ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้นับว่าเป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดสำหรับตลาดคอนโดกลุ่ม Super Luxury ที่มีระดับราคาเฉลี่ยเกิน ตร.ม. ละสามแสนบาท ไม่ว่าจะหันไปมองทางไหนของใจกลางเมือง เราก็มักจะพบคอนโดที่มีระดับราคานี้อยู่เต็มไปหมด ถ้าเป็นสมัยก่อนคอนโดในกลุ่มเซกเมนท์นี้ นานๆ ถึงจะมีการเปิดตัวสักหนึ่งโครงการ เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อมีจำนวนที่จำกัด รวมถึงการพัฒนาโครงการให้มีจุดดึงดูดเพียงพอที่จะตรงใจกลุ่มผู้ซื้อโครงการในระดับราคานี้ได้ ลำพังแค่การตั้งอยู่บนสุดยอดทำเลศักยภาพ และการเลือกใช้วัสดุแบรนด์ดังระดับโลกคงไม่เพียงพอ แต่ต้องผสานไปด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายๆ อย่าง ซึ่งดีเวลลอปเปอร์ต้องมองให้รอบด้าน ทั้งเรื่องสภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ Supply ในอนาคต ความเป็นส่วนตัว การเดินทางที่สะดวก ดีไซน์ที่โดดเด่น และ Emotional Benefits ที่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า เนื่องจากลูกค้าที่มีกำลังซื้อคอนโดในเซกเมนต์นี้ มักจะเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีศักยภาพสูง ชอบสะสมสินค้าที่สามารถสะท้อนถึงสถานะทางสังคมขั้นสูงสุด และยังมองไกลถึงอนาคตข้างหน้าว่าการซื้อคอนโดบน Super Prime Area ใกล้รถไฟฟ้า ในย่านที่ไม่น่าจะมีโครงการแบบ Freehold เกิดขึ้นมาได้ง่ายๆ คือการลงทุนที่พร้อมทวีมูลค่าสูงขึ้นอีกมากเมื่อเวลาผ่านพ้นไป

สำหรับในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน ทำเลที่มีคอนโดระดับราคาเฉลี่ย ตร.ม. ละ 300,000 บาทขึ้นไป ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในย่านวิทยุ, หลังสวน, ทองหล่อ และริมแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากเป็นทำเลที่พร้อมไปด้วยสาธารณูปโภคในระดับ Worldwide Attraction ทั้งห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล สถานศึกษา สวนสาธารณะขนาดใหญ่ และสถานที่สำคัญอื่นๆ ซึ่งทำเลเหล่านี้ล้วนแต่เป็นที่ยอมรับในหมู่ชาวต่างชาติที่เคยมาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ในด้านไลฟ์สไตล์อันเหนือระดับมาอย่างยาวนาน

คลิกเพื่ออ่านบทความ ส่องตลาดคอนโดในกลุ่ม SUPER LUXURY

อย่างไรก็ตามด้วยสาเหตุที่คอนโดระดับ Super Luxury มีการเปิดตัวกันมากขึ้น จนเรียกได้ว่าหาซื้อกันง่ายกว่าคอนโดในระดับ Mid-Level โดยที่องค์ประกอบอะไรหลายๆ อย่างก็ดูคล้ายคลึงกันไปหมด การเลือกคอนโดที่มีความเป็น Best In Class เหมาะสมที่จะถือครองในระยะยาวมากที่สุด ก็ดูจะเป็นเรื่องยาก เพราะด้วยแหล่งเงินทุน และ Know How ในการก่อสร้าง และออกแบบพัฒนาดูจะไม่ใช่ปัญหาหลักของ Developer รายใหญ่ๆ อีกทั้งกลุ่มผู้ซื้อคอนโดในระดับนี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นการซื้อเป็นทรัพย์สิน และถือเก็บในระยะยาว ทั้งยังซื้อแบบเงินสด เพื่อส่งต่อให้กับลูกหลาน ปล่อยให้เวลาสร้างมูลค่าที่สูงขึ้นในอนาคต การเข้าซื้อเพื่อลงทุนปล่อยขายทำกำไรระยะสั้นจึงไม่ค่อยเกิดขึ้น

เมื่อมองถึงวัตถุประสงค์ของคนซื้อที่ต้องการจะอยู่เอง ทำให้การพัฒนาโครงการที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัว จำนวนยูนิตน้อยๆ ใส่ใจในดีเทลและการลงรายละเอียด ก่อสร้างแบบประณีตพิถีพิถัน ตามสไตล์ Developer ขนาดกลางผู้เชี่ยวชาญตลาด Luxury ที่ไม่เน้นเปิดโครงการเยอะๆ โดยลืมคุณภาพการก่อสร้าง บนทำเลที่ยากจะหาคู่แข่งมาเปรียบเทียบ ดูจะเป็นการเลือกซื้อที่ชาญฉลาดที่สุด

ชิดลม – ต้นสน Super Prime Area ใกล้รถไฟฟ้า และสวนลุมพินี ท่ามกลางคอนโด Leasehold

ถ้าพูดถึงทำเลที่มักจะทำสถิติราคาขายที่ดินที่แพงที่สุด และมีศักยภาพเพียงพอสำหรับการพัฒนาคอนโดในกลุ่ม Super Luxury ก็คงจะหนีไม่พ้นบริเวณย่าน Central Lumpini ที่รวมพื้นที่อย่างโดยรอบสวนลุมพินีอย่าง วิทยุ หลังสวน เพลินจิต ชิดลม เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งในอดีตนั้นทำเลซอยต้นสนคนอาจจะมองว่าเป็นทำเลรองจากหลังสวน หรือชิดลมเนื่องจากเป็นซอยย่อย ถนนมีขนาดเล็ก และเป็นซอยตัน แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องบริบทของทำเลของซอยต้นสน ที่สามารถทะลุออกไปยังถนนสารสิน ต่อเนื่องไปสวนลุมพินีได้ง่าย เดินออกมาชิดลม เพลินจิต ขึ้นรถไฟฟ้าได้สะดวก มีความร่มรื่นเป็นทุนเดิมและรถสวนเลนกันได้ จึงทำให้ซอยต้นสนกุมความได้เปรียบหลายๆ อย่าง เพียงแค่การเดินไม่กี่นาที ใกล้แหล่งช้อปปิ้งระดับโลกขนาดใหญ่หลายแห่ง เดินทางเชื่อมต่อไปยังย่าน CBD สำคัญได้หลายเส้นทาง และที่สำคัญที่สุดคือเป็นย่านที่แทบจะไม่สามารถหาที่ดินแบบ Freehold เพื่อพัฒนาโครงการคอนโด High Rise ได้อีก โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ Leasehold ของโครงการสินทร วิลเลจ และยังรายล้อมด้วย Mega Project ระดับโลกมากมาย โดยเฉพาะโครงการ Mixed use อย่าง One City Centre, Dusit Central Park และ One Bangkok ที่เป็นโครงการ Mixed Use ที่มีมูลค่าโครงการสูงที่สุดในประเทศไทย

จากศักยภาพของทำเลที่ถูกเติมเต็มให้มากขึ้นเรื่อยๆ จึงอาจกล่าวได้ว่าหากใครมีงบสักประมาณในการซื้อคอนโดในระดับราคา 20-35 ล้านบาท ทำเลชิดลม-ต้นสนนี้ดูจะเป็น Rare Item ของจริง มีมูลค่ามากที่สุด ถ้าเทียบกับทำเลกลางเมืองอื่นๆ เพราะทำเลชิดลม-ต้นสนเป็นทำเลที่ยากจะหาใครเลียนแบบ และมี Supply ในอนาคตที่น้อยมาก ต่างกับช่วง Mid Sukhumvit และ Sathorn

Tonson One Residence ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคอนโดระดับราคา 20-35 ลบ.

โครงการ Tonson One Residence (ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์) คือโครงการ Super Luxury Condo แบบ Freehold เปิดใหม่ล่าสุด บนที่ดินที่ถูกหมายปองจากดีเวลอปเปอร์หลายราย แต่กลับเป็น บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด ที่ประสบความสำเร็จในการคว้าที่ดินผืนงามแห่งนี้ เพื่อนำมาพัฒนาสุดยอด Super Luxury Condo ที่พร้อมจะสร้างประสบการณ์ของความหรูหราที่มากกว่าโครงการอื่นใดในย่านนี้ โดยมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “A CLASS OF ONE’S OWN” ถือว่าเป็นโครงการ Super Luxury Freehold แห่งเดียวในย่านที่ใกล้ทั้ง 2 สถานีรถไฟฟ้าคือชิดลม และเพลินจิต และยังเดินทางเข้าออกด้วยรถยนต์ที่ง่ายกว่าบนถนนวิทยุ เพลินจิต และชิดลม

ดังที่กล่าวไปแล้วว่าโครงการ Super Luxury Condo ในกรุงเทพฯนั้นมีอยู่มากมาย แต่หากพิจารณาจากปัจจัยในเรื่องของศักยภาพทำเล ควบคู่ไปกับดีเทลของวัสดุ ความเอาใจใส่ในการลงรายละเอียดของการพัฒนาโครงการ และความเป็นส่วนตัว ก็ดูเหมือนว่าโครงการ Tonson One Residence น่าจะเป็นคอนโดที่มอบความคุ้มค่า น่าลงทุนเก็บไว้ระยะยาวมากกว่าที่อื่นๆ สำหรับกลุ่มตลาดคอนโดที่มีราคาเริ่มต้นที่ 20 ล้านบาท

สำหรับโครงการที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนมีงบประมาณ 20 ล้านบาทขึ้นไป เมื่อดูจากขนาดของห้องแล้วนำมาคำนวณกับราคาก็คุ้มกับการถือครองในระยะยาว โดยแบบ 1 ห้องนอน ส่วนใหญ่ก็มีขนาด 50 ตร.ม. ขึ้นไป และมีราคาเริ่มต้นที่เฉียด 20 ล้านบาท แต่โครงการ Tonson One Residence มีขนาดเริ่มต้นที่ 57 ตรม.และขายในราคาเริ่มต้นแค่ 20 ล้านบาท ถูกกว่า Super Luxury Condo ในย่านเดียวกัน รวมถึงย่าน Mid Sukhumvit

เช่นเดียวกับห้องแบบ 2 ห้องนอน ที่หากคุณมีเงินราวๆ 32 – 35 ล้านบาท คุณจะได้ห้องไม่ถึง 100 ตรม. สำหรับที่โครงการอื่นๆ แต่สามารถซื้อห้อง 2 ห้องนอนขนาด 108 ตรม.ที่ Tonson One Residence ได้ในงบประมาณเดียวกัน ที่สำคัญคือความ Prime และ Value ของทำเลดูจะมีความได้เปรียบที่คุ้มค่ากับการซื้อมากกว่า

เมื่อรู้ว่าโครงการดูจะคุ้มค่า น่าลงทุนซื้อเก็บไว้ขนาดนี้ ทางทีมงานจึงพามาชมพื้นที่โดยรอบโครงการ Tonson One Residence กันว่าจะเป็นทำเลที่มีความน่าอยู่ขนาดไหน รวมไปถึงความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง หรือร้านอาหารที่อยู่โดยรอบของลูกบ้านจะเป็นอย่างไรเมื่อเข้ามาอยู่ในโครงการฯ

อย่างที่บอกว่าโครงการ Tonson One Residence อยู่ใกล้กับโครงการรถไฟฟ้า BTS ถึง 2 สถานี คือสถานีชิดลม 300 เมตร และสถานีเพลินจิต 350 เมตร สามารถใช้การเดินเท้าเข้า-ออกจากซอยไป BTS ได้ใกล้ๆ เราปักหมุดตรงโรงเรียนนานาชาติข้างๆ โครงการก่อน เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้กับโครงการมากที่สุด ซึ่งเราจะได้เห็นความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ของโรงเรียนอีกด้วย

ครั้งนี้เราจะมาจากทางบีทีเอสเพลินจิตแล้วเดินเข้าไปที่โครงการกัน

ลงจากบีทีเอสก็เดินไปที่ทางออก 5 ได้เลย

ออกจากช่องสอดบัตรบีทีเอสก็จะเจอโรงแรมดิโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพ อยู่ซ้ายมือ

ส่วนขวามือจะเป็น Central Embassy และอาคาร Wave Place

แยกวิทยุ-เพลินจิต ข้างเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่สามารถเชื่อมต่อไปยังประตูน้ำและถนนเพชรบุรีได้

โครงการ Tonson One Residence อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ สามารถเดินลงสะพานลอยตรงแยกวิทยุ-เพลินจิตได้ เพราะสกายวอล์คสิ้นสุดแค่หน้าห้างฯ เท่านั้น

ลงจากสะพานลอยก็จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้างฯ

มีโครงการ One City Centre ของไรมอนแลนด์กำลังพัฒนาในย่านนี้ด้วย

เดินเลียบฟุตบาทไปทางบีทีเอสชิดลม

เพียงไม่กี่ก้าวก็จะเจอกับอาคาร Tonson Tower

ซอยต้นสนอยู่ติดกับอาคารต้นสน ทาวเวอร์ และเพลินจิต ทาวเวอร์

มีสถานทูตเนเธอร์แลนด์อยู่ในซอย

ยืนอยู่หน้าซอยต้นสนก็มองเห็นเซ็นทรัลชิดลมที่อยู่เพียงฝั่งตรงข้ามเท่านั้น

บรรยากาศภายในซอยต้นสนนั้นมีความร่มรื่น เนื่องจากมีต้นไม้ใหญ่รายล้อมอยู่เต็มสองข้างทาง พร้อมคลองระบายน้ำสาธารณะ มีถนนไป-กลับอย่างละเลน

มีซุ้มขายอาหารอยู่ปากซอย ช่วงพักเที่ยงน่าจะมีพนักงานออฟฟิศที่ทำงานอยู่แถวนี้มากินกันเยอะ

ซอยต้นสนถือได้ว่าเป็นซอยที่มีความร่มรื่นและมองแล้วสบายตามากที่สุด

เข้าซอยมาไม่ไกลก็จะเห็นโรงเรียนนานาชาติ Mulberry House ที่สอนในระดับชั้นอนุบาล 1-2

ติดกับโรงเรียนนานาชาติก็เป็นที่ตั้งโครงการ Tonson One Residence

ด้านหน้าของโครงการตอนนี้มีการติดป้ายโครงการแล้ว ตอนนี้โครงการอยู่ระหว่างการทำเรื่องขออนุญาตสะพานเพื่อเชื่อมกับซอยต้นสน

มีสถานทูตเนเธอร์แลนด์ และอพาร์ตเมนต์ PIYA PLACE อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโครงการ และใน PIYA PLACE นี้มีร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดัง Gianni Bangkok อยู่ด้วย

เลยจากหน้าโครงการเข้าไปในซอย สามารถทะลุออกไปยังสวนลุมพินีและรถไฟฟ้าใต้ดิน, บีทีเอส ได้อีกหลายสถานี เป็นซอยที่มีการเดินทางที่สะดวกเพราะอยู่ในย่านใจกลางเมืองอย่างเพลินจิต, ชิดลม และตัดออกยังไปฝั่งพระรามสี่ – สาทร – สีลมได้อีกด้วย

ฝั่งปากซอยต้นสน

รายละเอียดโครงการ Tonson One Residence

โครงการ Tonson One Residence เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Hi-Rise สูง 29 ชั้น บนพื้นที่ขนาดประมาณ 0-3-85.3 ไร่ ที่มาพร้อมความ Private สุดๆ กับจำนวนยูนิตที่น้อยเหมือนกับคอนโด Low Rise เพียงแค่ 80 ยูนิต และมียูนิตสูงสุดเพียงแค่ชั้นละ 4 ยูนิตเท่านั้น ทำให้ทุกยูนิตเป็นห้องหัวมุมทั้งหมด พร้อม Private Lift ทุกห้อง ถึงแม้ขนาดที่ดินของโครงการจะน้อย แต่ก็สามารถจอดรถได้ทั้งหมดถึง 115 คัน คิดเป็น 146% เยอะกว่าจำนวนยูนิตในโครงการฯ มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,900 ล้านบาท

ไม่เพียงเท่านั้น พื้นที่โดยรอบโครงการ Tonson One Residence ยังถูกไปรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่ง เรียกได้ว่าเป็นทำเลศักยภาพที่แท้จริง

Central Chidlom                  230 ม.

Central Embassy                 300 ม.

โรงเรียนมาร์แตเดอี                400 ม.

Central World                       750 ม.

Siam Paragon                      1.5 กม.

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์       1.5 กม.

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย     2.5 กม.

และที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ โครงการ Tonson One Residence ได้รับการออกแบบโดยบริษัทออกแบบชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในระดับชาติ ถึง 3 บริษัท ด้วยกัน คือ A49 ออกแบบในส่วนของงานสถาปัตยกรรม ในคอนเซปท์ Modern Timeless & Sophisticated, PIA ดูแลในส่วนของอินทีเรียและพื้นที่ส่วนกลาง และ Shma ดูแลในส่วนสวนของพื้นที่ส่วนกลางที่มีพื้นที่สีเขียวรายล้อม

รวมถึงความเอาใจใส่ในการพัฒนาและก่อสร้างจากความตั้งใจของ Developer ขนาดกลางแต่เชี่ยวชาญเรื่องตลาด Luxury โดยมีบทพิสูจน์จากโครงการระดับ Luxury ที่ทางบริษัทฯ ได้พัฒนามาแล้วอย่าง โครงการ Vana Residence บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ในระดับ Luxury Class ออกแบบด้วยคอนเซปต์ Timeless design และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ เริ่มตั้งแต่ 400 ตร.ม. ขนาด 3 ชั้น อยู่ได้หลาย Generation

VANA Residence

และยังเป็นทีมงานที่ร่วมพัฒนากลุ่มโครงการ Quarter รวมถึงโครงการ Quarter Sukhumvit 31 โครงการทาวน์โฮมขนาด 3.5 ชั้น ระดับ SUPER LUXURY CLASS จำนวนเพียง 20 ยูนิต และอยู่ใจกลางเมืองอย่างสุขุมวิท 31 และราคาเริ่มต้น 44.9 ล้านบาท

Quarter31

เจาะลึกรายละเอียด Floor Plan และ Unit Plan โครงการ Tonson One Residence

อย่างที่ได้บอกถึงรายละเอียดไปตั้งแต่ข้างต้นแล้วว่า ภายในโครงการมีจำนวนยูนิตเพียงแค่ 80 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งผู้อยู่อาศัยก็จะรู้สึกได้ถึงความเป็นส่วนตัวมากที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าด้วยจำนวนยูนิตที่น้อยแล้วจะมีรูปแบบของห้องน้อยตามไปด้วย เพราะที่นี่มีห้องให้ผู้ที่สนใจอยากจับจองได้เลือกถึง 5 Types ด้วยกัน คือ ห้องแบบ 1 Bedroom, ห้องแบบ 2 Bedroom, ห้องแบบ 3 Bedroom รวมถึงห้องแบบ Penthouse และ Duplex Penthouse อีกทั้งพื้นที่ส่วนกลางที่ถูกจัดเต็มไว้สำหรับผู้อยู่อาศัยทั้ง 80 ยูนิต

และที่จอดรถใต้ดินมากถึง 146% พร้อมขนาดช่องจอดใหญ่พิเศษ สามารถรองรับรถซูเปอร์คาร์และรถตู้ได้

ชั้น G จะเป็นในส่วนของ Lobby Lounge ทั้งหมด ทางเข้าโครงการจะอยู่ฝั่งซอยต้นสน ซึ่งจะมีการสร้างสะพานข้ามคลองเพื่อเข้าไปในโครงการ ดูจาก Floor Plan ก็จะเห็นต้นไม้รอบโครงการ

ชั้น 2 จะเป็นส่วนของที่พักอาศัย และมีเพียงแค่ 3 ยูนิตเท่านั้น มีห้อง 2 Bedroom ขนาด 108 ตร.ม. คั่นกลางห้อง 1 Bedroom ทั้งสองห้อง ซึ่งทุกห้องจะเป็นห้องมุมทั้งหมดและได้วิวด้านนอกที่แตกต่างกันไป และสุขภัณฑ์ก็จะได้เป็น TOTO เกือบทั้งหมด กระจกภายในห้องเป็นลามิเนตสะท้อนแสง 6 + 6 มม. ทุกห้องมี Private Lift ที่มีพื้นที่ Foyer ส่วนตัวก่อนเข้าบริเวณโถง Living ให้ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูงสุด

Unit Plan 1 Bedroom (34 Units)

โดยห้องแบบ 1 Bedroom มีทั้งหมด 3 ขนาดด้วยกันคือ Type A ขนาด 66 ตร.ม. เป็นแบบ 1 ห้องนอน ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่าคอนโดอื่นในเซกเมนท์เดียวกัน แถมโซน Living Room ก็กว้างมาก และได้กระจกยาวต่อเนื่องเข้ามุมทุกห้อง

Type B ขนาด 57 ตร.ม.

และ Type C ขนาด 74.5 ตร.ม.

และตั้งแต่ชั้น 3-19 ก็เป็นส่วนของที่พักอาศัย แต่จะมีชั้นละ 4 ยูนิต คละกันทั้ง 1 Bedroom และ 2 Bedroom ซึ่งห้องแบบ 2 Bedroom ก็เริ่มต้นที่ 108 ตร.ม. ขึ้นไป สามารถกั้นห้องเพิ่มเป็น 3 ห้องนอนก็ยังได้

Unit Plan 2 Bedroom (33 Units) อยู่ทางฝั่งทิศเหนือของโครงการตั้งแต่ชั้น 2 – 19

Type A ขนาด 108 ตร.ม.

Type B 117.5 ตร.ม.

มาถึงชั้น 20-21 ที่มีห้องแบบ 3 Bedroom ซึ่งห้องมีขนาดใหญ่มาก ทั้งชั้นมีเพียง 2 ยูนิต มีด้วยกัน 2 ชั้น ก็แสดงว่าแบบ 3 ห้องนอน ทั้งโครงการมีแค่ 4 ยูนิตเท่านั้น

Unit Plan 3 Bedroom (4 Units)

Type A ขนาด 174 ตร.ม. และ Type B ขนาด 174.5 ตร.ม. ต่างกันแค่ 0.5 ตร.ม. เท่านั้น มี 3 ห้องน้ำ และได้อ่างอาบน้ำถึง 2 ห้อง

Type B ขนาด 174.5 ตร.ม.

ส่วน Facilities ที่พร้อมอำนวยความสะดวกต่อผู้อยู่อาศัยและตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ก็จะอยู่บนชั้น Ground และชั้น 22 เช่น บริการผู้ช่วยส่วนตัว (Concierge Service), ห้องรับรองและห้องประชุม (Lobby Lounge & Business Lounge), ห้องจัดเลี้ยงและครัวอเนกประสงค์สำหรับจัดปาร์ตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟ, สระว่ายน้ำระบบน้ำอุ่น, Jacuzzi, ฟิตเนสพร้อมห้องบริการเทรนเนอร์ส่วนตัว

สระว่ายน้ำระบบน้ำอุ่น ความยาว 25 เมตร

บนชั้น 23-25 มีห้อง Penthouse ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะและทั้งโครงการมีทั้งหมด 3 ยูนิต ทั้ง Floor มีแค่ยูนิตเดียวเท่านั้น ให้ความเป็นส่วนตัวสุดๆ สามารถเทควิวได้รอบด้าน และห้องกว้างสามารถอยู่ 4-5 คน ได้อย่างสบาย ส่วน Living / Master Bedroom

Unit Plan Penthouse (3 Units)

Penthouse ขนาด 255 ตร.ม.

ความพิเศษอีกหนึ่งอย่างที่จะได้พบในโครงการ Tonson One Residence ก็คือ ห้องแบบ Duplex Penthouse ซึ่งเป็นห้องใหญ่ที่สุดมีขนาด 300-387.5 ตร.ม. ที่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของโครงการตั้งแต่ชั้น 26-29 ความว้าวของห้องนี้ก็คือ 1 ยูนิต จะได้พื้นที่เต็ม 2 ชั้น ในแบบ Duplex แท้ๆ ใช้สอยได้เต็มพื้นที่

โดย Type A ขนาด 300 ตร.ม. อยู่ที่ชั้น 28-29 และ Type B ขนาด 387.5 ตร.ม. อยู่ที่ชั้น 26-27 โดดเด่นด้วยสระว่ายน้ำส่วนตัว สามารถอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ได้เลย หรือชวนเพื่อนมาปาร์ตี้ได้สบายๆ เป็นห้องที่วิวสวยที่สุดของโครงการ

Unit Plan Duplex Penthouse (2 Units)

Type A ขนาด 300 ตร.ม.

ชั้น 2

Type B ขนาด 387.5 ตร.ม.

ชั้น 2

โครงการ Tonson One Residence น่าจะเป็นเพียงไม่กี่โครงการในปีนี้ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ซื้อในระดับ HNWI (High Net Worth Individual บุคคลที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูง มีความมั่งคั่งจากเงินสด เงินลงทุน หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ซึ่งไม่นับรวมที่อยู่อาศัยและของสะสมต่างๆ โดยต้องมีมูลค่าทรัพย์สินเกิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกิน 35 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี จากรายงานของ World Wealth Report 2017 ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ให้ความสำคัญในการซื้อโครงการที่อยู่อาศัยในราคามากกว่า 20 ล้านบาท ในทำเลที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี มีความเป็นส่วนตัว มีความสะดวกในการเดินทาง) ทั้งที่เป็นชาวไทยและต่างชาติ เนื่องจากเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ยากจะหาคอนโด Freehold ที่มอบความเป็นส่วนตัวในระดับนี้ได้ อีกทั้ง Line up ในการเปิดตัวโครงการระดับ Super Luxury ในอนาคตก็มีแนวโน้มที่จะมีราคาขายที่มากกว่าตารางเมตรละสามแสนห้าขึ้นไป หากใครมองหาโครงการคอนโดที่สามารถจะซื้อเก็บเป็นสินทรัพย์ระยะยาว และเชื่อใจได้ว่าจะมีราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าที่อื่นเมื่อเวลาผ่านพ้นไป ที่นี่น่าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มที่สุดสำหรับตลาดคอนโดในเซกเมนท์นี้

โครงการ Tonson One Residence จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างเดือนตุลาคม ปี 2562 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม ปี 2566 เตรียมพบกับงาน Pre-sales ในวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2562 ณ โรงแรม Park Hyatt Bangkok ชั้น 9 ห้อง The Apartment สำหรับผู้สนใจสามารถลงทะเบียนรับข้อมูลและโปรโมชั่นพิเศษล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ http://tonsonone.com/  หรือโทร 091-979-6161