อะไรคือ Soft element ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจซื้อบ้านคอนโด
https://unsplash.com/photos/a-group-of-people-with-their-hands-together-33HfFxmJ9O4
ความต้องการอสังหาไม่ได้เริ่มมาจากตัวเลขราคา
เวลาเราพูดถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สิ่งที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาเสมอคือเรื่อง กฎหมาย ตัวเลขการเงิน ราคาต้นทุนที่ดินต่อตารางวา แปลนการก่อสร้าง และเทคนิคด้านวิศวกรรม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่อง “hard element” ที่จับต้องได้ เป็น 50% ของ framework สำคัญที่กำหนดความสำเร็จของโครงการอสังหา
แต่หากมองลึกลงไปจริงๆ จะพบว่า framework อีก 50% ที่เหลือคือตอนที่ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อบ้านหรือคอนโด สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญกลับไม่ใช่เพียงตัวเลข สเปควัสดุ หรือแม้กระทั่งทำเล แต่คือ “soft element” ที่เต็มไปด้วยการให้คุณค่าทางจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก ความสัมพันธ์ และความรักระหว่างบุคคลที่พักอาศัยด้วย
ยกตัวอย่างเช่น แม้จะมีคอนโดมิเนียมราคาแสนคุ้มค่าเสนอขายบนทำเลติดห้างสุดยอดใจกลางเมืองมาวางอยู่ต่อหน้าลูกค้า แต่ถ้าลูกค้าไม่ได้มีอารมณ์อยากจะซื้อ ไม่มีความยึดโยงทางอารมณ์ความรู้สึกระหว่างตัวทำเลคอนโดกับตัวเองหรือคนที่พักอาศัยด้วย ดังนั้นต่อให้ product ดีเลิศแค่ไหน ถ้าลูกค้าไม่รับรู้คุณค่าของ soft element เหล่านั้น ลูกค้าก็ไม่สนใจอยู่ดี
เหตุผลที่หลายครั้ง “บ้านและคอนโด” ไม่ได้ถูกซื้อเพราะทำเลที่ดีที่สุดหรือราคาที่คุ้มค่าที่สุด แต่เพราะบ้านสามารถเป็นพื้นที่เริ่มต้นครอบครัว สร้างความมั่นคงทางใจ และเป็นที่ที่ผู้คนอยากกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันทุกวัน ความเข้าใจในมิติอ่อนโยน หรือ “Soft element” เหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่คนในวงการอสังหาฯ เผลอมองข้ามไป แต่กลับเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนการตัดสินใจซื้อจริงๆ
บ้านที่ดีไม่ใช่เพียงสิ่งก่อสร้าง หากแต่คือ “รากฐานของชีวิต” ที่เต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ และความมั่นคงทางใจของคนในครอบครัว ลองนึกถึงวันที่ทุกคนในบ้านใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข วันที่ครอบครัวไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน และวันที่สมาชิกทุกคนในทุกวัยมีสุขภาพกายและใจที่ดีพร้อมดูแลกันและกัน บ้านที่มีคุณสมบัติเหล่านี้จึงเป็นบ้านที่แท้จริง ไม่ว่าจะอยู่ในทำเลแบบไหนหรือมีราคาสูงต่ำเพียงใดก็ตาม
แต่ปัญหาคือ เรื่องในบ้านจำนวนไม่น้อยกลับเต็มไปด้วยความขัดแย้ง การสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน หรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิตครอบครัวที่ไม่มีใครเตรียมพร้อม เช่น คู่รักที่เลือกคู่ครองโดยไม่ได้เข้าใจคุณค่าชีวิตร่วมกัน พ่อแม่ที่ไม่รู้วิธีปรับตัวเมื่อลูกเปลี่ยนวัย หรือครอบครัวที่ไม่รู้จะสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้สงบและปลอดภัยได้อย่างไร ครอบครัวที่มีปัญหาความสัมพันธ์เมื่อคนในแบบมีพัฒนาการที่เปลี่ยนไป ปัญหาลูกโตโผบินออกจากบ้าน ปัญหาพ่อแม่ปู่ย่าตายายแก่เฒ่าลงแล้วไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน เกิดปัญหา generation gap ทะเลาะเถียงกันบ่อย บ้านแบบนี้ ต่อให้ตกแต่งสวยแค่ไหนก็ไม่อาจเรียกว่า “บ้าน” ได้เต็มปากจริงๆ
สถิติยังสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า “ครอบครัว” เป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจด้านอสังหาริมทรัพย์ งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า คู่แต่งงานและครอบครัวใหม่คือกลุ่มหลักที่มีแรงจูงใจสูงในการซื้อบ้าน งานวิจัยจาก National Association of Realtors (NAR) ระบุว่า คู่แต่งงานใหม่คิดเป็นกว่า 60% ของผู้ซื้อบ้านครั้งแรกในสหรัฐฯ และยังพบว่าคู่ที่เพิ่งแต่งงานมักตัดสินใจซื้อบ้านเร็วขึ้นกว่าคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานถึง 2–3 ปี ขณะที่ในประเทศไทย ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ก็สะท้อนทิศทางคล้ายกัน โดยกลุ่มคู่แต่งงานถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ทำให้เกิดความต้องการบ้านและคอนโดใหม่อย่างต่อเนื่อง เพราะการสร้างครอบครัวมักมาพร้อมกับความต้องการ “บ้านหลังแรก” ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตจริงจังร่วมกัน
ข้อมูลของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยในปี 2024 รายงานว่ามีการจดทะเบียนสมรสประมาณ 263,000 คู่ ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าอัตราการหย่าร้างของไทยในปี 2022 มีมากถึงประมาณ 146,000 คู่ ซึ่งการหย่าร้างมักนำไปสู่การขายบ้าน การแบ่งทรัพย์สิน หรือแม้กระทั่งความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ของทั้งสองฝ่าย สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลโดยตรงต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ และสะท้อนว่า “บ้าน” ไม่อาจแยกออกจากเรื่องราวชีวิตคู่และชีวิตครอบครัวได้เลย ดังนั้นความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวจึงเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตที่มีอิทธิพลโดยตรงต่อดีมานด์ด้านที่อยู่อาศัย
สิ่งเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า “บ้าน” ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งปลูกสร้าง แต่สัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับวัฏจักรชีวิตของผู้คน ตั้งแต่การแต่งงาน การมีลูก ไปจนถึงการดูแลพ่อแม่ผู้สูงวัย