ในหลายๆประเทศ ผู้ให้บริการระบบรถไฟ จะเป็น landlord ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าตามสถานีรถไฟฟ้าด้วย ที่ประเทศญี่ปุ่นนี่เห็นได้ชัดเจน บริษัทอย่างเช่น JR , Odakyu , Nishitetsu เป็นเจ้าของอสังหาสวยๆหลายๆที่ 

ประเทศไทยของเรามีผู้ให้บริการระบบรางหลักๆอยู่ 3 ราย  การรถไฟ , รถไฟฟ้า MRT, และรถไฟฟ้า BTS

ซึ่ง BTS ที่ก่อตั้งโดยชาวไทยเชื้อสายฮ่องกงอย่าง คุณคีรี กาญจนพาสน์ เป็นบริษัทที่มุ่งเน้นทางอสังหามากที่สุดและจริงจังอยู่เจ้าเดียว (ทั้งๆที่ การรถไฟมีที่ดินในมือมหาศาล พร้อมกว่าทุกด้าน) 

หลังจากที่เป็น landlord ครอบครองที่ดินสวยๆในเมืองหลายแปลง ผ่านวิกฤติทางการเงินจนต้องตัดขายที่ดินสวยๆอย่าง แปลงติด BTS นานา ที่ตอนนี้กลายเป็น Q Sukhumvit คอนโดของ QH หรือโดนยึดแปลงยงสุอพาร์ทเมนท์สุขุมวิท 39 สุดสวยไปขายทอดตลาด จนตอนนี้กลายเป็น The XXXIX

มาวันนี้ วันที่ BTS ปรับโครงสร้างบริษัทพร้อมมีเงินทุนมหาศาลหลายหมื่นล้าน ที่ได้จากการขายสินทรัพย์เกี่ยวกับรถไฟฟ้าไปเข้ากองทุน BTSGIF  บีทีเอสจึงพร้อมแล้วที่จะก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นหลักในวงการ

นอกจากการทำโรงแรมในเครือ U และ Eastin ทำสนามกอล์ฟธนาซิตี้ หรือเคยพัฒนาคอนโดเพื่อเซ้งระยะยาวแถวราชดำริแล้ว 

“BTS ยังมีเป้าหมายจะเป็นผู้นำในตลาดอสังหาด้วยการทำคอนโดมิเนียมเพื่อขาย”

แรกเริ่มคือการชิมลางจากการทำคอนโด ABSTRACTS ขายในสองทำเล พหลโยธินพาร์ค และ สุขุมวิท 66/1  การขายที่ติดขัด ปิดโครงการล่าช้า ทั้งๆที่ชู concept นั่งรถไฟฟ้าฟรี 10 ปี ทุกๆยูนิต และปัญหาจุกๆจิกๆอีกหลายอย่าง ทำให้ BTS ชะงักการเปิดขายใน 2 โครงการทำเลที่คนจับตามอง อย่าง จตุจักรและพญาไท

BTS หายหน้าจากวงการไปพักใหญ่ๆ แต่ในใจผู้บริหารยังหาช่องทางเพื่อก้าวถึงฝันแห่งความสำเร็จ 

“การร่วมทุน” กับ developer ตัว top ชื่อเสียงดี แบรนด์แข็ง คือคำตอบที่ลงตัว หลังจากที่เลือกสรรพิจารณาข้อเสนอจากหลากหลายบริษัท แสนสิริ เป็นผู้ชนะใจ และได้ก้าวเข้ามาเป็น partner ที่แข็งแกร่ง ด้วยภาพลักษณ์ด้วยแบรนดิ้ง ด้วยความเป็นแสนสิริ 

ภายใต้กรอบความร่วมมือที่ร่วมกันร่าง ในเป้าหมายการเปิดโครงการ 100,000 ล้านบาท 25 โปรเจค ใน 5 ปี

ณ วันที่เขียนบทความนี้ บริษัทร่วมทุน บีทีเอสแสนสิริ โฮลดิ้ง ถูกจัดตั้งมาแล้วถึงเลข 14 นั่นหมายถึง มีการเตรียมเปิดโครงการ มีที่ดินพร้อม มีการศึกษาการออกแบบพร้อมแล้ว ถึง 14 โครงการ  

ปล. บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง เทอร์ทีน ไม่มีแต่ใช้ชื่อบริษัทเดิมของบีทีเอสคือ นูโวไลน์เอเจนซี่ แทน โดยแสนสิริเข้าไปถือหุ้น 50% เพื่อ เตรียมพัฒนา The Line พหลโยธินพาร์ค หรือก็คือ 2 ตึกที่เหลือของ Abstracts paholyothin park

The LINE คือชื่อที่ใช้เป็นแบรนด์ของคอนโดภายใต้การร่วมทุน เป็นชื่อที่สื่อได้ถึง BTS ผู้พัฒนาและให้บริการรถไฟฟ้าตาม”เส้น”ทางต่างๆ ลงตัวครับตั้งได้ดี

การร่วมทุนหลักๆคือ เอาที่ดิน landbank ของทั้งสองฝ่ายมาร่วมพิจารณา ถ้าแปลงไหนผ่านก็ขายเข้าบริษัทร่วมทุน แล้วให้แสนสิริทำหน้าที่บริหารโครงการ บีทีเอสเป็นนายทุนหลัก win win

3 โครงการแรกอย่าง จตุจักร สุขุมวิท 71 ราชเทวี ขายหมด soldout ในเวลาไม่กี่วัน

อีกไม่นานโครงการที่ 4 อย่าง The Line อโศก รัชดา กำลังจะขาย ซึ่งก็น่าจะขายหมด sold out อีกเช่นเดียวกัน

โครงการ ที่เหลืออย่าง The Line วงศ์สว่าง (กำลังก่อสร้างและสร้างก่อนขาย), พหลโยธินพาร์ค (2ตึกที่เหลือของ Abstratcs พหลโยธินพาร์ค), พระราม9, ทองหล่อปลายซอย ( กำลังก่อสร้างและสร้างก่อนขาย) และอาจรวมไปถึง ท่าพระ, สุขุมวิท 38, อโศก , สุขุมวิทตอนปลาย เตรียมพร้อมจ่อเต็มที่ 

ซึ่ง แสนสิริและบีทีเอส ยังคงมองหาที่ดินแปลงสวยๆเก็บเข้าพอร์ทต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

นอกจากการร่วมทุนกับแสนสิริ BTS ยังทุ่มงบมหาศาล ร่วมทุนกับ Gland ของตระกูลรัตนรักษ์และบุญดีเจริญ ผู้พัฒนาพระราม 9 the new CBD ก่อตั้งบริษัท Bay water เข้าซื้อที่ดินแปลงใหญ่มหึมา ประมาณ 48 ไร่ครึ่ง เยื้องๆแดนเนรมิตถนนพหลโยธิน เฉพาะค่าซื้อที่ดินก็มากกว่า 7,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการ Mega project มีทั้งห้างขนาดใหญ่ อาคารพักอาศัยและอาคารสำนักงาน (ที่ดินแปลงนี้เคยอยู่ภายใต้กรรมสิทธิของตระกูลบุญดีเจริญมาก่อน)  ปัจจุบันโครงการติดขัดเรื่องกรรมสิทธิที่ดิน มีการฟ้องจากฝั่งเจ้าหนี้ศาลยกฟ้องไปบ้างแล้ว รอเคลียร์จบถึงประกาศโครงการได้

เคยมีคนทำ study ไว้ในชื่อว่า Bangkokdome ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่ม G Land หุ้นส่วนของ BTS นี่แหละ

credit: wisdomstudio 

การทำอสังหาไม่ได้มีแค่รายได้จาก การขาย แต่ยังมีรูปแบบรายได้จากการเช่า ซึ่ง BTS ได้เลือกจะให้ U City หรือ Natural Park เดิมเข้ามาเป็น หัวหอกหลักในสายนี้  การเข้า take over Ucity ของ BTS จึงเกิดขึ้นตามหมากที่วางไว้ 

Ucity มีหน้าที่หลักๆนอกจากจะดูแลโรงแรมในเครือที่มี Eastin Grand Sathorn ติด bts สุรศักดิ์เป็นตัวพ่อ

อีกอย่างคือ พัฒนา land bank แปลงสุดสวยที่เหลือ  คือที่หมอชิต (ส่วนที่เหลือจาก การตัดไปทำ The Line) และ ที่พญาไท ติดรถไฟฟ้า BTS แปลงสุดรักสุดหวงของคุณ คีรี ที่ดินประมาณ 6 ไร่ครึ่ง เฉพาะค่าที่ดินก็เกิน 3,000 ล้านบาท

โดยที่พญาไทประกาศรูปแบบโครงการแล้ว  จะทำเป็นโรงแรมในแบรนด์ Eastin Grand และ อาคารสำนักงานให้เช่า มูลค่ารวมนับหมื่นล้านบาท

ส่วนแปลงจตุจักร 11 ไร่กว่า ถ้าตามแผนเดิมจะเป็นอาคารสำนักงานและโรงแรม

Ucity เองก็มีที่ดิน landbank อย่างแปลงบางกระเจ้าที่จะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวสุดหรู หรือที่ดินแปลงโรงภาษีร้อยชักสามในตำนาน ริมน้ำเจ้าพระยาแถวย่านบางรัก ที่วางแผนมานานมากว่าจะเป็น อามันรีสอร์ท โรงแรมระดับ6ดาว

ยังไม่หมดแค่นั้น

BTS ได้ก่อตั้งบริษัท ยูนิคอร์นเอนเตอร์ไพร์ซ ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ไปถือหุ้นในบริษัทย่อยเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตามรายละเอียดดังนี้

แปลงหลักๆก็ 27 ไร่ ที่ราษฎร์บูรณะ ถนนริมแม่น้ำอีกเส้นของกรุงเทพมหานคร

อีกหนึ่งในโครงการแห่งอนาคตของ BTS คือที่ดินส่วนที่เหลือในละแวกธนาซิตี้ บางนาตราด BTS มี landbank อยู่กว่า 200 ไร่  โดยมีแผนจะเจียดที่ดินยกให้การรถไฟเพื่อให้ใช้พื้นที่ทำเป็นสถานีรถไฟฟ้า lightrail บางนาสุวรรณภูมิ สถานีธนาซิตี้ โดยวางเป้าหมายจะทำเป็น mega complex ครบวงจร

BTS ยังสนใจเข้าเป็นผู้พัฒนาที่ดินการรถไฟย่าน กม 11  ทำเป็น super mega project 359 ไร่

ถ้าโปรเจกทั้งหมดของ BTS ที่รวมมูลค่าหลายแสนล้านบาท แล้วเสร็จตามแผนงาน เมื่อนั้นคำว่า BTS จะเป็นมากกว่าแค่ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า สื่อโฆษณา แต่จะหมายความสื่อถึงการเป็น Property Tycoon เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อย่างแน่นอน

Credit ภาพประกอบจาก http://www.btsgroup.co.th/th/investor.php