เปิดจองครั้งแรก! InterContinental Residences Bangkok Asoke พลิกโฉมการใช้ชีวิตสู่ความเป็นส่วนตัวสูงสุด พร้อมบริการระดับโลก ใจกลางอโศก
นับจากการประกาศเปิดตัว บริษัท ซีจี แคปปิตอล แอดไวซอรี่ จำกัด (CG CAPITAL ADVISORY LIMITED) บริษัทผู้บริหารกองทุน Private Equity ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล กรุ๊ป ซึ่งมีผู้ลงทุนหลักประกอบด้วย 1.ครอบครัวจิราธิวัฒน์ 2.ธนาคารชั้นนำ และ 3.นักลงทุนสถาบันระดับโลก ที่มุ่งลงทุนกลุ่มธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว สวนสนุก สวนน้ำและ Branded Residences ในไทย ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2024 โดยเริ่มประเดิมโครงการแรกที่ The Standard Residences, Phuket Bang Tao มาวันนี้บริษัท CG CAPITAL ก็ได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้กับตลาดคอนโดระดับ Luxury ของกรุงเทพฯอีกครั้ง ด้วยการประกาศเปิดตัวโครงการในรูปแบบ Branded Residences แห่งแรกในกรุงเทพฯบนสุดยอดทำเลใจกลางอโศก – สุขุมวิท 16 ตรงข้ามสวนป่าเบญจกิติ กับโครงการ InterContinental Residences Bangkok Asoke (อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพ อโศก) ที่ต้องบอกว่าเป็นโครงการที่น่าจะโดนใจกลุ่มผู้ซื้อ Luxury Residences ทั่วโลก ด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายอย่าง อาทิ การเป็น Branded Residences ภายใต้เชนโรงแรม InterContinental แห่งแรกในกรุงเทพฯ , ตั้งอยู่บน “The Most Desirable Address” ที่น่าอยู่และหาได้ยากที่สุดของอโศก – สุขุมวิท, มอบนิยามใหม่ของความหรูหราด้วยความเป็นส่วนตัวเพียง 88 ยูนิต บนขนาดพื้นที่ใช้สอยที่กว้างกว่าคอนโดทั่วไปในย่านอโศก – สุขุมวิท และ สิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนที่จอดรถแบบ Conventional ถึง 200% + EV charger ที่เตรียมไว้ 20 ช่อง และขยายได้ถึง 50 ช่อง โดยล่าสุดโครงการได้ผ่าน EIA เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะได้ผู้รับเหมาระดับแนวหน้าของประเทศอย่าง บริษัท สี่พระยาก่อสร้าง จำกัด รับหน้าที่ในการก่อสร้างโครงการภายใต้มาตรฐานที่ดีที่สุดในทุกองค์ประกอบ
ทำไมต้องเป็น Branded Residences?
ตลาด Branded Residences ในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีภูเก็ตและกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลักที่น่าจับตามอง ซึ่งความแตกต่างที่สำคัญของตลาด Branded Residences ในประเทศไทย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ดีไซน์ที่หรูหราและการบริการระดับโลกเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงมาตรฐานคุณภาพในทุกมิติของการอยู่อาศัยที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และเหล่านี้คือเหตุผลสำคัญว่าทำไม Branded Residences จึงเป็นกลุ่มสินค้าที่ผู้มีกำลังซื้อสูงจากทั่วโลกถวิลหา
1. ได้รับมาตรฐานการบริการที่มีคุณภาพระดับโลกในทุกๆ วัน
ความแตกต่างที่สำคัญของการเป็นเจ้าของ Branded Residences ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ดีไซน์ที่หรูหราและการบริการระดับโลก เหมือนกับโครงการ Ultra – Luxury Residences ทั่วไปเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงมาตรฐานคุณภาพในทุกมิติของการอยู่อาศัยที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยในทุกมิติ ตามแบบฉบับของแบรนด์นั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็น Branded Residences ที่มาจากผู้ประกอบการโรงแรม งานบริหารโครงการทั้งหมดก็จะมีทีมงานจากแบรนด์นั้นๆ เข้ามาร่วมกำหนดมาตรฐานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในหลากหลายมิติเพื่อมุ่งเน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความสะดวกสบายสูงสุด อาทิ ขนาดห้องพัก วัสดุอุปกรณ์ที่เลือกใช้ในโครงการ พื้นที่ส่วนกลาง ตลอดจนถึงมาตรฐานงานระบบความปลอดภัย สุขอนามัย หรือแม้กระทั่งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มาตรฐานเหล่านี้ถูกยกระดับตามข้อกำหนดที่เป็นมาตรฐานสากลซึ่งถูกกำหนดมาจากแบรนด์โรงแรมต่างๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในรายละเอียดของแต่ละแบรนด์ แม้สิ่งเหล่านี้จะเพิ่มต้นทุนในการพัฒนา แต่ก็แลกมาด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและได้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่พักอาศัยได้อย่างยั่งยืน ทำให้ Branded Residences ได้รับความนิยมอย่างสูง ไม่ว่าเพื่อการอยู่อาศัยเองหรือเพื่อการลงทุน
2. ดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อจากหลากหลายประเทศทั่วโลกที่เชื่อมั่นในแบรนด์
ด้วยการที่ Branded Residences คือโครงการที่อยู่อาศัยที่พัฒนาโดยมีความร่วมมือกับแบรนด์โรงแรมหรือแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับบนที่มีความเป็น Worldwide Brand มีคนรู้จักอยู่ทั่วโลก ดังนั้นการสร้าง Brand Awareness ในหมู่ชาวต่างชาติ รวมถึงกลุ่มผู้ที่เคยเข้าพักในโรงแรมแบรนด์นั้นๆ และประทับใจในตัวแบรนด์จึงทำได้ง่ายกว่า โดยจากข้อมูลของ CBRE เผยว่ากรุงเทพฯ มี Branded Residences เพียง 1% ของจำนวนยูนิตคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองทั้งหมด สะท้อนให้เห็นว่าที่พักอาศัยประเภทนี้มีจำนวนจำกัด ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวทั้งด้านมาตรฐานระดับโลกและการบริหารจัดการภายใต้แบรนด์โรงแรมชั้นนำ อีกทั้งทำเลที่ตั้งก็ล้วนอยู่บนไพร์มโลเคชั่น Branded Residences จึงถือเป็น ‘แรร์ไอเท็ม’ ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ให้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ไม่เพียงตอบโจทย์นักลงทุน ที่มองหาทรัพย์สินที่มีเอกลักษณ์และความมั่นคง แต่ยังดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อจากหลากหลายประเทศทั่วโลกที่เชื่อมั่นในแบรนด์ และมั่นใจว่าจะได้รับมาตรฐานเดียวกันทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในเครือโรงแรมทั่วโลกอีกด้วย นอกจากนี้จากข้อมูลการซื้อขายของซีบีอาร์อี พบว่า ที่พักอาศัยประเภท Branded Residence ในทำเลเดียวกัน สามารถสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Gross Yield) ได้สูงกว่าโครงการที่ไม่ใช่ Branded Residence ถึง 50% – 80% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอย่างแท้จริง
โดยโครงการ Branded Residences ในกรุงเทพมีสัดส่วนเพียง 1% เมื่อเทียบกับซัพพลายที่พักอาศัยใจกลางเมือง โดยมีเพียง 9 โครงการที่เป็น 5-Star Hotel-Branded Residences เจาะลึกลงไปมีเพียงแค่ 3 โครงการเท่านั้นที่ถือครองกรรมสิทธิ์แบบสมบูรณ์ (Freehold) โดยมีอัตราขายกว่า 93% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก ด้วยความต้องการที่อยู่อาศัยในกลุ่มตลาดบนยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง





















