“ปีนี้เป็นปีที่ท้าทาย แต่เราก็บรรลุผลสำเร็จไปได้หลายอย่าง จนทำให้บริษัทได้ก้าวขึ้นมามีผลประกอบการณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดปีหนึ่ง ทำให้เราเชื่อว่าไม่ว่าปีหน้าจะเป็นอย่างไร แต่เราก็ยังคงมีเสถียรภาพในการดำเนินธุรกิจ…นับตั้งแต่ 30 ปีแรกที่เราพัฒนาโครงการแรกคือ Noble Park ซึ่งเป็นคอนโด Low Rise ที่มีสวนอยู่หน้าบ้านเป็นแห่งแรก และตามมาด้วย Noble Home บ้านรูปทรงทันสมัย ไร้จั่ว ซึ่งทั้งสองโครงการดังกล่าวได้สร้างชื่อให้กับ Noble ในหมู่กลุ่มลูกค้าที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง จากย่างก้าวสำคัญดังกล่าว ได้ถูกนำมาใช้เป็น Brand Idea ของบริษัท

“Be Different, Be Noble” ที่สื่อถึงความมีอัตลักษณ์ของโครงการ และแนวคิดของการใช้ชีวิตที่แตกต่างมาตลอด เพื่อตอบสนองดีมานท์ของกลุ่มลูกค้าที่มีความเป็นปัจเจก และมี Role เป็น The Explorer ที่มักจะมองหาประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับตัวเอง ซึ่งจากนี้ไปไม่ว่าจะอีกกี่ปี Noble ก็ยังคงยึดมั่นใน Brand Idea แบบนี้ไม่มีเปลี่ยนแปลง…”คุณธงชัย บุศราพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดเจนจากการเข้ามาบริหารงานของ 2 คู่หูประธานเจ้าหน้าที่บริหารอย่างคุณธงชัย และคุณแฟรงค์ ก็คือยอดขาย การการรับรู้ของโครงการภายใต้แบรนด์โนเบิลในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของลูกค้าชาวจีน โดยจากผลสำรวจของโนเบิลเองพบว่าลูกค้าชาวจีนมองว่าแบรนด์ Noble มี Perception ในแง่บวกเป็นอันดับหนึ่ง และ Brand Awareness เป็นลำดับสาม ในขณะที่ในแง่ยอดขายนั้น Noble กิน Market Share ในการขายตลาดต่างชาติมากถึง 37% ซึ่งในผลสำรวจนี้ยังชี้ให้เห็นว่าในปี 2021 นี้ กลุ่มเครือข่ายทีมขาย Overseas ของโนเบิล ก็ยังมองว่าตลาดอสังหาในไทยดูน่าขายมากที่สุด ตามมาด้วยญี่ปุ่น

ซึ่งในปี 2021 นี้ทางโนเบิลเตรียมเปิดโครงการใหม่ถึง 11 โครงการ มากจริงๆไม่เหมือนโนเบิลที่ผ่านมา บนทำเลเจ๋งๆทั้งนั้น ทั้งพระรามเก้า ทองหล่อ อารีย์ วิทยุ และยังมีแนวราบมาด้วยรวมมูลค่าโครงการกว่า 45,100 ลบ. แบ่งเป็น High Rise 4 โครงการมูลค่า 25,000 ลบ. และ Low Rise 7 โครงการมูลค่า 20,100 ลบ. ในขณะที่ปีนี้ทางโนเบิลค่อนข้างประสบความสำเร็จในเชิงการ Balance Port Folio โดยเน้นไปที่โครงการในกลุ่มเซกเมนท์ Premium Mass อย่าง Nue ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ได้รับการตอบรับที่ดี ทำให้ปี 2020 นี้ได้ Achieve Target ถึบ 10,000 ลบ.จากยอดโอนและยอดขายที่ตามเป้า โดยมองภาพปี 2021 ว่าจะโตขึ้นอีก 10% จากโครงการ Flagship อย่าง The Embassy at Wireless ที่ร่วมทุนกับ Hong Kong Land ในสัดส่วน 26% เช่นเดียวกับโครงการร่วมทุนกับ U City ในสัดส่วน 50 – 50% จำนวน 4 โครงการ ในทำเล สุขสวัสดิ์ (มีทั้งแนวราบและแนวสูง) คูคต (0 เมตรจากสถานีคูคต) พระราม 9 (แถวๆ Central Rama9 ข้างตึก Unilever ที่ดินเก่าแสนสิริเดิมเป็นคอนโดสูง) และราษฎร์บูรณะ (มีทั้งแนวราบและแนวสูง) และยังมีการจัดตั้งบริษัทร่วมเพื่อพัฒนาโครงการในธนาซิตี้ (โนเบิลซื้อที่เอง) แต่น่าจะประเดิมขายต้นปีเลยกับโครงการ Noble Form Thonglor ซึ่งเป็น Iconic Project ที่มีความสูงที่สุดเท่าที่โนเบิลทำมา ตามมาด้วยกลุ่มโครงการ Premium Mass ที่มาแรง Affordable มากๆอย่าง NUE บนทำเลอย่างบางนา (NUE Center Bangna ข้าง Central ติด Big C กำลังมีห้องตย.ที่ Central Bangna) ดอนเมือง (มีทั้งคอนโด Low Rise และทาวน์โฮม ใกล้อนุสรณ์สถาน เข้าออกได้ทั้งพหลโยธิน และวิภาวดี) คูคต (ติด Bts สถานีคูคต เป็นคอนโด Low Rise 5 เฟส ราวๆ 6,000 ยูนิต เป็นคอนโดแห่งแรกในย่านนี้) และอารีย์ซอย 1 (ที่ดินโครงการ Noble Revolve Ari ใช้ชื่อแบรนด์ NUE EVO Ari สูง 43 ชั้น หน้าตาดีกว่าแบรนด์ NUE ที่อื่นๆ พร้อมเปิดตัว Q4)

สำหรับกลุ่มโครงการ Super Luxury แน่นอนว่าต้องเป็นที่ The Embassy at Wireless ที่ร่วมทุนกับ HongKong Land บนทำเลที่หรูที่สุดของกรุงเทพ มูลค่ามหาศาลถึง 10,700 ลบ. เตรียมเปิดตัวช่วงกลางปี

นอกนั้นจะเป็นโครงการแนวใหม่ ทำเลใหม่ๆอย่างย่านเอกมัย รามอินทรา กับโนเบิล เอกมัย – รามอินทรา ซึ่งมีทั้งโครงการทาวน์โฮมสไตล์โนเบิลแท้ๆ เช่นเดียวกับการแบ่งที่ดินเปล่าขาย พร้อม Facility ให้กับลูกค้าด้วย ว้าวๆๆๆ

ปี 2021 นี้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จะสะบักสะบอมมากน้อยแค่ไหน แต่สรรพสิ่งต้องดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับธุรกิจอสังหาฯที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจครับ ขอให้ดีเวลลอปเปอร์ทุกราย และเพื่อนๆทุกคนช่วยกันร่วมฝ่าฟันกันไปให้เต็มที่ เต็มกำลังครับ