางรามอินทรา ผ่านซอยรามอินทรา 5 หากต้องการไปลาดพร้าวก็สามารถเลี้ยวที่ถนนลาดปลาเค้า เพื่อทะลุไปยังถนนเกษตรนวมินทร์แล้วตัดออกไปยังถนนลาดพร้าวได้ หรือวิ่งเส้นถนนรามอินทราเพื่อไปขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เพียง 5 กม.

เจาะจุดเด่นโครงการ Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา

Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา ถือได้ว่าเป็นโครงการเดียวที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นกึ่งกลางระหว่างพหลโยธิน – รามอินทรา เพราะสามารถเข้าออกได้ถึง 2 ทาง โดยทางถนนเทพรักษ์สามารถเลี่ยงรถติดได้ดีกว่าทางเส้นวัชรพล ที่เป็นย่านชุมชนที่อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นแล้ว และดีกว่าทางเส้นรามอินทราที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่จะแล้วเสร็จในปี 2564 ซึ่งอาจทำให้ย่านนี้มีรถติดในชั่วโมงเร่งรีบ และภายในโครงการยังมีนวัตกรรม Pruksa Living Tech เป็นเทคโนโลยีที่พฤกษาฯ พัฒนาขึ้นโดยนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่และการออกแบบที่คำนึงถึงความเป็นธรรมชาติมาผสานเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อทำให้ชีวิตของผู้ที่อยู่อาศัยดีขึ้นในทุกด้าน ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน คือ Healthy คือ ระบบ O2 System ระบบที่ควบคุมออกซิเจนให้มีระดับเท่ากับบริเวณที่มีพื้นที่สีเขียวเยอะๆ, Green เป็นระบบ Fresh Air System เป็นการใช้ลมเย็นมาไล่ลมร้อนออกไป การช่วยให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทมากขึ้น, Safety คือ Security & Safety system CCTV ที่ทางโครงการติดตั้ง CCTV สามารถดูความปลอดภัยของบ้าน ผ่าน Smartphone ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และ Smart Home Automation ที่เป็นระบบสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านสมาร์ทโฟน ภายในโครงการมีแบบบ้านถึง 3 แบบ คือ Victorian, Empire เป็นบ้าน 2 ชั้น มีหน้ากว้าง 5.7 เมตร และแบบ Emperor สูง 2.5 ชั้น บ้านหน้ากว้าง 5.5 เมตร แต่ได้พื้นที่ Living เป็น Double Volume สูงถึง 5.2 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นแห่งเดียวในตลาดที่ทำแบบนี้ เพราะหากขึ้นชื่อว่าเป็นโถง Living แบบ Double Volume ก็จะมักจะเป็นบ้านขนาด 3.5 ชั้นหมด โดยมีราคาที่แพงกว่า 7 ล้านบาทขึ้นไป

 

นอกจากนี้โครงการยังเน้นฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยแบบ Multi-Generation โดยมีห้องนอนผู้สูงอาศัยอยู่ที่ชั้น 1 และโครงการยังใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีสายหยุดมากกว่าโครงการคู่แข่งโดยรอบที่อยู่ในเส้นวัชรพล และสุขาภิบาล 5 พร้อมทั้งเดินทางเข้าเมืองสะดวกด้วยจุดขึ้น-ลงทางด่วน รามอินทรา-อาจณรงค์

 

ด้วยการที่ Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา นั้นมีขนาดพื้นที่โครงการโดยรวมที่ค่อนข้างใหญ่ แต่มีการแบ่งพื้นที่โครงการออกเป็น 2 โครงการ โดยมีส่วนของ Main Gate และ Main Facility แยกกัน ทำให้โครงการยังเหลือพื้นที่อีกมากพอในบริเวณกึ่งกลางของทั้งสองโครงการ ที่ได้ถูกจัดสรรพื้นที่ไว้สำหรับพัฒนาโครงการ Commercial เป็น Shop House ไว้อยู่หน้าโครงการในอนาคต ทำให้รับประกันถึงความสะดวกสบายของลูกบ้านในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ หรือร้านบริการต่างๆ ที่จะเข้ามาอยู่ภายใน Commercial นี้ด้วย

รายละเอียดโครงการ Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา

โครงการ Pruksa Ville Phaholyothin – Ramintra (พฤกษาวิลล์ พหลโยธิน – รามอินทรา) เป็นทาวน์โฮมขนาด 2 – 2.5 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 5 แยก 18 บนพื้นที่โครงการที่แบ่งออกเป็น 2 โครงการ แยกทางเข้าออกกัน ด้วย Main Gate ขนาดใหญ่ โครงการแรกเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น มีขนาดพื้นที่โครงการ 17-1-47.9 ไร่ จำนวน 172 แปลง และโครงการที่สองเป็นทาวน์โฮม 2.5 ชั้น มีขนาดพื้นที่โครงการ 8-1-82.3 ไร่ จำนวน 71 แปลง รวมทั้งหมด 243 แปลง

 

มีบ้านให้เลือกด้วย 3 แบบ คือ แบบ Victorian ทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาด 113 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ แบบ Empire ทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาด 128 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ  (อยู่ในโครงการที่ 1)

 

และแบบสุดท้าย Emperor ทาวน์โฮม 2.5 ชั้น (อยู่ในโครงการที่ 2) ขนาด 133 ตารางเมตร 5 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และยังเป็นทาวน์โฮมที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมในสไตล์ Colonial พร้อมกับคอนเซ็ปต์ The New Colonial Masterpiece in Prime ที่มีลักษณะเด่น คือ รูปทรงอาคารเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมแบบสมมาตร เน้นประตูทางเข้าที่กึ่งกลางอาคาร มีการใช้ชุดเสาสูงเป็นแนวรับชายคากว้าง ป้องกันแดด ลม ฝน และเป็นซุ้ม เพื่อเน้นบริเวณทางเข้า-ออก และมีการออกแบบแนวเส้นประตู หน้าต่างของบ้านให้เป็นระเบียบในแนวเดียวกัน ผนังส่วนใหญ่เป็นผนังไม้ตีซ้อนเกล็ด สลับไปกับโครงสร้างปูน เช่นเดียวกับ Main Gate ของโครงการ และมีระเบียงโดยรอบ

แม้โครงการจะมีจำนวนยูนิต 243 หลัง แต่ทางโครงการก็มีการแบ่งออกเป็น 2 โครงการย่อย แยกประตู Main Gate กัน แยกส่วนกลางขนาดใหญ่ ทำให้มีความ Private ของการใช้งานมากกว่าที่อื่นๆ โดยมีการจัดวางพื้นที่อาคารพาณิชย์อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 เฟส

ไม่เพียงเท่านั้น ทางโครงการยังมี Facilities รองรับลูกบ้านมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Clubhouse, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, Co-Working Space, สวนสาธารณะขนาดใหญ่, Security Guard 24 ชั่วโมง, CCTV Auto Access Card และ Double Security Main Gate ซึ่ง Facilities จะมีให้แยกให้ทั้ง 2 โครงการ

 

Clubhouse แบบ 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นสำนักงานขาย ชั้น 2 เป็นห้องฟิตเนส

ห้องฟิตเนสที่อยู่ชั้น 2 ของ Clubhouse

Co-Working Space มีมุมพักผ่อน และทำงานได้

สระว่ายน้ำระบบเกลือ ความลึกของสระผู้ใหญ่ 130 เซนติเมตร และสระเด็กลึก 75 เซนติเมตร

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ พร้อมโซนเด็กเล่น

 

Master Plan และ Detail บ้านตัวอย่าง

Master Plan ของ Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา จะมีการแบ่งออกเป็น 2 โครงการย่อย แยกประตู Main Gate กัน ลูกบ้านก็จะได้คีย์การ์ดแบบแยกโครงการ ซึ่งจะทางโครงการจะเรียกว่าบ้าน /1 และบ้าน /2 โดยบ้าน /1 จะเป็นฝั่งของ Victorian และ Empire สูง 2 ชั้น มีทั้งหมด 172 แปลง ส่วนบ้าน /2 ก็จะเป็น Emperor สูง 2.5 ชั้น ที่มี 71 แปลง

Main Gate โครงการที่ 2 มีบ้านแบบ Emperor

Main Gate โครงการที่ 1 มีบ้านแบบ Victorian และ Empire

ภายในโครงการของบ้านแบบ Emperor สูง 2.5 ชั้น มี Clubhouse อยู่ด้านหน้าตรงจุดสีเหลือง ถนน Main แบบคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 9 เมตร และพื้นที่สีเขียวใน Master Plan จะเป็นพื้นที่ก่อสร้างในอนาคต

 

ในโครงการย่อยที่มีบ้านแบบ Victorian และ Empire มี Clubhouse อยู่ตรงกลาง พื้นที่สีเขียวด้านหลังจะทำการก่อสร้างในอนาคต และถนน Main แบบคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 9 เมตร เท่ากัน แต่จะมีแค่ถนนฝั่งที่ติดกับอาคาร Clubhouse และ Main Gate ที่กว้าง 12.35 เมตร

 

บ้านตัวอย่างหลังแรกที่เราจะพาไปดู จะเป็นแบบบ้านที่เป็นไฮไลท์ของโครงการอย่าง “Emperor” บ้านขนาด 2.5 ชั้น พร้อมโถง Living แบบ Double Volume สูง 5.2 เมตร กันก่อน เพราะแบบบ้านสไตล์นี้นับว่าหาค่อนข้างยากสำหรับตลาดทาวน์โฮม เนื่องจากส่วนใหญ่มักจะทำมาเป็นขนาด 3.5 ชั้นมากกว่า

บ้านแบบ  Emperor ขนาด 133 ตารางเมตร 5 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ดินเริ่มต้น 19.5 ตารางวา หน้ากว้าง 5.5 เมตร พร้อม 2 ที่จอดรถ

หน้าบ้านจะมีลักษณะเป็นโถงสูงแบบนี้ จอดรถได้ 2 คัน

ใช้เป็นกระจกบานเลื่อนแบบเต็มความสูง ทำให้บ้านได้รับแสงธรรมชาติเต็มๆ และบริเวณพื้นหน้าบ้านจะเป็นการเทคอนกรีตพื้นเรียบปกติ

หน้าบ้านมีมุมผนังยื่นออกมาในลักษณะนี้ เป็นช่องรับแสงตรงมุมบันไดได้

เข้ามาในตัวบ้าน จะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น และโต๊ะทานอาหาร ซึ่งจุดเด่นของบ้าน Type นี้ก็จะเป็นเพดานที่มีความสูงถึง 5.2 เมตร มีการตัดพื้นที่ชั้นลอยให้อยู่ในส่วนของชานพักบันไดบริเวณด้านข้างของตัวบ้าน แทนที่จะเป็นในส่วนของหน้าบ้าน หรือหลังบ้านแบบโครงการอื่นๆ จึงทำให้ได้หน้าต่างบานใหญ่ทั้งในส่วนของหน้าบ้าน หลังบ้าน และข้างบ้าน (เนื่องจากเป็นบ้านหลังมุม) ทำให้บ้านดูโปร่งและโล่งมาก… สวยเกินราคาขายที่ไม่ถึง 4 ล้านบาท

อย่างที่บอกว่าบ้าน Type นี้สูง 2.5 ชั้น ด้านบนก็จะมีชั้นลอย ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปดูกันทีหลังว่าสามารถตกแต่งชั้นลอยให้เป็นห้องอะไรได้บ้าง

พื้นที่วางโซฟาตรงห้องนั่นเล่น ก็สามารถจัดเป็นโซฟาเซ็ทใหญ่ได้สบาย เพราะมีพื้นที่กว้างขวาง

มุมทีวีอยู่ตรงข้ามกับโซฟา ซึ่งด้านหลังทีวีมีประตูห้องเก็บของใต้บันไดให้ด้วย แต่ในห้องตัวอย่างทำเป็นชั้นวางทีวีปิดไว้

บ้านเปล่า Type เดียวกันจะเห็นประตูห้องเก็บของใต้บันไดได้อย่างชัดเจน โดยได้ประตูเป็นบาน PVC

โต๊ะทานอาหาร วางได้ 6 – 8 ที่นั่งเลยทีเดียว เผื่อที่บ้านมีจัดปาร์ตี้ มุมนี้ก็สามารถรองรับเพื่อนๆ ได้เลย

บ้านหลังนี้เป็นบ้านมุม ที่จะมีผนังฝั่งนึงไม่ติดกับบ้านข้างๆ ผนังฝั่งนี้จึงเป็นกระจกทั้งหมด เพื่อให้บ้านได้รับแสงอย่างเต็มที่ แบบนี้จะทำให้บ้านสว่างอยู่ตลอดวัน สามารถติดม่านทึบ หรือม่านกรองแสงช่วยป้องกันแสงแดด และความร้อนในตอนกลางวันได้เช่นกัน (ทางโครงการไม่ได้แถมผ้าม่านให้)

ข้างๆ กับมุมทีวีจะเป็นห้องน้ำและห้องนอนชั้นล่าง

ข้อดีมากๆ คือเป็นห้องน้ำที่สามารถใช้อาบน้ำได้ มีอ่างล่างหน้าอยู่ด้านหน้า และประตูบานเลื่อนกั้นห้องอาบน้ำไว้

จากบ้านตัวอย่างจะเห็นได้ว่าจะมีประตูห้องน้ำ 2 ชั้น ที่อยู่หน้าห้องน้ำและประตูกั้นห้องอาบน้ำ ที่ใช้ตกแต่งในบ้านตัวอย่างเท่านั้น ส่วนบ้านจริงจะไม่มีประตูด้านหน้าบริเวณอ่างล้างหน้าให้

ในห้องน้ำให้สุขภัณฑ์แบบเดียวกับบ้านตัวอย่าง

ในห้องน้ำให้สุขภัณฑ์แบบเดียวกับบ้านตัวอย่าง

บ้านจริงจะเป็นห้องโล่งแบบนี้ ใช้เป็นประตูกระจกบานเลื่อน หรือหากบ้านไหนที่ไม่มีผู้สูงอายุ ก็สามารถตกแต่งพื้นที่ตรงส่วนนี้ให้เป็นห้องทำงานหรือ Kids Room สำหรับเด็กๆ ได้ หรือหากใครไม่อยากจะเสียงบประมาณไปกับการต่อเติมห้องครัว กับห้องซักล้างไว้ด้านนอกบ้านก็สามารถใช้ห้องนี้ได้

ทางโครงการให้ประตูกระจกบานเลื่อนแบบนี้ สามารถเปิดออกจากห้องนี้ไปส่วนหลังบ้านได้โดยไม่ได้ต้องผ่านประตูหลัง

ส่วนหลังบ้าน ทางโครงการมีลงเสาเข็มที่มีความลึกเท่ากับตัวบ้านเพื่อให้เจ้าของสามารถต่อเติมเป็นส่วนครัว ห้องซักล้าง หรือห้องเอนกประสงค์ ได้ตามความต้องการของตัวเอง หมดปัญหาการทรุดตัว และประหยัดค่าใช้จ่ายในการต่อเติม

โดยบ้านหลังมุมสามารถติดตั้งประตูกระจกเพื่อเพิ่มความโปร่งโล่ง เดินออกไปยังสวนสวยแบบนี้ได้

บ้านจริง ส่วนหลังบ้านจะเป็นแบบนี้ มีแทงค์น้ำตั้งมาให้บริเวณนี้ ซึ่งหากเป็นบ้านหลังมุมก็สามารถย้ายออกไปไว้ที่สวนด้านข้างบ้านได้ เพื่อให้ใช้พื้นที่ที่ถูกต่อเติมเป็นห้องครัว และซักล้างได้อย่างเต็มที่

CDU แอร์จะถูกติดตั้งไว้แบบนี้ และบ้านหลังนี้ให้แอร์ฯเป็นมาตรฐาน 1 ตัว แต่หากอยากได้มากกว่านี้ต้องลองต่อรองดูกับเจ้าหน้าที่โครงการได้

วกกลับมาเพื่อขึ้นไปยังชั้น 2 ตรงจุดนี้ มีการติดตั้งระบบ Home Automation ให้ โดยโครงการได้จัดวางป้าย Pruksa Living Tech ที่มีการอธิบายระบบนวัตกรรมต่างๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น LED Lighting ไฟส่องสว่างแบบประหยัดพลังงานและช่วยถนอมสายตา, Pruksa Precast นวัตกรรมการก่อสร้างที่จะช่วยให้บ้านแข็งแรง ทนทาน และช่วยลดเสียงรบกวน และ Space Extension เพิ่มพื้นที่ให้บ้านกว้างขึ้น และช่องรับแสงด้านข้างแบบบานเกล็ด

สังเกตได้ว่าบริเวณทางขึ้นบันไดจะมีช่องรับแสงเยอะ และมีส่วนของมู่ลี่เหล็กเปิดปิดได้ให้อากาศถ่ายเทได้โดยไม่ต้องเปิดประตูหน้าบ้านทิ้งไว้

ซึ่งช่องแสงก็จะตรงกับมุมทีวีพอดี หากตอนกลางวันที่มีแดดจ้าก็สามารถติดม่านมู่ลี่ตรงส่วนนี้ได้

บริเวณชั้นลอย มีห้องเอนกประสงค์ 1 ห้อง

ด้วยฟังก์ชั่นของบ้าน Type นี้ที่ สามารถจัดวางห้องนอนได้มากถึง 5 ห้องนอน แต่ผู้อยู่อาศัยบางครอบครัวที่อาจจะไม่ได้อยู่กันครบเต็มจำนวนห้อง ก็สามารถตกแต่งห้องที่อยู่บนชั้นลอยให้เป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น หรือห้องเธียเตอร์ไว้ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวได้

โดยบ้านเปล่าจะเป็นห้องโล่งแบบนี้ และให้เป็นผนังกระจกที่สามารถมองลงไปยังชั้น 1 ของบ้านได้

โดยบ้านเปล่าจะเป็นห้องโล่งแบบนี้ และให้เป็นผนังกระจกที่สามารถมองลงไปยังชั้น 1 ของบ้านได้

ทางเดินขึ้นไปยังชั้น 3 จะเห็นได้ว่ามุมทางขึ้นบันไดมีช่องรับแสงเหมือนกับชั้นล่าง มีแสงธรรมชาติเข้าตลอด แทบไม่ต้องเปิดไฟฟ้าเลย เป็นบ้านที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้าจริงๆ

ทางเดินขึ้นไปยังชั้น 3 จะเห็นได้ว่ามุมทางขึ้นบันไดมีช่องรับแสงเหมือนกับชั้นล่าง มีแสงธรรมชาติเข้าตลอด แทบไม่ต้องเปิดไฟฟ้าเลย เป็นบ้านที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้าจริงๆ

ช่วงกลางวันจะสว่างแบบนี้

เดินขึ้นบันไดมา ซ้ายมือก็จะเจอกับห้องนอนเล็ก ติดหน้าต่างบานเลื่อนให้ มีพื้นที่กว้างสำหรับวางเตียง 3 ฟุต และวางโต๊ะทำงานข้างหัวเตียงได้ด้วย

เดินขึ้นบันไดมา ซ้ายมือก็จะเจอกับห้องนอนเล็ก ติดหน้าต่างบานเลื่อนให้ มีพื้นที่กว้างสำหรับวางเตียง 3 ฟุต และวางโต๊ะทำงานข้างหัวเตียงได้ด้วย

ใช้วางเตียง โต๊ะ และตู้เสื้อผ้าได้

มาถึง Master Bedroom ซึ่งมีขนาดใหญ่ มีประตูเข้าออกห้องน้ำได้จากภายในห้องนอน แบบ Walk-in Closet จัดวางได้ลงตัวและเป็นส่วนตัว

มาถึง Master Bedroom ซึ่งมีขนาดใหญ่ มีประตูเข้าออกห้องน้ำได้จากภายในห้องนอน แบบ Walk-in Closet จัดวางได้ลงตัวและเป็นส่วนตัว

บ้านจริงเป็นแบบนี้ ดูโปร่งและโล่งมาก ด้วยความสูงของเพดานแล้ว หากเจ้าของบ้านมีไอเดียที่จะสร้างชั้นลอยเข้ามาไว้ใน Master Bedroom ก็ได้เช่นกัน โดยการทำเป็นบันไดวนขึ้นไป ด้านล่างเป็นห้องแต่งตัวที่อยู่ติดห้องน้ำ ส่วนด้านบนมีมุมเล็กๆ ไว้ใช้เป็นมุมอ่านหนังสือ หรือมุมทำงานก็ยังได้

ไอเดียตกแต่งในบ้านตัวอย่างจะ มีการแบ่งโซนเป็น Walk-in Closet และโต๊ะเครื่องแป้งแบบนี้ มีสัดส่วนที่ลงตัวกันอย่างมาก

สามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่มีความสูงติดเพดานแบบบ้านตัวอย่างได้

มีห้องน้ำที่ชั้น 3 อีก 1 ห้อง ซึ่งเป็นห้องที่ใช้งานร่วมกันทั้ง 3 ห้องนอน โดยมีประตูเปิด-ปิดสองด้าน จาก Master Bedroom และห้องโถงด้านนอก

มุมอ่างล้างหน้าอยู่ตรงนี้

แยกฟังก์ชั่นการใช้งานส่วนแห้งและส่วนเปียกในแบบใช้งานพร้อมกันได้

แยกห้องสุขาและห้องอาบน้ำแบบนี้ ง่ายต่อการทำความสะอาด  ใช้งานได้พร้อมกัน และมีช่องแสงด้านในทั้งส่วนแห้งและเปียก

ฝั่งเปียกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 พับ

แบบบ้าน Emperor ขนาด 2.5 ชั้นแบบนี้ โครงการมีราคาขายเริ่มต้นที่ 3.99 ล้านบาท* (ราคาเมื่อเดือน ธค. 2020)

Type นี้เป็นบ้านไซส์เล็กสุดในโครงการ Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา โดยข้อแตกต่างจาก Type อื่นๆ ก็คือในส่วนของที่จอดรถที่จอดภายในบ้านได้เพียงแค่ 1 คัน

หน้าบ้านจอดรถได้ 1 คัน

ประตูหน้าบ้านใช้เป็นกระจกบานเลื่อน

ภายในบ้านจะเจอกับห้องนั่งเล่นเป็นอันดับแรก และโต๊ะทานอาหารที่ติดกับประตูหลังบ้าน

เพดานสูง 2.8 เมตร

พื้นที่ห้องนั่งเล่นกว้าง สามารถวางโซฟาชุดใหญ่ 4-6 ที่นั่งได้

ทีวีจะอยู่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโซฟา

ระบบ Home Automation ข้างทีวี สามารถสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่าน Smart Phone ได้ รวมไปถึงสวิทซ์ไฟด้วย

พื้นที่ของห้องนั่งเล่นบริเวณหน้าบ้าน

พื้นที่ข้างโซฟาสามารถจัดเป็นโต๊ะหรือตู้โชว์ของสะสมของเจ้าของบ้านได้

โต๊ะทานอาหารขนาด 4 – 6 ที่นั่ง วางได้สบายๆ

ภายในบ้านใช้แอร์ติดผนังแบรนด์ Daikin แบบนี้

บริเวณหลังบ้านทางโครงการปูเสาเข็มให้ลึกเท่ากับตัวบ้าน เพื่อให้เจ้าของบ้านต่อเติมเป็นพื้นที่ครัว หรือพื้นที่ซักล้างได้เอง หรือจะตกแต่งแบบบ้านตัวอย่างก็ได้เช่นกัน

หลังบ้านของบ้านจริงจะมีลักษณะแบบนี้ มีคานปูนสำหรับยึดทำเป็นแนวหลังคา มีแทงค์ให้ หากไม่ใช่หลังมุมก็อาจจะต้องจัดวางตำแหน่งแทงค์น้ำให้อยู่ทางฝั่งซักล้างมากกว่าฝั่งครัว เพื่อความสะดวกในการใช้งาน

บ้านหลังมุมจะได้ประตูแบบนี้อีก 1 บาน สามารถเปิดออกไปด้านนอกได้ และสามารถย้ายแทงค์น้ำไปตั้งนอกบ้านได้

ทางโครงการแบ่งส่วนตกแต่งหลังบ้านทำเป็นครัวและห้องนั่งเล่น ที่เชื่อมต่อการใช้งานกับห้องนอนชั้นล่าง โดยหลังคาจะใช้วัสดุโปร่งแสง เพื่อความโปร่งโล่งและสวยงาม หากจะตากผ้าก็สามารถทำได้ง่าย

ห้องนอนชั้นล่างติดกับหลังบ้าน เป็นประตูกระจกบานเลื่อน

ห้องนั่งเล่นด้านนอกที่ทางโครงการตกแต่งให้เป็นไอเดีย แต่หากไม่ใช่หลังมุมตรงนี้ก็จะเป็นตำแหน่งที่วางแทงค์น้ำ

ห้องน้ำชั้นล่างจะอยู่ใต้บันไดบ้าน แยกส่วนแห้งและเปียกออกจากกัน ดูแลทำความสะอาดง่าย และสามารถใช้งานได้ในเวลาเดียวกัน

อ่างล้างหน้าจะอยู่ด้านหน้าของห้องน้ำ

กระเบื้องด้านในได้แบบเดียวกับบ้านตัวอย่าง

ช่องแสงอยู่ด้านบนชักโครก ทำให้ห้องน้ำสว่างโดยไม่ต้องเปิดไฟ

บันไดอยู่ระหว่างห้องน้ำและห้องนอน

ป้าย Pruksa Living Tech ที่บอกนวัตกรรมต่างๆภายในบ้าน

ช่อง Skylight อยู่บนเพดานตรงบันไดบ้าน

ส่องสว่างตรงบันไดตลอดวัน

Smoke Detector ระบบตรวจจับควันไฟภายในบ้าน

ห้องนอนเล็กอยู่ติดกับบันได

ด้านในไม่แคบมาก สามารถวางเตียงขนาด 3 ฟุตได้ หรือจะใช้เป็นห้องเด็กอ่อนแบบบ้านตัวอย่างก็ได้

ถัดมาเป็น Master Bedroom ที่อยู่ระหว่างห้องนอนเล็ก 2 ห้อง

ห้องนอนเล็กที่ติดกับห้องน้ำ

ห้องนี้มีบานหน้าต่างถึง 2 ด้านด้วยกัน ทั้งมุมหัวเตียงและข้างเตียง ทำให้ห้องนี้ได้รับแสงธรรมชาติเต็มๆ และเป็นหน้าต่างแบบกระจกบานเลื่อน

บริเวณปลายเตียง

ห้องน้ำชั้นบนมี 1 ห้อง แต่แยกฟังก์ชั่นการใช้งานให้สามารถใช้งานส่วนแห้งและเปียกได้พร้อมกัน

ตรงธรณีประตูไม่ได้กั้นขึ้นมาสูงมาก เวลาล้างห้องน้ำอาจต้องรีบเช็ดให้แห้ง

อ่างล้างหน้า มีช่องวางของด้านล่าง

แยกห้องสุขาและห้องอาบน้ำ

ได้ฉากกั้นอาบน้ำแบรนด์ i-spa

มีการกั้นพื้นห้องน้ำแบบนี้กันน้ำไหลออก

สุขภัณฑ์ใช้ยี่ห้อ COTTO

แบบบ้าน Victorian แบบนี้น่าจะเหมาะกับคนที่อยู่ 2-4 คน เลือกซื้อทาวน์โฮมราคาสามล้านต้นไว้เป็นบ้านหลังแรก

 

Type สุดท้ายที่เราจะพาไปชมกันก็คือ บ้านแบบ Empire ขนาด 128 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ขนาดพื้นที่ดินเริ่มต้น 19.9 ตารางวา หน้ากว้าง 5.7 เมตรเช่นกัน

บ้านสูง 2 ชั้น เท่ากับบ้านแบบ Victorian หน้าบ้านจอดรถได้ 2 คัน

มีช่องเก็บของอยู่หน้าบ้าน

ภายในบ้านจะถูกตกแต่งเหมือนกับบ้าน 2 Type ก่อนหน้านี้ คือมีห้องนั่งเล่นอยู่ด้านหน้า ถัดไปเป็นโต๊ะทานอาหารที่อยู่ติดกับประตูหลังบ้าน

เพดานสูง 2.75 เมตร

มุมทีวีอยู่ข้างบันได สามารถวางชั้นวางทีวีแบบลอยตัวได้ตรงนี้จะสะดวกกว่า เพราะมีช่องเปิดเป็นห้องเก็บของได้

มีช่องเก็บของใต้บันได เป็นบาน PVC

ระบบ Home Automation ที่สั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่าน Smart Phone

โต๊ะทานอาหารที่จัดวางได้ 4-6 ที่นั่ง

ห้องนอนชั้นล่างติดกับห้องน้ำ สามารถตกแต่งให้เป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ได้

ประตูกระบานเลื่อนเปิดไปยังหลังบ้าน

ประตูกระบานเลื่อนเปิดไปยังหลังบ้าน

กำแพงระหว่างบ้านกั้นให้ระดับนี้ โดยแนวหลังบ้านฝั่งนี้จะติดกับที่ดินของคนอื่น ดังนั้นจะได้ระแนงสูงติดตั้งเพิ่มเติมขึ้นมา

Reference ตกแต่งหลังบ้านให้เป็นครัวและส่วนซักล้าง

บริเวณเพดานตกแต่งให้เป็นวัสดุโปร่งแสง รับแสงจากด้านนอกเข้ามาได้

ช่องแสงบริเวณชานพักชั้น 1 เป็นหน้าต่างแบบบานกระทุ้ง สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้

ช่อง Skylight

เพดานบนชั้น 2 สูงถึง 3.5 เมตร จึงทำให้ชั้นนี้ดูโปร่งมาก และมีตำแหน่งปลั๊กเพื่อติดตั้ง Wi-Fi Router ให้ด้านบน

Master Bedroom

พื้นที่ปลายเตียงกว้างมาก ซึ่ง Master Bedroom มีความกว้างเท่ากับห้องนอนเล็ก 2 ห้องรวมกัน บ้านตัวอย่างตกแต่งเป็นแอร์แบบฝังฝ้า แต่ของจริงได้แอร์แค่ตัวเดียว โดยสามารถต่อรองกับเจ้าหน้าที่หน้างานได้เป็น case by case

มีประตูเชื่อมกับห้องน้ำภายในห้อง

ห้องน้ำชั้นบนมี 1 ห้อง เป็นสัดส่วน สามารถเข้าจากห้องนอนใหญ่

พื้นประตูไม่ได้กั้นสูงมาก เวลาทำความสะอาดต้องระวังน้ำไหลออกมาข้างนอก

มีช่องแสง 2 จุด คือ บนผนังตรงชักโครก และบนเพดานอีก 1 จุด พร้อมพัดลมดูดอากาศ

ห้องอาบน้ำติดกับอ่างล้างหน้า

มีช่องวางของสองฝั่ง และช่องแสงตรงผนังด้านบน

ห้องนอนเล็ก 2 ห้อง

มีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนภายในห้อง

ห้องนี้มีหน้าต่าง 2 ด้าน ทำให้ห้องสว่างมากขึ้น

สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มแต่งงาน มีครอบครัว ที่ต่างฝ่ายต่างก็ต้องแยกย้ายไปทำงานในตอนกลางวัน และมีงบประมาณราวๆสามล้านกลางๆ แบบบ้าน Empire น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่าแบบบ้าน Victorian เนื่องจากได้ Space ห้องนอนใหญ่ที่กว้างกว่า และยังสามารถจอดรถได้ถึง 2 คัน

โดยสรุปแล้ว Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา ถือได้ว่าเป็นโครงการเดียวที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นกึ่งกลางระหว่างพหลโยธิน – รามอินทรา อย่างแท้จริง เพราะสามารถเข้าออกได้ถึง 2 ทาง โดยทางถนนเทพรักษ์สามารถเลี่ยงรถติดได้ดีกว่าทางเส้นวัชรพล ที่เป็นย่านชุมชนที่อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นแล้ว และดีกว่าทางเส้นรามอินทราที่มีการจราจรที่แน่นขนัดกว่าจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้กับเส้นทางรถไฟฟ้ามากถึง 2 สาย จึงทำให้ทำเลนี้เป็นทำเลที่เริ่มจะมีโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเข้ามาพัฒนาอยู่เยอะ ในช่วงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสายหยุดและสะพานใหม่ ซึ่งการที่ตัวโครงการเป็นโครงการทาวน์โฮมที่สามารถเดินทางเข้าสู่สถานีรถไฟฟ้าได้ใกล้ที่สุด หากเทียบกับโครงการทาวน์โฮมอื่นๆ ในย่านวัชรพล และรามอินทรา ทำให้ที่นี่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทั้งสำหรับกลุ่มคนที่กำลังมองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในย่านพหลโยธิน – สะพานใหม่ เช่นเดียวกับทาวน์โฮมในย่านวัชรพล – เพิ่มสิน ที่ในปัจจุบันเริ่มมีราคาขายที่แพงมากขึ้น แต่มีพื้นที่ใช้สอย และนวัตกรรมการอยู่อาศัยที่ไม่ได้มากไปกว่า Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา โดยหากเทียบกับโครงการทาวน์โฮมในทำเลที่ใกล้เคียงที่สุดก็จะเป็นบนถนนเทพรัตน์ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่หลังละ 4.59 ล้านบาท ในขณะที่โครงการคอนโดเปิดใหม่ในย่านเดียวกันแต่เกาะที่สถานีรถไฟฟ้าสายหยุด และสะพานใหม่ก็จะมีราคาเฉลี่ยที่ราวๆ ตร.ม. ละแสนบาทเข้าไปแล้ว หากต้องการห้องขนาด 133 ตร.ม. เทียบเท่ากับแบบบ้าน Emperor ก็อาจจะต้องมีงบประมาณมากกว่า 10 ล้านบาท ในการซื้อ!

 

ยิ่งหากเปรียบเทียบกับโครงการคู่แข่งในเซกเมนท์เดียวกัน ก็จะต้องไปหาในแถวซอยวัชรพล ที่แม้หลายคนอาจจะมองว่ามีความคึกคักอุดมสมบูรณ์มากกว่า แต่ก็ต้องแลกมาด้วยปัญหาสำคัญอย่างการจราจรที่ติดขัด ระยะทางในการเดินทางไปรถไฟฟ้าและทางด่วนที่ไกลขึ้น ต้องใช้เวลามากขึ้น โดยที่ราคาก็ไม่ได้แตกต่างมากอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าโครงการ Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา ดูจะมีความคุ้มค่าและสามารถตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของราคาที่คุ้มที่สุด โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 3.3 ลบ.* มีบ้านให้เลือกมากถึง 3 แบบ สูง 2 ชั้น และ 2.5 ชั้น พร้อมเพดานสูงถึง 5.2 เมตร ที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน ในราคาแค่ 3.99 ลบ.* มีการออกแบบ Space ที่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานแบบ Flexible ปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบ และยังให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากขึ้นกับนวัตกรรม Pruksa Living Tech ที่อัดแน่นอยู่ภายในตัวบ้าน โดยที่สามารถสั่งงานผ่าน Smart Phone ได้ สอดรับกับเทรนด์การอยู่อาศัยในยุคดิจิทัลอย่างปัจจุบัน

 

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับทราบข้อมูล และสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ www.pruksa.com หรือโทร. 1739



wipawan khampuwiang

wipawan khampuwiang

จบทางด้านภาษาไทยและชอบงานเขียน ชอบอ่านและดูรูปภาพรีวิวบ้าน คอนโดต่างๆ เบื่อกับการอยู่ห้องทั้งวันแบบไม่มีอะไรทำ ฉะนั้นงานอดิเรกก็เลยชอบหาที่เที่ยวและถ่ายภาพ

เว็บไซต์


PropScore™ 3.8

SCORE:
0.0
From : 0 รีวิว


ยังไม่มีการให้คะแนนและ Comment โครงการนี้


มีอะไรน่าสนใจใน Art Basel Hong Kong 2025

ก่อนจบทริปกับทาง City Dynamic ในครั้งนี้ ผมได้มีโอกาสเข้ามาร่วม Private Tour ในงาน Art Basel 2025 ซึ่งเป็นหนึ่งในนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยชั้นนำของโลกที่ Hong Kong Convention and Exhibition Centre ครับ อ่านต่อ

28 March, 2025



ผ่าอาณาจักร Swire Properties เจ้าพ่ออสังหา Mixed Use จากฮ่องกง ผู้เตรียมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับตลาด Ultra-Luxury Residences ในกรุงเทพฯ

ซึ่งนอกจากจะเป็นโครงการ Ultra - Luxury ในแบบ Freehold โครงการที่ 2 บนถนนวิทยุต่อจาก 98 ... อ่านต่อ
26 March, 2025

พาทัวร์ Swire Archieves และ Taikoo Place รู้จักกับประวัติศาสตร์ 200 ปีของบริษัทฯภายใน 1 ชม.

วันนี้ทาง Swire Group ได้จัด Exclusive Tour ที่ห้อง Swire Archieves (คล้ายๆกับ Museum ข... อ่านต่อ
26 March, 2025

[1st Impression] SCOPE Thonglor ต้นแบบของ Ultra-Luxury Residences ในแบบ All-Penthouse Unit ติด BTS ทองหล่อ

อาจกล่าวได้ว่าทิศทางในการพัฒนาโครงการในรูปแบบ Ultra-Luxury Residences ของไทยนับจากนี้ไป... อ่านต่อ
23 March, 2025

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง