“…เราเป็นผู้ประกอบการธุรกิจฮอสพิทาลิตี้ สัญชาติไทย ที่ชอบการก่อสร้าง เป็นเจ้าของตึกเองมากกว่าใคร อาจเป็นเพราะจุดเริ่มต้นของเรามาจากการต่อยอดจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง (บริษัทอิตัลไทย) มาสู่การทำธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจที่ไม่ใช่แค่สร้างเสร็จแล้วจบ แต่เราต้องอยู่ทุ่มเทกันกันนานหลายชั่วโคตร มันเป็น Asset ที่ต้องทำต่อเนื่อง ต้อง Renovate ปรับปรุง อย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของตัวอาคาร และการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับแขกผู้เข้าพัก แบบไม่รู้จบ โดยในปีหน้านี้กลุ่ม ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ มีแผนในการรุกตลาดให้เข้มข้นกว่าเดิมในทุกแบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Oriental Residence Bangkok โรงแรม และ Residences หรูใจกลางถนนวิทยุ ที่พร้อมจะ Enchanted หลังเปิดมา 14 ปี ด้วยการระดมทุนในรูปแบบของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust : REIT) ร่วมกับโครงการอื่นๆ เช่นเดียวกับการพัฒนาโครงการ Oriental Residence แห่งใหม่บนหาดกะตะที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับทาง อีเควทอเรียล กรุ๊ป (Equatorial Group) จากประเทศมาเลเซีย กับโครงการ “อีคิว ภูเก็ต” (EQ Phuket) แม้กระทั่งโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok ที่กำลังจะก้าวสู่ปีที่ 150 แล้วก็จำเป็นที่จะต้องมีการยกระดับไปสู่อีกขั้น (กลุ่มอิตัลไทย และตระกูลจรณะจิตต์ เป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงแรม) เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และสร้าง Brand Activation กับกลุ่มลูกค้า Loyalty เพื่อสร้างมาตรฐานให้สูงที่สุดในโลก…” นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป

ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ONYX Hospitality Group) อาจจะเป็น Corporate Brand ที่ชื่อไม่คุ้นหูใครหลายคนมากเท่ากับ โครงการโรงแรมภายใต้แบรนด์ชั้นนำอย่าง อมารี (Amari) โอโซ่ (OZO) ชามา (Shama) และโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ (Oriental Residence) แต่ต้องบอกว่าในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา กลุ่ม ONYX Hospitality เป็นกลุ่มผู้นำด้านการบริหารโรงแรม รีสอร์ต และเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ สัญชาติไทยที่มีการรุกตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในแถบเอเชียค่อนข้างมาก ด้วยจุดแข็งในความเป็น A Tailored Approach to Hospitality ที่มีจุดยืนที่ชัดเจนในการตอบสนองความหลากหลายของกลุ่มนักท่องเที่ยว ตั้งแต่กลุ่มนักท่องเที่ยวระดับหรูที่มีรสนิยมพิถีพิถัน ไปจนถึงนักท่องเที่ยวที่สไตล์ชัดเจน กลุ่มครอบครัว คู่รัก และกลุ่มเพื่อนหลากหลายวัยที่ชอบออกเดินท่องเที่ยวและผจญภัย นอกจากนี้ โรงแรมภายใต้การบริหารของออนิกซ์ฯ ยังมีความชำนาญในการต้อนรับคณะนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ พร้อมมอบประสบการณ์การพักโรงแรมที่ไม่เหมือนใครให้กับแขกทุกกลุ่มที่มีภูมิหลังแตกต่างกันไป บน Vision ของการเป็น “The Best Medium-sized Hospitality In Southeast Asia”

สำหรับความโดดเด่นในการสร้างแบรนด์สู่ความเป็นระดับสากลในปีนี้ของกลุุ่ม Onyx เริ่มตั้งแต่ การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ชามา ฮับ (Shama Hub) ซึ่งเป็นแบรนด์เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ที่ต่อยอดจากแบรนด์ชามา (Shama) ด้วยการมุ่งเน้นในการผสานที่พักเข้ากับไลฟ์สไตล์ ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ ความยืดหยุ่น และการผสมกลมกลืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน โดย ชามา ฮับ (Shama Hub) แต่ละแห่งตั้งอยู่บนทำเลที่ดีเยี่ยมในย่านที่เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวา เดินทางสะดวกและเชื่อมต่อกับย่านที่น่าสนใจ ช่วยให้แขกได้สัมผัสกับชีพจรของเมืองได้อย่างสะดวกสบาย จึงกล่าวได้ว่า ทำเลอันยอดเยี่ยมของ ชามา ฮับ (Shama Hub) แต่ละแห่งจะช่วยให้แขกผู้เข้าพักเข้าถึงแก่นแท้ของวัฒนธรรมท้องถิ่นและการเดินทางสำรวจที่ไม่มีที่สิ้นสุด ได้แก่ ชามา ฮับ เฉียนถัง หางโจว ประเทศจีน (Shama Hub Qiantang Hangzhou, China) และ ชามา ฮับ เมโทร เซาธ์ ฮ่องกง (Shama Hub Metro South, Hongkong)

การจับมือร่วมธุรกิจครั้งสำคัญกับ อีเควทอเรียล กรุ๊ป (Equatorial Group) จากประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมพัฒนาโครงการ “อีคิว ภูเก็ต” (EQ Phuket) ที่พักสุดหรูแห่งใหม่ในภูเก็ต โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2571 อีกทั้งยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ชั้นนำอย่าง อมารี (Amari) โอโซ่ (OZO) ชามา (Shama) และโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ (Oriental Residence) การร่วมทุนครั้งนี้นับเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญของทั้งสองบริษัท โดยได้รวมเอาแบรนด์อีคิว (EQ) ของอีเควทอเรียล ซึ่งมีรางวัลการันตีมากมายเข้ากับพอร์โฟลิโอที่หลากหลายของออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ONYX Hospitality Group) เข้าไว้ด้วยกัน โดยโครงการ “อีคิว ภูเก็ต” (EQ Phuket) มีมูลค่าการลงทุนรวมที่ 2,500 ล้านบาท ตั้งอยู่ ณ หาดกะตะ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นทำเลที่โดดเด่นและสวยงามอันดับต้นๆ ของภูเก็ต อีกทั้งพื้นที่นี้ยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ยอดเขาที่สวยงามและอยู่ติดชายหาดกะตะอันเลื่องชื่อ นับเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดใจนักเดินทางให้มาสัมผัส นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับแหล่งรวมร้านอาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย

การนำ โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ก้าวสู่อีกขั้นสู่การเป็นโรงแรมระดับลักชัวรี่ โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ทำการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ Small Luxury Hotels of the World (SLH) ในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโรงแรมชั้นนำและมีชื่อเสียงภายใต้พอร์ตโฟลิโอของ SLH ด้วยการผ่านเกณฑ์อันเข้มงวดของ SLH ซึ่งได้แก่ ความเป็นอิสระ ทำเลที่ตั้งใจกลางเมืองที่มีห้องพักไม่เกิน 200 ห้อง ความสามารถในการเล่าเรื่องราว ความมุ่งมั่นในการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม และการนำเสนอบริการพิเศษและโดดเด่น รวมถึงประสบการณ์ที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตัวของสถานที่ตั้งของโรงแรม

การเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ SLH นับเป็นโอกาสที่ทำให้โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเครือข่ายระดับโลกของโรงแรมกว่า 500 แห่งที่มีชื่อเสียงด้านความหรูหราและความเป็นอิสระ การเข้าร่วมนี้ไม่เพียงทำให้โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ เป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าระดับเอลิสต์ทั่วโลก แต่ยังวางตำแหน่งของโรงแรมให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสำหรับนักเดินทางที่มีความคิดเป็นอิสระซึ่งแสวงหาความหรูหราในแบบที่ไม่ซ้ำใคร ประสบการณ์ที่มีความหมาย และการซึมซับวัฒนธรรม

และสุดท้ายกับการเปิดตัว “อมารี โคลัมโบ” (Amari Colombo) ในประเทศศรีลังกาอย่างเป็นทางการ โดย อมารี โคลัมโบ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโคลัมโบ ท่ามกลางการหลอมรวมมรดกอันทรงคุณค่าเข้ากับความมีชีวิตชีวาสมัยใหม่อย่างลงตัว ด้วยห้องพักที่กว้างขวางจำนวน 167 ห้อง ที่ผสมผสานความสะดวกสบายทันสมัยกับเสน่ห์แบบดั้งเดิมของศรีลังกา โรงแรมแห่งนี้พร้อมมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียมให้ผู้เข้าพักได้เชื่อมต่อกับรากเหง้าทางวัฒนธรรม อีกทั้งด้วยทำเลที่ตั้งถือที่ยอดเยี่ยมของโรงแรมยังช่วยให้นักเดินทางสามารถเข้าถึงทั้งแหล่งธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนของเมืองได้อย่างสะดวก นับเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสมสำหรับการสำรวจวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทิวทัศน์อันงดงาม และสถานที่ลับที่น่าสนใจของศรีลังกาที่ยังซุกซ่อนอยู่ ซึ่งทางกลุ่มบริษัทฯมองเห็นโอกาสอีกมากในธุรกิจ F&B จากการที่ชาวศรีลังกาส่วนใหญ่มักจะเลือกไปรับประทานอาหารหรูภายในโรงแรม เนื่องจากขาดแคลน Supply ในส่วนของ Stand Alone Restaurant

ทั้งนี้บริษัทฯ ยังพร้อมที่จะต่อยอดการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว และเปิดโอกาสสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างแบรนด์โรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ในเครือของบริษัทฯ กับโครงการที่พักอาศัยของเสนา ฮันคิว ฮันชิน ในอนาคต เพื่อช่วยสร้างมาตรฐานการบริการระดับโรงแรมให้เกิดขึ้นกับพรีเมี่ยมคอนโดของเสนา เช่นเดียวกับเป็นการสร้าง Value Added ให้กับนวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัยทั้ง “LivNex” และ “RentNex”