Culture Chula คอนโด Freehold พร้อมอยู่ใจกลางจุฬา-สามย่าน เหนือกว่าด้วยบริการระดับโรงแรมในทุกวัน

“คัลเจอร์” (Culture) เป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่จากบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำคอนโดติดรถไฟฟ้า ที่มุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัวที่สุด โดยแบรนด์ Culture ได้ถูกพัฒนาต่อยอดจาก DNA ของแบรนด์ไอดีโอ สู่นิยามใหม่ของชีวิตเมืองที่ลึกซึ้งขึ้น เชื่อมโยงขึ้น และมีความหมายมากขึ้น หาก Ideo คือจุดเริ่มต้นของการเข้าใจชีวิตคนเมือง Culture คืออีกขั้นของวิวัฒนาการที่ต่อยอดจากความเข้าใจนั้น ให้ลึกไปถึง “คุณค่าของการใช้ชีวิตร่วมกัน” และ “บทบาทของตัวตนในสังคมเมือง” เป็นแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเติมเต็มความต้องการของกลุ่มผู้อยู่อาศัยเฉพาะกลุ่มที่มีความต้องการในการอยู่อาศัยที่แตกต่างออกไป ตอบโจทย์คนเมืองในยุคใหม่โดยเฉพาะ ที่ไม่ได้มองหาแค่คอนโดทั่วไปแต่คือ “วัฒนธรรมใหม่ของการอยู่อาศัย” ที่ถูก Customized มาเฉพาะสำหรับกลุ่มคนเมืองที่มี Green Mindset มีความเชื่อในมิติความรักสิ่งแวดล้อม ใส่ใจระบบการจัดการเพื่อความยั่งยืน ชื่นชอบการแลกเปลี่ยนปฏิสัมพันธ์กับผู้คนผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์บนพื้นที่ชีวิตเมืองที่สะดวกสบาย ชีวิตครบพร้อมทุกสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงได้รับบริการครบวงจรที่ตอบโจทย์การพักอาศัยในมหานครใหญ่ด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่เปิดให้ใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง* รองรับทั้งการทำงานและการพักผ่อน และที่เหนือกว่าคือ “บริการแบบโรงแรม” จาก The Ascott Limited ผู้นำด้าน Serviced Residence ระดับโลก ที่ยกทีมมาตรฐานโรงแรมมาไว้ในคอนโด ให้คุณได้รับทั้งความสะดวก ความเป็นมืออาชีพ และการบริการแบบ Premium Living ทุกวัน

ในย่านพระรามสี่ โดยเฉพาะแถวๆ จุฬา – สามย่าน – สีลม ทาง อนันดาในฐานะเจ้าตลาดคอนโดทำเลนี้ได้มีการปูพรมพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้า ที่ครอบคลุมหลายเซกเมนต์แล้ว ทั้งแบรนด์ Ideo, Ideo Q, Ashton ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มี Psychological Needs ที่แตกต่างกันทางในยุคที่วิถีชีวิตของคนเมืองมีการปรับเปลี่ยนตามเทรนด์โลกอยู่ตลอดเวลา แบรนด์ Culture จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเติมเต็มความต้องการของกลุ่มผู้อยู่อาศัยคนเมืองเจนใหม่ ที่มี Evolvement ไปอีกขั้น โดย Culture จะเน้นในเรื่องของการมองหา Neighborhood Community ในแบบคนคอเดียวกัน และเป็นศูนย์รวมคนที่ใส่ใจในเรื่องของการอยู่อาศัยแบบยั่งยืน (Sustainable Living) ไม่ใช่การต่างคนต่างอยู่โดยที่ไม่ได้มีกิจกรรมหรือทำสิ่งต่างๆ Contribute อะไรให้ส่วนรวม หรือสิ่งแวดล้อมเลย เพื่อการยกระดับให้เป็น Sustainable Living Community ที่จะมาพร้อมกับการบริการโดยแบรนด์ระดับโลกอย่าง The Ascott Limited มี Worldclass services ที่เหมือนได้บริการจากโรงแรมสุดหรูในทุกๆ วัน โดยปัจจุบันแบรนด์ Culture ทั้ง 2 โครงการได้สร้างเสร็จสมบูรณ์พร้อมเข้าอยู่แล้ว ทั้งบริเวณทำเลทองหล่อกับ Culture Thonglor และทำเลพระราม 4 -สามย่าน กับ Culture Chula โครงการคอนโด Freehold ที่ได้รับการยอมรับว่ามีความ Rare & Exclusive มากๆ ในแง่ของทำเลที่ตั้ง ซึ่งในบทความนี้เราจะพาคุณผู้อ่านไปเจาะลึกกันว่าทำไมโครงการ Culture Chula จึงเป็นโครงการที่เข้าใจในวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของคนเมืองเจนใหม่บนทำเลพระราม 4 – สามย่าน ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

ค้นพบวัฒนธรรมใหม่ของการอยู่อาศัย ผ่านองค์ประกอบสำคัญ 4 ด้าน

ขึ้นชื่อว่าเป็นคอนโดที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้เป็นต้นแบบของ “วัฒนธรรมใหม่ของการอยู่อาศัย” Culture จึงไม่ใช่แค่คอนโดมิเนียมแต่คือพื้นที่ชีวิตที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ “Urban Tribe” รุ่นใหม่ คนเมืองที่ไม่ได้ต้องการแค่ความสะดวก แต่มองหาความสัมพันธ์ ความยั่งยืน และความเป็นตัวเอง หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็น Neighborhood Community ในแบบคนคอเดียวกัน ไม่ใช่การต่างคนต่างอยู่โดยไม่มีกิจกรรม Contribute อะไรให้ส่วนรวมเลย โดยวางรากฐานผ่าน 4 แนวคิดหลัก ที่หลอมรวมไลฟ์สไตล์ ความคิด และสิ่งแวดล้อมไว้ด้วยกัน ได้แก่

1. URBAN LIVING ชีวิตเมืองที่ไม่ใช่แค่เร่งรีบ แต่มีจังหวะของตัวเอง

Culture ตระหนักถึงความต้องการที่เหนือกว่าแค่การมีที่พักอาศัยใจกลางเมืองของคนยุคใหม่ จึงมุ่งมั่นออกแบบโครงการเพื่อมอบ “ชีวิตในเมืองที่มีความหมาย” อย่างแท้จริง ผ่านการสร้างความเชื่อมโยงที่ลงตัวและมีประสิทธิภาพ ทั้งด้าน การเดินทาง ด้วยทำเลที่เข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้สะดวก ด้าน ไลฟ์สไตล์ ด้วยการตั้งอยู่ในแหล่งรวมความสนใจที่หลากหลาย และด้าน กิจกรรมของเมือง ที่เปิดโอกาสให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวทางสังคมและวัฒนธรรมได้อย่างง่ายดาย

2. SERVICED LIVING ใช้ชีวิตสะดวกสบายเหมือนอยู่โรงแรม

การที่ Culture Chula ได้ผนึกกำลังกับ Ascott ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Serviced Residence ทำให้โครงการนี้สามารถยกระดับประสบการณ์การอยู่อาศัย ให้เทียบเท่ามาตรฐานโรงแรมห้าดาว ด้วยการนำเสนอบริการระดับพรีเมียมที่เข้าใจวิถีชีวิตเร่งรีบของคนเมืองอย่างแท้จริง ทั้งบริการอำนวยความสะดวกอย่าง Concierge บริการจัดการงานบ้านพื้นฐาน เช่น Laundry และ On-demand service ต่างๆ ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการมอบ ความสะดวกสบาย อย่างครบวงจรและช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีเวลาไปใช้ชีวิตหรือเติมเต็ม Passion ได้อย่างเต็มที่

3. COMMUNITY LIVING มากกว่าเพื่อนบ้าน คือการได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่มองเห็นคุณค่าแบบเดียวกัน

Culture มุ่งเน้นไปที่การสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและเกื้อกูลกันบนพื้นฐานของปรัชญา Sharing & Caring โดยการออกแบบพื้นที่ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตร่วมสมัย คือการจัดเตรียม พื้นที่ส่วนกลางแบบ 24 ชั่วโมง ทั้งในรูปแบบของ Co-Working Space และกิจกรรมพิเศษต่างๆ ในวันหยุด เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีแนวคิดและวิถีชีวิตใกล้เคียงกันสามารถมาเชื่อมต่อกันได้อย่างอิสระ แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ร่วมกัน และขยายเครือข่ายทางสังคมและโอกาสใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นการดูแลเอาใจใส่และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในทุกมิติ โดยทีมจาก The Ascott จะเป็นคนบริหารจัดการ Community Program & Activity ด้วยการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น เวิร์กชอป แชร์อาหาร หรือกิจกรรมภายในโครงการที่สร้างการเชื่อมโยง และปฏิสัมพันธ์ได้จริง

4. SUSTAINABLE LIVING เริ่มต้นจากความใส่ใจเล็กๆ สู่ชีวิตที่ยั่งยืน

โครงการถูกออกแบบเพื่อสร้างสังคมแบบยั่งยืนภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดีในระยะยาว ด้วยการส่งเสริมแนวคิด Sustainable Living เช่น เลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืน ลดการใช้พลังงาน มีจุดรีไซเคิลขวดน้ำดื่ม, จุดบริการเติมน้ำ และมีถังแยกขยะในแต่ละยูนิต

พบ 6 ไฮไลต์สำคัญ ทำไม Culture Chula จึงเป็นโครงการคอนโดพร้อมอยู่ที่น่าจับตามองมากที่สุดของปีนี้?

1. ตั้งอยู่บน Super Prime Location พระรามสี่ – สามย่าน ทำเลที่ใช่สำหรับชาวจุฬาฯ และคนทั่วโลก

โครงการ Culture Chula มีความโดดเด่นและพรีเมี่ยมอย่างมากในด้านการคมนาคมที่เชื่อมต่อได้อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าถึง 3 จุดสำคัญ ทำให้สามารถเดินทางได้ครบทุกทิศทางทั่วกรุงเทพฯ โดยอยู่ห่างจาก MRT สามย่าน เพียง 350 เมตร และยังเข้าถึง BTS ศาลาแดง และ MRT สีลม เพียง 290 เมตร (ลูกบ้านสามารถใช้งานประตูทางเดินเข้า–ออก ที่ฝั่งติดถนนสุรวงศ์เพื่อลัดเลาะออกซอยธนิยะได้) ซึ่งหมายความว่าไม่ว่าคุณจะต้องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายไหน ก็สามารถเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การเดินทางครอบคลุมทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก ของเมืองอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะทำงานในโซนธุรกิจใดหรือมีนัดหมายกับใครก็สามารถไปถึงได้สะดวกโดยไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหารถติด และสำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ก็ยังสามารถเข้าถึงทางด่วนได้อย่างง่ายดายจากจุดขึ้น-ลงที่อยู่ไม่ไกล เช่น ทางด่วนบริเวณบ่อนไก่-พระราม 4 หรือ สะพานเหลือง-หัวลำโพง ทำให้โครงการนี้ตอบโจทย์การเดินทางได้ครบทุกรูปแบบอย่างแท้จริง นอกจากนั้นตัวโครงการยังใกล้กับ Mixed-use มากมายทั้ง One Bangkok, Dusit Central Park, The PARQ, Chula Smart City รวมถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อย่างสวนลุมพินี ซึ่งอยู่ในระยะที่เดินไปวิ่งออกกำลังกายได้ และยังเป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาชั้นนำอย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้เกิดการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ระหว่าง ย่านการศึกษา และย่านธุรกิจเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวในมิติของการเดินทาง ที่นี่ถือเป็นศูนย์กลางคมนาคมที่ยอดเยี่ยม ความสำคัญของทำเลนี้จึงอยู่ที่การเป็นพื้นที่ที่มอบความสมบูรณ์แบบทั้งด้าน การอยู่อาศัย การทำงาน การเรียนรู้ และการลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงในระยะยาว

2. เป็นคอนโด Freehold แห่งใหม่แห่งเดียวในย่านนี้ที่แทบจะเป็นที่ดินผืนสุดท้ายที่ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่พระรามสี่ – สุรวงศ์ ใกล้จุฬาฯ ที่สุด

ซึ่งถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากและมีมูลค่าสูง เนื่องจากที่ตั้งของโครงการเปรียบเสมือนที่ดินผืนสุดท้ายที่ตั้งอยู่ติดริมถนนใหญ่พระรามสี่ – สุรวงศ์ โดยเป็นทำเลที่ใกล้ชิดกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมากที่สุด ทำให้โครงการไม่เพียงแต่มีความสะดวกสบายในการเดินทางสูงสุดเท่านั้น แต่ยังมอบความมั่นคงด้านกรรมสิทธิ์และศักยภาพในการเติบโตของมูลค่าในระยะยาว ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญอย่างยิ่งเหนือโครงการอื่นๆ ในย่านเดียวกันอีกด้วย

3. หนึ่งเดียวใจกลาง CBD ที่มีดีมานท์ต่อเนื่อง และได้ Rental Yield ที่สูง

โครงการ Culture Chula ถือว่ามีทำเลโดดเด่นและเป็นหนึ่งในแรร์ไอเทมพร้อมอยู่ในรูปแบบกรรมสิทธิ์แบบ Freehold บนทำเลสามย่าน – พระราม 4 ในปี 2025 ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มผู้อยู่อาศัยหลักคือ นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงกลุ่มผู้ปกครองของนักเรียนจากโรงเรียนดังในย่านนี้ เช่น สาธิตจุฬาฯ สาธิตปทุมวัน เตรียมอุดมศึกษา และเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ซึ่งมีการหมุนเวียนต่อเนื่อง ทำให้เกิดดีมานด์การเช่าและการซื้อต่อที่สูง โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ยินดีจ่ายราคาสูงเพื่อให้ได้ที่พักที่พิเศษ สะดวก และปลอดภัย นอกจากนี้ยังดึงดูดกลุ่มคนทำงานเงินเดือนสูงในโซนไข่แดงของกรุงเทพฯ ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในทำเลที่รักความสบายและไลฟ์สไตล์เมืองหลวง ด้วยปัจจัยของ Supply ที่น้อยแต่ Demand มีจำนวนมาก จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า Culture Chula เป็นโครงการที่คุ้มค่าแก่การลงทุนทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า ซึ่งทำเลนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น All-time Favorite ของทั้งนักลงทุนและผู้อยู่อาศัยจริง โดยมีผลงานที่ผ่านมาของอนันดาในย่านนี้เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จ ซึ่งล้วนสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Rental Yield) ได้สูงถึง 5% ต่อปี

4. การออกแบบที่ตอบโจทย์ New Tribe of Urban Living กับฟังก์ชันห้องแบบ Hybrid เพดานสูง 4.3 เมตรทั้งหมดทุกยูนิต

Culture Chula ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตของกลุ่ม New Tribe of Urban Living โดยเฉพาะด้วยการนำเสนอห้องแบบ Hybrid ที่มีนวัตกรรมการใช้พื้นที่อย่างสูงสุด ด้วยจุดเด่นของเพดานสูงถึง 4.3 เมตร ในทุกยูนิต ซึ่งช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยในแนวตั้งได้อย่างยืดหยุ่น สร้างพื้นที่ส่วนตัวที่คุ้มค่าและสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานให้รองรับทั้งการพักผ่อน การทำงาน หรือกิจกรรมสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัว

5. พบความแตกต่างที่ “ใช้ได้จริง” จากแบรนด์ Culture ในเรื่อง Hotel Services

โครงการได้รับการดูแลบริหาร พร้อมได้รับบริการแบบ World Class Service จาก The Ascott Limited ผู้นำด้าน Serviced Residence ระดับโลก ที่ยกทีมมาตรฐานโรงแรมมาไว้ในคอนโด ให้คุณได้รับทั้งความสะดวก ความเป็นมืออาชีพ และการบริการแบบ Premium Living ทุกวัน ซึ่งรายละเอียดของ Service ทีได้รับก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น

– Concierge ในช่วง weekday และ weekend (สะดวกสบายกับการบริการมาตรฐานสากล)

– 24-hour Technician and Security (การบริการตลอด 24 ชม.)

– Housekeeping Common Area (มาตรฐานการดูแลโครงการระดับโรงแรม)

– Community Events (ตอบโจทย์ทุกกิจกรรม ครบทุกไลฟ์สไตล์)

มากไปกว่านั้นตัวโครงการยังมี On Demand Service สำหรับผู้ที่มีความต้องการพิเศษในแบบฉบับของตัวเอง อย่าง การทำความสะอาดห้อง (Room Cleaning Service), บริการซักผ้า (Laundry Service) และบริการเสริมอื่นๆ (On Demand Activity) เช่น คลาสเรียนโยคะ เป็นต้น ซึ่งข้อดีก็คือเหมือนกับเราเป็นเจ้าของ Service Apartment เลย มีบริการต่างๆ หลากหลายรูปแบบ สามารถดูแลได้ง่าย หรือถ้าจะปล่อยเช่า ก็ปล่อยได้ง่ายเช่นกัน เนื่องจากแบรนด์ Ascott เป็นแบรนด์ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี

6. Community ดี ที่มาพร้อมกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อคนเมืองเจนใหม่ และพื้นที่ส่วนกลาง 24 ชม.

โครงการให้ความสำคัญกับการสร้างชุมชนที่มีคุณภาพ ด้วยการจัดเตรียม Community ที่ดี จึงมอบพื้นที่ส่วนกลางแบบ 24 ชม. พร้อมด้วยพื้นที่หลายโซนที่รองรับการจัดกิจกรรมร่วมกันของลูกบ้าน พื้นที่ส่วนกลางที่เปิดให้ใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง* รองรับทั้งการทำงานและการพักผ่อน ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ยืดหยุ่นของคนยุคใหม่ ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อส่งเสริมการเชื่อมต่อและปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนเมืองเจนใหม่ โดยกิจกรรมเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการสันทนาการ แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ที่มีวิธีคิดใกล้กันได้มาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความหมายให้กับการอยู่อาศัยในเมืองอย่างแท้จริง

รายละเอียดของโครงการ Culture Chula

Culture Chula (คัลเจอร์ จุฬา) ตั้งอยู่บนถนนพระราม 4 เป็นคอนโดมิเนียมสูง 32 ชั้น ตั้งบนที่ดินขนาด 2 ไร่ 1 งาน 66.20 ตารางวา มีจำนวนห้องพัก 612 ยูนิต ร้านค้าอีก 2 ห้อง มีที่จอดรถมากเพียงพอตามกฎหมายกำหนดที่ 248 คัน พร้อม EV Charger 2 ช่องจอด มีลิฟต์ 4 ตัว ลิฟต์บริการ 1 ตัว ทำเลอยู่ใจกลางเมืองที่หลายคนอยากได้ มีห้องพักอาศัยในรูปแบบเพดานสูง 4.3 เมตร ให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น

1 ห้องนอน ขนาด 25.00 – 26.5 ตร.ม. (เฉพาะพื้นที่ชั้นล่าง หากรวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดจะประมาณ 33 – 44.5 ตรม.)

1 ห้องนอน พลัส ขนาด 33.00 – 35.5 ตร.ม. (เฉพาะพื้นที่ชั้นล่าง หากรวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดจะประมาณ 51 – 60 ตรม.)

2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 32.5 ตรม. (เฉพาะพื้นที่ชั้นล่าง หากรวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดจะประมาณ 57 – 60 ตรม.)

2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 42.5 ตรม. (เฉพาะพื้นที่ชั้นล่าง หากรวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดจะประมาณ 69 ตรม.)

2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องพาวเดอร์ ขนาด 48.00 – 51.5 ตร.ม. (เฉพาะพื้นที่ชั้นล่าง หากรวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดจะประมาณ 78 ตรม.)

และ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องพาวเดอร์ ขนาด 71 ตารางเมตร (เฉพาะพื้นที่ชั้นล่าง หากรวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดจะประมาณ 108 ตรม.)

Floor Plan และ Facilities ของโครงการ Culture Chula

ชั้น 1 มีทางเข้าหลักรถยนต์เข้าออกได้ มีถนนปูชิดรอบโครงการ ข้างหน้าเป็นสวนติดถนนพระราม 4 นอกจากนี้มีพื้นที่สีเขียวและทางเดินสำหรับคนเดินออกไปยังถนนสุรวงศ์อีกด้วย ถ้าเข้าไปในอาคารก็จะมีโถง Lobby ห้องนิติบุคคล ห้องตู้จดหมาย และพื้นที่สำหรับร้านค้า

พื้นที่สีเขียวหน้าโครงการที่สามารถนำมาใช้จัดกิจกรรมได้

The Ascott Lounge พื้นที่รับรองและล็อบบี้ มาพร้อมดีไซน์ที่ผสมผสานความยั่งยืนลงไป ด้วยต้นไม้และวัสดุปิดผิวเป็นระแนงลอนเหลี่ยมแนวตั้ง เพิ่มความโดดเด่นด้วยบันไดวนเชื่อมไปยังชั้น 1M และโคมไฟสีทองแดงดูสะดุดตา

พื้นที่นั่งรอรถจาก Automatic Parking

Mail Room

พื้นที่ Automatic Parking อยู่บริเวณด้านหลังอาคาร

พื้นที่ Automatic Parking อยู่บริเวณด้านหลังอาคาร

24-Hour Co-working Space มีชื่อว่า Think Tank Room ที่ชั้น 1 และ 1M เป็นพื้นที่ทำงานร่วมกันที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเรียนและการทำงานที่ยืดหยุ่นของกลุ่มนักศึกษาและคนทำงานใน CBD

โถงลิฟท์ชั้น 1M ตกแต่งสวยงาม ด้วยวัสดุหิน Terazzo สลับกับระแนงแนวตั้งสีน้ำเงิน

ต่อไปเป็นชั้น 8 – 16 เป็นโซนพักอาศัยทั้งหมด ชั้นนี้จะเป็นแบบเต็ม Floor มากที่สุด มี 32 ยูนิตต่อชั้น และชั้นสูงขึ้นต่อจากนี้ไปจะค่อยๆ ลดจำนวนพื้นที่ลงเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายระยะ Setback กับถนนสุรวงศ์

ชั้น 30 มี Facilities หลายฟังก์ชั่น ได้แก่ ห้อง Co-working, Co-Kitchen , ห้องดูหนัง, ห้องประชุม, ห้อง Video Call และ Live Studio, ชั้น 31 มีสระว่ายน้ำสวนส่วนกลางห้องซาวน่าพื้นที่ใช้งานอเนกประสงค์และห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า, ชั้น 32 มีห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์ ออกกำลังกายอย่างเพลิดเพลินชมวิวเมืองสวยๆ และชั้นดาดฟ้า Rooftop มีสวนส่วนกลางอย่างเช่น C-Sky Terrace, Sensory Urban Farming , Breath Pods

The Table พื้นที่ครัวส่วนกลางสำหรับทำอาหารและจัดปาร์ตี้

Connecting Pod 3 – 5 ห้องส่วนตัวขนาดเล็กสำหรับการทำงานหรือเรียนออนไลน์ที่ต้องการสมาธิ

Scene & Sound ห้องดูหนัง ฟังเพลง ช่วยผ่อนคลายหลังเหนื่อยล้าจากการเรียน การทำงาน

Social Live ตามเทรนด์การไลฟ์สดของคนในยุคปัจจุบัน

The Table พื้นที่นั่งผ่อนคลาย ชมวิวได้กว้างไกล

The Aqua สระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้า วิวเมือง

Fit Lab ห้องออกกำลังกายที่มีอุปกรณ์ครบครัน

Yoga Room เล่นโยคะพร้อมชมวิวเมืองรอบๆ ได้

พาชมห้องตัวอย่าง

วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันถึง 3 ห้องด้วยกัน โดยทุกยูนิตจะได้รับการติดตั้งพื้นที่ชั้นลอย ตามแบบมาตรฐานจากบริษัทภายนอก จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการตกแต่งพื้นที่ชั้นลอยเพิ่มเติม ซึ่งจุดเด่นของการออกแบบห้อง Hybrid เพดานสูง 4.3 เมตรนี้คือการใช้พื้นที่อย่างชาญฉลาดและลงตัว เช่น มีพื้นที่ Laundry & Storage สำหรับเก็บเครื่องซักผ้าใต้บันได, พื้นที่วางของในครัวที่เพิ่มขึ้น และการแยกโซนอาบน้ำกับโซนสุขภัณฑ์ในห้องน้ำออกจากกัน ทำให้แม้จะมีพื้นที่ใช้สอยเยอะ แต่ยังคงรักษาความรู้สึก โปร่งโล่ง ตามสไตล์ห้องเพดานสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทั้งหมดนี้คือข้อได้เปรียบที่คิดมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างแท้จริง

แบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตารางเมตร (นับเฉพาะพื้นที่ใช้สอยชั้นล่าง)

โดยชั้นล่างจะเป็นโซน service มีครัว ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ระเบียง ส่วนพื้นที่ชั้นลอยที่เชื่อมด้วยบันไดเดินขึ้นไปจะเป็นโซนห้องนอน ซึ่งฟังก์ชันหลักๆ จะเหมือนกันก็คือ เปิดประตูห้องเข้ามาเจอมุมครัวก่อน แล้วก็หันอีกข้างไปจะเจอห้องน้ำ เมื่อผ่านประตูบานเลื่อนครัวไปจะกลายเป็นโซน Living ที่ระเบิด Space กว้าง มองขึ้นไปเห็นเพดานสูง มีระเบียงพาดตลอดแนวของจุดรับแสงของห้อง หลังตกแต่งจะมีบันไดเดินขึ้นไปชั้นลอยห้องนอนที่มีประตูและกระจกกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว

เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องน้ำและส่วนที่เป็นครัว ภายในห้องอาบน้ำที่กั้นเป็นกระจกและฝักบัว 2 แบบ อ่างล้างหน้าแบบชิ้นเดียวกับเคาน์เตอร์กว้างวางของได้มากพร้อมกระจกบานใหญ่ โดยกระจกส่องหน้าบานใหญ่ทำให้ห้องน้ำดูกว้าง มีที่วางของและตู้เก็บของใต้ซิงค์อ่างล้างหน้า ที่วางของหลังชักโครกเป็นที่ซ่อนระบบกดน้ำชักโครก ซึ่งช่วยลดเสียงได้ มีโถสุขภัณฑ์แบบติดผนังลอยตัว พร้อมสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษชำระ มีธรณีและประตูกระจกแบบผลักแบ่งโซนเปียกโซนแห้ง

โครงการติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อน และมาพร้อมชุด Rain Shower แบบนี้

โซนครัวขนาดพอเหมาะ มีตู้เคาน์เตอร์ ตู้แขวน เตาไฟฟ้า ที่ดูดควันและชั้นวางไมโครเวฟ ตู้เคาน์เตอร์ครัวพร้อมอ่างล้างจานและตู้แขวนไว้เก็บของด้านบน ท็อปเคาน์เตอร์ครัวเป็นชิ้นเดียวยาวและมีส่วนกันเปื้อนที่ผนัง ให้เครื่องดูดควันและเตาไฟฟ้าจาก MEX มีตู้เก็บของด้านหน้าห้องสามารถเก็บร่มและของเล็กๆ น้อยๆ มุมมองจากประตูทางเข้าผ่านครัวจะเห็นหน้าต่างและกระจกใสสูงให้ห้องดูโล่ง

มีถังขยะแยกประเภทเอาไว้ให้ที่ใต้เคาท์เตอร์ครัว

เครื่องซักผ้าถูกออกแบบให้ซ่อนจัดเป็นโซนซักล้างโดยใช้พื้นที่ใต้บันได ตู้เก็บของใต้บันไดและที่ว่างเครื่องซักผ้าซ่อนไว้เป็นสัดส่วน และตู้เก็บของใต้บันไดมีช่องระบายอากาศ

มุมทีวีและตู้วางของ มุมมองจากโต๊ะกินข้าวมองไปยังทีวีที่แขวนติดไว้ที่ผนังตรงทางขึ้นบันได มุมห้องนั่งเล่นติดกับประตูออกระเบียงและกระจกใสบานสูง ทำให้ห้องดูโล่งโปร่ง พร้อมโซนรับประทานอาหารที่จัดโต๊ะขนาด 2 – 4 ที่นั่งได้

ระเบียงสามารถจัดมุมนั่งเล่นเล็กๆ ได้ ที่แขวน CDU แอร์นอกระเบียงซ่อนไว้ริมผนังไม่บังวิว

ฝั่งด้านหน้าโครงการถนนพระรามสี่จะได้วิวสวนสวยๆของสถานเสาวภา

บันไดขึ้นชั้นลอยห้องชั้นลอยมีหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่มองเห็นด้านล่างและทำให้ห้องดูโปร่ง เพดานสูงประมาณ 4.3 เมตร

ห้องนอนและเตียงนอน โซนโต๊ะทำงานและชั้นวางของอยู่ข้างเตียงหันหน้าออกทางกระจกใสมองเห็นวิวกว้าง และตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนใหญ่ในห้องนอน

แบบ 2 Bedroom ขนาด 32.5 ตารางเมตร (นับเฉพาะพื้นที่ใช้สอยชั้นล่าง)

ห้องนี้เน้นใช้งานจริง พื้นที่เยอะมาก มีห้องนอนมากถึงสองห้อง ไม่เน้นความเพดานสูงโปร่งอลังการแต่เน้นไปที่การใช้งานจริง โดยห้องแบบนี้ให้อารมณ์เหมือนบ้านทาวน์เฮาส์สไตล์คลาสสิคที่มีปล่องกลางบ้าน ดังนั้นห้องแบบนี้จึงให้อารมณ์อบอุ่น Homey เหมือนบ้าน

เข้ามาในห้องก็จะเจอกับห้องน้ำและครัว เหมือนกับห้องแรก โดยห้องน้ำแบ่งสองฝั่ง โซนสุขภัณฑ์และโซนอาบน้ำและมีประตูกระจกกั้นของใครของมัน ดังนั้นถ้าติดม่านหรือติดฟิล์มก็จะเหมือนได้ห้องน้ำแบ่งส่วน ใช้งานพร้อมกันได้ด้วย มีฝั่งโถชักโครก และฝั่งอาบน้ำ ส่วนตรงกลางเป็นโซนแห้ง มีอ่างล้างหน้าอยู่ตรงกลาง ติดตั้งโถสุขภัณฑ์ American Standard ให้

ถัดมาเป็นส่วนครัวที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ มีตู้เคาน์เตอร์ ตู้แขวน เตาไฟฟ้า ที่ดูดควันและชั้นวางไมโครเวฟ ตู้เคาน์เตอร์ครัวพร้อมอ่างล้างจานและตู้แขวนไว้เก็บของด้านบน ท็อปเคาน์เตอร์ครัวเป็นชิ้นเดียวยาวและมีส่วนกันเปื้อนที่ผนัง ให้เครื่องดูดควันและเตาไฟฟ้าจาก MEX เป็นครัวขนาดกะทัดรัด แต่ก็สามารถใช้ทำอาหารได้ทุกวัน

ติดกับฝั่งห้องน้ำเป็นโต๊ะรับประทานอาหารติดห้องซักล้างใต้บันได โต๊ะทานอาหารวางขนาด 2 – 4 ที่นั่งได้สบาย และห้องซักล้างมีประตูเปิด-ปิดเพื่อความสวยงามและเป็นระเบียบภายในห้อง

ห้องนั่งเล่นติดกับประตูกระจกเลื่อนบานใหญ่ทางออกระเบียง ช่วยให้แสงส่องผ่านห้องได้ตลอดทั้งวัน วางโซฟาขนาด 2 -3 ที่นั่งได้สบาย และมีระยะไกลจากชั้นวางทีวี ให้คุณนั่งอยู่มุมนี้ได้ทั้งวัน

ระเบียงด้านนอกมีที่แขวน CDU แอร์ซ่อนที่ระเบียง อยู่บริเวณชั้นล่างทั้งหมด ทำให้ไม่มีเสียงรบกวนเข้ามาบริเวณห้องนอนชั้นลอย มุมมองจากระเบียง เชื่อมต่อกันทั้งหมด เป็น Center ของบ้าน

ขึ้นมาดูกันที่ชั้นบน บันไดและทางเดินเชื่อมระหว่างสองห้องนอนที่อยู่บนชั้นลอย ทางเดินเข้าห้องนอนเหมือนสะพาน มองเห็นข้างล่างที่อยู่ระหว่างโต๊ะทานอาหารและห้องนั่งเล่นพอดี

ห้องนอน 2 อยู่ขวามือจากบันได สามารถปรับฟังก์ห้องให้เป็นห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์อย่างอื่นได้ โดยหัวเตียงของจริงได้ผนังฉาบเรียบทาสีขาว และมีที่วางโต๊ะทำงานปลายเตียง มองเห็นทางเดินไปอีกห้องนอน วิวชั้นล่างจากห้องนอน

ห้องนอนใหญ่อยู่อีกฝั่งมีกระจกใสบานใหญ่ให้รู้สึกโล่งโปร่ง สามารถมองเห็นอีกห้องนอนตรงข้ามได้ ห้องนอนใหญ่มีโซนตู้เสื้อผ้า จะออกแบบให้โปร่งแบบนี้ก็ได้ และวิวจากหน้าต่างที่มองทะลุทั้งสองห้อง

แบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 33 ตารางเมตร (นับเฉพาะพื้นที่ใช้สอยชั้นล่าง)

ห้องนี้มีความพิเศษมากเพราะเอาห้องแบบ 1 Bed Plus ใน Type B1 ขนาด 33 ตรม. มาทำ Minor Change ด้วยการปรับเลย์เอาท์ เพิ่มพื้นที่ใช้สอยของชั้นลอยให้มากขึ้นจนเพียงพอที่จะวางเตียงเพิ่มเป็น 2 ห้องนอนได้ ซึ่งเดิมห้อง Type B1 จะมีห้องเอนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาที่ชั้นลอย เหนือส่วนครัวปิดติดอากาศ ซึ่งถ้าดูจากขนาดพื้นที่แล้วก็น่าจะเหมาะกับการทำเป็นห้องทำงาน work from home หรือทำเป็นห้องเก็บของมากกว่าทำเป็นห้องนอนแบบจริงจังวางตู้เสื้อผ้าได้

แต่การทำ Minor Change แบบนี้เรียกได้ว่าเพิ่ม Value ของห้อง 1 Bed Plus ให้ขึ้นมาเทียบเท่ากับห้องแบบ 2 Bedroom เลยทได้ฟังก์ชันการใช้งานที่เยอะกว่า ครบคุ้มทุกตารางเมตรเลยนะ เพราได้ครัวปิดติดอากาศ ในแบบที่ห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom ก็ให้ไม่ได้ แถมพื้นที่หน้าห้องก็ยังกว้างเหลือๆพอที่จะจัดสรรให้เป็นตู้เก็บของ หรือตู้โชว์โมเดล ของสะสมสวยๆ ไว้อวดเพื่อนได้เลย เรียกได้ว่าใครชอบแบบห้องที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ต้องโดนใจกับห้อง One Bedroom Plus แบบนี้

เข้ามาในห้องก็เป็นส่วนของ Foyer ที่มีชั้นวางรองเท้าและสามารถ Built-in ชั้นวางของ หรือตู้โชว์ไว้บริเวณนี้ได้ ประตูติดตั้ง Digital Door Lock ให้ทุกห้อง

ห้องน้ำอยู่หน้าห้องเช่นกัน มีการแบ่งแยกห้องน้ำให้เป็นสัดส่วน โซนอาบน้ำและโซนสุขภัณฑ์ ง่ายต่อการใช้งาน

ถัดมาเป็นห้องนั่งเล่นที่อยู่ตรงกลางห้อง ติดกับช่อง Void ที่มองเห็นทางเดินและห้องนอนชั้นบนได้ เพดานสูง 4.3 เมตร วางโซฟา โต๊ะกาแฟ และชั้นวางทีวีแล้ว แต่ก็ยังมีพื้นที่ให้เดินผ่านได้สะดวก พร้อมห้องใต้บันไดที่เป็นพื้นที่ซักล้าง วางเครื่องซักผ้าไว้ด้านใน

ห้องนี้มีพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารเชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอกได้ โดยโต๊ะทานอาหารวางได้เต็มที่ 2- 3 ที่นั่ง

บริเวณระเบียงมีการแขวน CDU แอร์ไว้ด้านบน ทำให้ระเบียงมีพื้นที่สำหรับวางกระถางต้นไม้หรือเก้าอี้เล็กไว้สำหรับออกไปนั่งเล่นด้านนอกได้

ครัวห้องนี้เป็นแบบปิดติดอากาศ มีพื้นที่กว้าง สามารถเข้ามาทำอาหารด้านในพร้อมกันได้หลายคน และครัวแบบนี้ช่วยในเรื่องของการระบายกลิ่นอาหารให้ไม่เข้าไปรบกวนภายในห้องได้อีกด้วย

บันไดขึ้นชั้นบน

ด้านบนมีห้องนอน 2 ห้อง บริเวณหน้าห้องเป็นทางเดินที่สามารถเดินเชื่อมต่อหากันได้ มองเห็นข้างล่างที่เป็นห้องนั่งเล่นพอดี พร้อมช่องกระจกขนาดใหญ่ของห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ที่สามารถมองเห็นกันได้ และช่วยทำให้ห้องไม่มืด ไม่ดูอึดอัดเวลาที่อยู่ในห้องนอน

ห้องนอน 2 ที่สามารถปรับฟังก์ชันเป็นห้องต่างๆ ได้ตามต้องการ หรือหากใช้เป็นห้องนอนก็วางเตียงขนาดใหญ่ได้

ถัดมาเป็นห้องนอนใหญ่ มีช่องแสงขนาดใหญ่ถึง 2 ตำแหน่งด้วยกัน ทำให้ห้องดูสว่าง และโปร่งเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งภายในห้องที่มีพื้นกว้าง สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ และตู้เสื้อ Built-in ใหญ่บริเวณปลายเตียงได้

โดยช่องแขวน CDU แอร์ที่อยู่บริเวณระเบียงชั้นล่าง สูงขึ้นมาถึงห้องนอนชั้นบนตรงนี้

สรุปจุดเด่นโครงการ Culture Chula

ตั้งอยู่บนถนนใหญ่พระราม 4 – สุรวงศ์ ซึ่งเป็นทำเลที่ดินคอนโดมิเนียม Freehold เปิดขายใหม่ในรอบหลายปี ถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ Mixed Use ขนาดใหญ่แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ทั้ง Dusit Central Park และ ONE Bangkok ใกล้ BTS ศาลาแดงเพียง 290 เมตร* และเพียง 350 เมตร* จาก MRT สามย่าน ซึ่งเป็นระยะที่เดินเข้าถึงได้ง่ายทั้งหมด เป็นทำเลที่มีดีมานด์ทั้งเช่าและซื้อ หมุนเวียนอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มนักศึกและบุคลากรทางมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งยังเป็นคอนโดแห่งแรกในไทยที่ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก Scratch First ในการริเริ่มคิดพัฒนาโมเดลการอยู่อาศัยใหม่ให้เป็น Sustainable Community ที่สำคัญคือมาพร้อมการบริการระดับมาตรฐานโดยแบรนด์ระดับโลก The Ascott Limited เสมือนได้ Service จากโรงแรมหรูในทุกวัน

รูปแบบห้องเป็นแบบไฮบริด มีเพดานสูง 4.3 เมตรทุกยูนิตทั้งโครงการ โดยจะมีการตกแต่งพิเศษเพื่อเน้นพื้นที่ใช้สอย ภายในห้องที่มากกว่าห้อง Hybrid เพดานสูงทั่วไป มี type ห้องให้เลือกเยอะมากตั้งแต่ 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน และ 3 ห้องนอน ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่ของคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองในยุคปัจจุบันที่คนมักนิยมอยู่อาศัยบนคอนโดใจกลางเมืองแบบจริงจัง อีกหนึ่งจุดเด่นที่ตอบโจทย์มากคือออกแบบให้ชั้นลอยมีพื้นที่ห้องน้ำด้วยเฉพาะผู้ที่ซื้อ type 2 Bedroom 2 Bathroom ขึ้นไป

อุดมด้วยพื้นที่ส่วนกลาง และพิเศษตรงที่โซน Fit Lab  และ Think tank room, Connecting pod ที่มีอุปกรณ์ให้ทำงาน หรือต่อยอดธุรกิจออนไลน์ได้ครบครัน ทั้ง Video Call Booth และ Socialive จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงใช้ได้ทุกวันทุกเวลาแบบไม่ต้องรอเวลาเปิดปิด

Culture Chula โดดเด่นด้วยการเป็นคอนโด Freehold ที่เหลือเพียงไม่กี่แห่งในย่านนี้แล้ว ค่อนข้างมี Value ในอนาคต เพราะโครงการส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก็จะเป็นคอนโดแบบ Leasehold กันหมดแล้ว ซึ่งตำแหน่งโครงการยังใกล้จุฬาในระยะเดินได้ มีกลุ่มลูกค้าปล่อยเช่าที่ชัดเจนสำหรับนักลงทุน ทั้งนักศึกษาจุฬาฯ และกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ในโซนสาทร สีลม รวมไปถึงบุคคลากร และผู้ที่ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ (ซึ่งเรทราคาค่าเช่าสำหรับห้องขนาด 1 ห้องนอน เฉลี่ยก็อยู่ที่ประมาณ 35,000 – 45,000  บาทต่อเดือน และสำหรับห้องแบบ 2 ห้องนอน สามารถทำค่าเช่าได้ถึง 42,000 – 60,000 บาทต่อเดือน  – อ้างอิงจาก IDEO, Ashton Chula-Samyan) โดยคาดว่าจะสามารถสร้าง Rental Yield ต่อปีได้ประมาณ 5% โดยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 7.9 ล้านบาท*

Culture Chula คอนโด Freehold ใจกลางจุฬา ให้คุณเป็นเจ้าของได้อย่างแท้จริง

เริ่มต้นวันใหม่ ในย่านที่เต็มไปด้วยพลังของไอเดีย

สามย่าน – จุฬา แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

ลงทะเบียนนัดหมายเยี่ยมชมโครงการ คลิก > https://anan.ly/47RvOzd

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

#คอนโดใกล้รถไฟฟ้าพร้อมอยู่ #คอนโดใจกลางเมือง

#ครบเพื่อชีวิตคนเมือง #AnandaAll

#CultureChula #AnandaDevelopment #UrbanLivingSolutions