ผลกระทบของ COVID-19 นำคนทั่วโลกมาสู่โหมดการใช้ชีวิตในแบบ Next Normal (ความปกติแบบใหม่) ซึ่งเทรนด์นี้จะทำให้คนทั่วโลกตระหนักได้ถึงการดูแลรักษาสุขภาพของตนเองมาเป็นอันดับแรกรวมถึงการรักษาระยะห่างทั้งจากคนและสิ่งของต่างๆ เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากความเสี่ยงในด้านสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้นต่อตนเองและผู้อื่น และยังเกิดเป็นการทำงานแบบ Work From Home ที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหากบริษัทส่วนใหญ่มองเห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการในงานในแบบที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศและไม่เกิดผลกระทบกับงานที่ได้รับมอบหมาย ก็จะทำให้เทรนด์การทำงานในรูปแบบนี้ถูกนำมาใช้ไปตลอดอีกด้วย จากผลลัพธ์ดังกล่าวทำให้ปัจจุบันมีดีเวลลอปเปอร์หลายรายที่ได้มองเห็นถึงความสำคัญในการปรับรูปแบบพัฒนาโครงการให้สอดรับกับเทรนด์ดังกล่าว โดยเฉพาะในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียม เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมที่มีจำนวนยูนิตค่อนข้างมากนั้น ลูกบ้านต้องใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกันหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ Lobby, Fitness Co-Working Space หรือแม้กระทั่งลิฟท์ ก็มีคนเข้า-ออก อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นคอนโดมิเนียมหลายโครงการจึงคิดวิธีจัดสรรพื้นที่ต้องใช้ร่วมกันรูปแบบใหม่เพื่อให้ลูกบ้านได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกได้อย่างครบครันและมีความปลอดภัยต่อสุขภาพมากที่สุด

เช่นเดียวกับ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) ที่ได้มองเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการอัพเกรดโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ตลอดจนยกระดับรูปแบบการพัฒนาสำหรับโครงการใหม่ให้เป็นไปตามความต้องการของผู้บริโภค ที่ล้วนแต่มองหาโครงการคอนโดที่มอบคุณภาพในการอยู่อาศัยที่ดีแบบยั่งยืนได้ จึงได้เปิดตัวคอนเซปต์ใหม่ที่มีชื่อว่า “The Future of Longevity Design” แนวคิดใหม่ในการออกแบบพื้นที่และการบริหารจัดการเพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันในวิถีใหม่อย่างยั่งยืน ให้กับโครงการพร้อมอยู่ใหม่ล่าสุดจากทางเอพี คือ LIFE Asoke – Rama 9 (ไลฟ์ อโศก – พระราม 9) เป็นที่แรก ซึ่งนับว่าเป็นการบริหารพื้นที่ส่วนกลางใหญ่คอนโดที่สุดในย่านพระราม 9 บนขนาดพื้นที่ดินกว่า 7.5 ไร่ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านได้มากที่สุดในชั่วโมงนี้

โดยคอนเซปต์ The Future of Longevity Design นั่นมาจาก 3 Keywords ใหม่ที่ทางเอพี ได้ค้นพบจากการศึกษาหาอินไซต์ของคนเมืองในมุมของการอยู่อาศัยร่วมกันกับวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งพบ 3 ประเด็นที่คนให้ความสำคัญ คือ Density การจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการกับปริมาณการเข้าใช้งานในสเปซนั้นๆ โดยมีโจทย์คือสร้างพื้นที่ส่วนบุคคลที่กว้างขึ้น Health ดูแลสุขภาพตัวเองและคนรอบข้าง และปรับตัวตาม Technology จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยของคุณให้ง่ายขึ้น ซึ่งทั้งหมดถือเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกบ้านของเอพี และทำให้สามารถใช้ชีวิตช่วงระหว่างและหลังวิกฤติได้อย่าง ปลอดภัย และมีความสุข โดยไม่สร้างภาระการดูแลและค่าใช้จ่ายในอนาคตอีกด้วย

Life Asoke-Rama  9 ไฮเอนด์คอนโดที่สุดของราคาคุ้มค่า พร้อมพื้นที่ส่วนแบบจัดเต็มกว่า 7.5 ไร่

Life Asoke-Rama 9 เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างเอพีและพันธมิตรญี่ปุ่น มิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ เดินทางสะดวกเพียง 300 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพระราม 9 แวดล้อมด้วย ศูนย์การค้าชั้นนำมากมายตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 8 ไร่ ประกอบด้วย อาคารคอนโดมิเนียม High-rise 1 อาคาร มีจำนวนยูนิตพักอาศัย 2,248 ยูนิต แต่แบ่งเป็น 2 Tower (Tower A สูง 42 ชั้น และ Tower B สูง 46 ชั้น) การออกแบบอาคารต่างไปจากโครงการอื่นๆ โดยออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนกลางเล่นระดับขนาดใหญ่บนชั้นดาดฟ้าที่เปิดรับทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ได้ถึง 2 ฝั่ง ทั้งฝั่ง Green Scene ของมักกะสัน และฝั่ง City Scene พระราม 9 ทำให้ Life Asoke-Rama  9 เป็นคอนโดมิเนียมในแยกพระราม 9 ที่เปิดรับวิวดีที่สุดเหนือกว่าเพื่อนบ้าน โดยพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดมีขนาดใหญ่กว่า 7.5 ไร่ มาพร้อมห้องให้เลือกหลายแบบ เช่น Studio ขนาด 25-27.5 ตารางเมตร, 1 Bedroom ขนาด 32 ตารางเมตร, 1 Bedroom plus ขนาด 35-40 ตารางเมตร และ 2 Bedrooms ขนาด 45-58 ตารางเมตร

Type ห้องภายในโครงการ

ห้องแบบ Studio

ห้องแบบ 1 Bedroom

ห้องแบบ 1 Bedroom plus

ห้องแบบ 2 Bedrooms

พื้นที่ส่วนกลางบนชั้น Rooftop ขนาดมหึมาที่สุดบนแยกพระราม 9

The Future of Longevity Design ที่พร้อมใช้งานได้จริง

โครงการ LIFE อโศก – พระราม 9 มีการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และสัญญาณ  Wi-fi ในพื้นที่ส่วนกลางทุกจุด รองรับวิถีชีวิตการทำงานที่ยืดหยุ่น ไม่ยึดติดกับกรอบของเวลาหรือสถานที่ ส่งเสริมให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายในรูปแบบที่ทันสมัยขึ้น ผ่านการสั่งงานจากสมาร์ทโฟน ควบคุมทุกอย่างได้แบบ Real Time รองรับการจองใช้พื้นที่ส่วนกลาง และระบบรักษาความปลอดภัย จึงถือว่าเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ใหญ่ที่สุดของย่านพระราม 9 ที่มีระบบจัดการพื้นที่ส่วนกลางที่ทันสมัย ครบเครื่องมากที่สุดในตอนนี้

หลักสำคัญของแนวคิด THE FUTURE OF LONGEVITY DESIGN ที่นำมาประยุกต์ใช้ที่โครงการ LIFE อโศก-พระราม 9 เพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันในบรรทัดฐานใหม่อย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่

1) The Next-Level of Sharing Space การนำเสนอทฤษฎีใหม่ ‘Human x Social Distancing Scale’ ที่ใช้หลักการของการออกแบบสัดส่วนมนุษย์ กับการเว้นระยะห่างทางสังคมในพื้นที่ส่วนกลางที่มีระยะห่างตั้งแต่ 1.20-3.00 เมตร รวมถึงแนวคิดในการออกแบบพื้นที่ส่วนตัวในพื้นที่ส่วนรวม เช่น Pavilion Space ที่มีการแยกสเปซรับรองออกเป็นพาวิลเลี่ยนย่อย เพื่อรองรับการใช้งานเฉพาะกลุ่มใน Lobby หรือ Cocoon Seat โซฟาที่ให้ความเป็นส่วนตัว เพื่อลดความหนาแน่นในพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ เช่น Lobby, Co-working Space, Fitness และ Lounge เป็นต้น

Partition กั้น

ที่นั่งยาว ที่ไม่หันหน้า และหันหลังชนกัน

ส่วนของ Fitness ภายในโครงการก็มีการจัดวางของอุปกรณ์ให้มีระยะห่างกัน และผู้เล่นต้องไม่หันหน้าเข้าหากันหรืออยู่ใกล้กันจนเกินไป อุปกรณ์ตั้งห่างกัน 1.50 เมตร ขึ้นไป เพื่อความสบายใจและปลอดภัยของลูกบ้านทุกคน

โครงการยังเน้นการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้โอ่อ่าหรูหรา มีเอกลักษณ์คงความโมเดิร์นเฉพาะตัว โดยหากก้าวเข้ามาในโครงการก็จะสะดุดตากับโถงต้อนรับ (The Grand Parlour Lobby)ที่สะท้อนความหรูหราโอ่อ่าให้การต้อนรับอย่างลงตัว

ถัดจากโถงต้อนรับ จะพบกับ The Third Place พื้นที่ Co-working space 2 ชั้น ดีไซน์ตอบรับพฤติกรรมผู้อยู่อาศัยจริง ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานแบบกลุ่มและเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็น Community Bench Space หรือ Individual Cocoon ที่รองรับไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่ ช่วยเชื่อมต่อทุกมิติของการดำเนินชีวิตในยุคดิจิตอลอย่างไม่มีสะดุด ทำให้ชีวิตประจำวันกับการทำงานผสานให้มีความลงตัวมากขึ้น

‘Elite Fitness’  ฟิตเนสทันสมัยออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ ออกแบบให้เป็น 2 ชั้น 5 โซนบนชั้น Rooftop สอดรับกับความต้องการของผู้ใช้จริง

พร้อมสระว่ายน้ำ 3 สระ บนชั้น 42 (Rooftop) และชั้น 45 (Rooftop) ซึ่งแบ่งเป็น 3 โซน แบบ Active Pool และ Scenic Glass Pool ตอบโจทย์ทั้งสำหรับลูกบ้านที่ชื่นชอบว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกาย และลูกบ้านที่ชื่นชอบการว่ายน้ำเพื่อผ่อนคลาย พร้อมเต็มอิ่มกับการชมวิวกรุงเทพฯ ผ่านมุมสูงขณะพักผ่อน

2) Clean Air Quality ใช้หลักการออกแบบระบบระบายอากาศ (Ventilation Design) เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศภายใน ตลอดจนและการพัฒนานวัตกรรมและเลือกใช้เทคโนโลยีที่เอื้อให้เกิดอากาศที่มีคุณภาพควบคู่ไปกับการคำนึงถึงการประหยัดพลังงาน และการบำรุงรักษาในระยะยาว

โดยพื้นที่ภายในอาคารนอกเหนือจากการติดตั้งระบบ air condition แล้ว ยังมีการคำนึงถึง ใช้หลักการออกแบบระบบระบายอากาศ คือ Ventilation Design เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศภายใน Lobby ที่มีเพดานสูงมากกว่า 4 เมตรขึ้นไป, AP Corridor Window ช่วยลดความอับชื้นและระบายอากาศ ภายในโถงทางเดินของคอนโดมิเนียมแต่ละชั้น สามารถรับแสงได้โดยที่ไม่ต้องเปิดหน้าต่าง และยังช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียภายในตัวอาคาร, Plasma Cluster Technology เป็นเทคโนโลยีที่สามารถฆ่าเชื้อ ดักฝุ่น PM2.5 ได้ ติดตั้งภายในลิฟต์โดยสาร โถงลิฟต์ในส่วนของ Lobby ที่มีลูกบ้านใช้งานร่วมกัน และ Ultra – Low VOCs Paint เลือกใช้สีทาอาคารที่ปลอดภัยในทุกพื้นที่ทั้งภายในและภายนอก เพื่อป้องกันเชื้อรา แบคทีเรีย ด้วย Nano Technology และจัดการเรื่องคราบสกปรกด้วยตัวเองได้อีกด้วย

AP Corridor Window ที่สามารถถ่ายเทอากาศได้โดยที่ไม่ต้องเปิดหน้าต่าง

3) Trustable Society ยกระดับมาตรฐานการทำงานของทีมบริหารจัดการจาก บริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SMART) พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ ในเครือเอพี เพื่อสร้างสังคมแห่งการเชื่อใจ อุ่นใจในทุกพื้นที่อยู่อาศัย ด้วยการวางแผนบริหารจัดการให้ทุกพื้นที่ห่างไกลเชื้อโรค พร้อมเป็นผู้ช่วยในการช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านในการเข้าใช้ Facilities ต่างๆ ภายในโครงการ นอกเหนือจากการเข้มงวดด้านความสะอาดที่ยึดเป็นพื้นฐาน ตลอดจนการติดตั้ง Anti-Bacterial Film ในทุกจุดสัมผัสในพื้นที่ส่วนกลาง

4) Tech-Life Management การนำ SMART WORLD ดิจิตอลแพลตฟอร์มบริหารคุณภาพชีวิตหลังการเข้าอยู่อาศัยเข้ามาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยต ลอดจนสร้างคอมมูนิตี้ที่ดีให้เกิดขึ้นในทุกโครงการ พร้อมเชื่อมต่อทุกเรื่องราวของการอยู่อาศัยเข้าไว้เป็นหนึ่งเดียว โดยแพลตฟอร์ม SMART WORLD ปัจจุบันมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 45,000 ราย

LIFE Asoke – Rama 9 เป็นโครงการที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่รับรู้กันดีอยู่แล้วว่านี่คือโครงการที่มีกระแสดีที่สุดในย่านนี้ ด้วยปัจจัยของราคาที่ดึงดูด เมื่อเทียบกับขนาดของพื้นที่ส่วนกลางที่ได้รับ ในขณะที่ตั้งอยู่บนทำเลเดียวกันกับอีกหลายโครงการที่มีราคาขายแพงกว่า ในปัจจุบันห้องที่ยังคงเหลือขายอยู่ของโครงการมีราคาเริ่มต้น 3.1 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม. ที่ 125,000 บ. ปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่เคยเปิดขายพรีเซลมาประมาณตารางเมตรละ 10,000 บาท แต่ก็ยังนับว่าเป็นคอนโดใหม่ที่มีราคาคุ้มค่าที่สุดในย่าน New CBD พระรามเก้าแห่งนี้อยู่ดี ซึ่งการที่เอพีนั้นเป็นเจ้าตลาดคอนโดในย่าน MRTเพชรบุรี ต่อเนื่องไปจนถึง MRT พระรามเก้า ก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของตัวลูกค้าเก่าเองที่มีการซื้อซ้ำจากการติดใจในผลกำไรที่ตัวเองได้รับ และ Performance ในการปล่อยเช่าจากโครงการที่ผ่านๆมา รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าใหม่เองก็มองว่าเอพีคือผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจบริบทของทำเลนี้มากที่สุด ทั้งหมดนี้จึงส่งผลทำให้คอนโดทุกแบรนด์ของเอพีในย่านนี้ทำสถิติการขายที่ดีเหนือกว่าคอนโดแบรนด์อื่นๆอย่างเห็นได้ชัด โดยล่าสุด LIFE Asoke – Rama 9 ก็ทำยอดขายไปได้ถึง 95% แล้ว

โครงการโดดเด่นด้วยพื้นที่ส่วนกลางกว่า 7.5 ไร่ เดินทางสะดวกเพียง 300 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพระราม 9 และยังใกล้ทางด่วน ARL สถานีมักกะสัน จะทำให้คุณสามารถเดินทางเชื่อมต่อสู่ย่านอื่นได้อย่างสะดวก รวดเร็ว แวดล้อมด้วยศูนย์การค้าชั้นนำมากมาย จึงเหมาะกับการซื้ออยู่เองเพื่อทำงานในแบบ WFH หรือจะเดินไปทำงานที่ออฟฟิศบริเวณสี่แยกพระรามเก้าก็สะดวกมาก เช่นเดียวกับซื้อลงทุนปล่อยเช่าเพื่อโอกาสรับ yield ที่ดีกว่าโครงการอื่นโดยรอบ

อาจกล่าวได้ว่า LIFE Asoke – Rama 9 คือโครงการที่เป็น “The Most Complete Living in a Next New Normal Life”…ต้นแบบคอนโดแห่งแรกที่จับต้องได้จริงๆในยุค Next Normal Living ซึ่งเป็นยุคที่แค่ราคา และโลเคชั่น อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นให้เกิดดีมานด์ในการซื้ออยู่อาศัย จริงอยู่ที่ลูกค้าหลักของโครงการนั้นก็คือกลุ่มลูกค้าที่คุ้นเคยกับแบรนด์เอพี หรือไลฟ์อยู่แล้ว แต่นี่คือความท้าทายใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาฯ ต่อจากนี้ไป ที่หากไม่ได้มีการอัพเกรดอะไรให้สอดคล้องกับเทรนด์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ของผู้คนยุคปัจจุบันก็อาจจะทำให้ลูกค้าเกิดการ switching ไปมองหาตัวเลือกอื่นๆที่มีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้ามากกว่า

ผู้ที่สนใจโครงการ LIFE Asoke – Rama 9 สามารถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อนัดชมโครงการจริงล่วงหน้าได้ที่ https://bit.ly/2UR3KHz