หาก AI เข้าใจมนุษย์มากที่สุด แล้วอนาคตประเทศไทยจะไปทางไหน

ต่อทอง ทองหล่อ 10 November, 2025 at 14.56 pm

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


บทสรุปแนวคิดที่ได้จากงาน The Standard Economic Forum 2025

 

สมมุติว่าคุณผู้อ่านคือมิ้น

มิ้นเป็นคนทำงานมืออาชีพคนหนึ่งที่ทำงานเพื่อเป้าหมายชีวิตของตัวเองและครอบครัว

 

ในยามเย็นของกรุงเทพฯ ที่ฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนสีจากส้มเป็นน้ำเงิน มิ้นนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟเล็ก ๆ ริมถนน ข้างหน้ามีโน้ตบุ๊กเปิดอยู่ หน้าจอแสดงหัวข้อว่า

 

“อนาคตประเทศไทย…เราจะไปทางไหน”

 

เธอกำลังเขียนเรียงความสำหรับคลาสปริญญาโทเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก แต่สิ่งที่อยู่ในใจกลับใหญ่กว่านั้นมาก มันคือคำถามที่เธอถามตัวเองมาตลอดว่า “ประเทศไทยของเราจะเป็นยังไงต่อไป และตัวเรานี่แหละจะเป็นยังไงต่อ…”

 

เสียงรถที่วิ่งผ่านถนนเจริญกรุงทำให้มิ้นเงยหน้าขึ้น เธอเห็นเด็กวัยมหาลัยเดินถือโทรศัพท์รุ่นใหม่ยี่ห้อหรู ใบหน้ามีทั้งความมั่นใจและความเหนื่อยล้าในเวลาเดียวกัน ภาพนั้นทำให้เธอนึกถึงตอนที่เคยฟังบรรยายเรื่องการเงินของคนรุ่นใหม่  วิทยากรพูดว่า “คนรุ่นเรารู้หมดทุกอย่างเรื่องเงิน แต่ไม่ค่อยลงมือทำจริง”

 

มิ้นก็เคยเป็นแบบนั้น เธอเคยเก็บเงินได้เดือนละนิดแต่ก็หมดไปกับการซื้อของตามเทรนด์ ทั้งที่รู้ดีว่าความมั่นคงไม่ใช่เสื้อผ้าใหม่หรือกาแฟแก้วแพง แต่เป็นความสบายใจในวันพรุ่งนี้

 

เธอเริ่มตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ว่าจะเข้าใจชีวิตตัวเองก่อนเข้าใจเงิน ตั้งแต่วันนั้น การออมสำหรับมิ้นจึงไม่ใช่เรื่องของจำนวน แต่เป็นเรื่องของ “ความตั้งใจ” และนั่นคือครั้งแรกที่เธอเริ่มมองเห็นความหมายของคำว่า “อนาคต”

มิ้นนั่งทำงาน วางโน้ตบุ๊กไว้ข้างแก้วกาแฟ  เธอเปิดแอปธนาคารบนมือถือเพื่อโอนค่าเช่าห้อง ก่อนจะสะดุดกับข้อความใหม่ที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

 

“สักครู่นะคะ ธนาคารจะช่วยตรวจให้ว่าการโอนนี้ปลอดภัยไหม”

 

จังหวะนั้น เธอยิ้มโดยไม่รู้ตัว เพราะนี่ไม่ใช่แค่ระบบแจ้งเตือนธรรมดาอีกต่อไป มันคือ “Adaptive Banking” ที่ธนาคารสามารถเข้าใจความรู้สึก ของเธอจริง ๆ ระบบ AI ของธนาคารสามารถรับรู้ได้ว่าเธอกำลังลังเล และเสนอการตรวจสอบอัตโนมัติพร้อมเปลี่ยนโทนสีหน้าจอให้อ่อนลงเพื่อให้เธอสบายใจขึ้น มันทั้งอบอุ่นและปลอดภัยในเวลาเดียวกัน

 

ตั้งแต่นั้น มิ้นก็เริ่มมองการเงินต่างไปจากเดิม ไม่ใช่เรื่องของตัวเลข แต่เป็นเรื่องของ “ชีวิตที่ธนาคารเข้าใจ” เธอตัดสินใจเก็บเงินก้อนเล็ก ๆ เพื่อซื้อห้องคอนโดเป็นของตัวเอง และระบบยังช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายของเธอ คาดการณ์ว่าเธอน่าจะกำลังวางแผนซื้อบ้าน พร้อมเสนอวิธีเก็บเงินในกองทุนรวมความเสี่ยงต่ำเพราะอย่างน้อยก็ผลตอบแทนก็ยังดีกว่าแบบออมทรัพย์ เมื่อมิ้นเก็บเงินได้มากพอ ระบบจึงแนะนำสินเชื่อคอนโดมือสอง NPA ของธนาคารที่เหมาะสมกับรายได้และนิสัยการใช้เงินของเธออย่างนุ่มนวลราวกับเพื่อนสนิทที่รู้ใจ

อีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เพื่อนสนิทของมิ้นชวนเธอไปช่วยทำการตลาดให้แบรนด์ขนมในออนไลน์ มิ้นไม่ได้เป็นนักการตลาดมืออาชีพ แต่คราวนี้เธอมี “ใบเตย” ผู้ช่วย AI ด้าน CRM (Customer relationship management) ที่พูดจาเหมือนเพื่อนสาวคนหนึ่ง

 

“ลูกค้าคนนี้ซื้อบ่อยช่วงดึกนะ ลองส่งคูปองลดราคาก่อนนอนดูสิ!” AI ใบเตยพูดผ่านหน้าจอแชตพร้อมกราฟสรุปข้อมูลครบถ้วน

ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ใบเตยช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าทั้งหมด ออกแบบแคมเปญส่งเสริมการขาย และคำนวณคะแนนสะสมให้เรียบร้อย

แคมเปญที่เคยต้องใช้เวลาเตรียมสามวัน กลับสำเร็จในครึ่งบ่ายเดียว และยอดขายของเพื่อนก็เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว

 

“บางที AI ก็เข้าใจลูกค้าดีกว่าเราอีกนะเนี่ย” มิ้นพูดติดตลก แต่ในใจลึก ๆ เธอกำลังเชื่อว่ามนุษย์กับเทคโนโลยีสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสมดุลจริง ๆ

ไม่นานหลังจากนั้น มิ้นได้รับอีเมลงานฟรีแลนซ์ให้ช่วยวางแผนคอนเทนต์ออนไลน์ แต่เธอชะงักตรงเอกสารสัญญาที่ยาวนับสิบหน้า เต็มไปด้วยภาษากฎหมายที่อ่านไม่เข้าใจ

เธอจึงลองเปิดแพลตฟอร์มกฎหมายอัจฉริยะใหม่ที่เพื่อนทนายแนะนำ

เพียงแค่คลิก “แปลให้เข้าใจง่าย” ระบบก็สรุปให้ในไม่กี่วินาทีว่า “สัญญานี้ไม่มีเงื่อนไขผูกพันเกินควร แต่มีข้อควรระวังเรื่องค่าปรับหากส่งงานล่าช้า”

มิ้นหัวเราะเบา ๆ แล้วพึมพำกับตัวเองว่า “ถ้ากฎหมายไทยพูดแบบนี้ได้ตั้งแต่แรก ชีวิตเราคงง่ายขึ้นเยอะเลย”

ตอนเย็นที่ออฟฟิศ เพื่อนในทีมไอทีชวนคุยเรื่อง “คอมพิวเตอร์ควอนตัม” และภัยใหม่ที่องค์กรต้องเตรียมรับมือ

พวกเขาบอกว่าอีกไม่เกินสิบปี ระบบเข้ารหัสแบบเดิมอาจถูกถอดได้หมดในไม่กี่วินาที

“เราต้องเริ่มใช้ระบบ Quantum Safe ก่อนจะสายเกินไป” เพื่อนพูดพลางยิ้ม

มิ้นเริ่มเข้าใจว่า โลกในอนาคตไม่ได้มีแค่โอกาส แต่ยังเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ต้องเรียนรู้จะป้องกัน

และในยุคที่ข้อมูลคือชีวิต การรักษาความปลอดภัยทางดิจิทัลก็คือการรักษาความเป็นมนุษย์เช่นกัน

 

ไม่กี่วันถัดมา ข่าวลือบนโซเชียลเกี่ยวกับแบรนด์ของบริษัทที่เป็นนายจ้างของเธอเริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แต่ระบบเฝ้าระวังชื่อเสียงของบริษัทตรวจจับกระแสได้ก่อนจะลุกลาม

AI ของ ARIS รายงานแบบเรียลไทม์ พร้อมวิเคราะห์อารมณ์ของโพสต์ว่าเป็น “เชิงประชดแต่ไม่เป็นอันตราย” ทีม PR จึงออกคำชี้แจงได้ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

วิกฤตที่อาจลุกลามกลายเป็นเพียงรอยคลื่นเล็ก ๆ

มิ้นรู้สึกประทับใจกับ “AI ที่ไม่เคยหลับ”  ผู้เฝ้ามองชื่อเสียงองค์กรตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อปกป้องสิ่งที่มนุษย์สร้างด้วยความตั้งใจ

เมื่อถึงปลายเดือน ความเครียดเริ่มก่อตัวจากงานและชีวิตที่หมุนเร็วเกินไป มิ้นเปิดแอปพูดคุยปรึกษา session กับนักจิตวิทยาผู้ช่วยดูแลสุขภาพใจ

เสียงที่ตอบกลับมานุ่มนวลและเธอจำได้ “คุณมิ้นรู้ไหม การหยุดพักไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นการให้เวลาหัวใจหายใจบ้าง”

เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับนักจิตวิทยาว่า “ขอบคุณนะคะที่ฟังโดยไม่ตัดสิน”

น้ำตาเธอเอ่อขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะเศร้า แต่เพราะรู้สึกว่ามีใครบางคนที่เข้าใจเธอ

ในสุดสัปดาห์นั้น มิ้นอยากผ่อนคลายจึงไปเดินเล่นที่ย่านสถานบันเทิงใจกลางเมือง

รอบตัวเธอเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ความสนุกสนาน ศิลปินหลากหลายเพศร้องเพลงกลางเวทีอย่างมั่นใจ

ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นท้องถิ่นตั้งเรียงราย มีป้ายเขียนไว้ว่า “Love is for Everyone”

 

เธอรู้สึกอบอุ่นแปลก ๆ เหมือนเห็นอนาคตของประเทศไทย ประเทศที่เทคโนโลยีช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น กฎหมายพูดภาษาเดียวกับประชาชน ระบบเศรษฐกิจเปิดรับความหลากหลาย และผู้คนเริ่มฟังกันด้วยหัวใจ

 

มิ้นยืนมองผู้คนรอบตัวที่ต่างยิ้มให้กันโดยไม่สนว่าคนตรงหน้าเป็นเพศไหน ชาติไหน หรือฐานะอะไร

ในหัวของเธอมีเสียงหนึ่งพูดขึ้นเบา ๆ

 

“นี่แหละ ประเทศไทยในอนาคต… ไม่ได้สมบูรณ์แบบที่สุด แต่เป็นประเทศที่เข้าใจมนุษย์มากที่สุด”

เธอเดินออกจากย่านท่ามกลางแสงไฟเมืองยามค่ำคืน มาขึ้นรถกลับบ้านพักผ่อนนอนหลับ และวันรุ่งขึ้นยามบ่ายเธอเปลี่ยนโหมดมานั่งร้านกาแฟเพื่อทำงานออนไลน์หารายได้เสริม

 

ไม่ไกลจากโต๊ะของเธอ เด็กหนุ่มคนหนึ่งเปิดคลิปเสียง AI ที่พูดภาษาไทยได้ชัดเจน เสียงนั้นมีน้ำหนัก มีจังหวะ มีสำเนียงคล้ายคนจริง มิ้นยิ้ม  เพราะเธอรู้จักมันดี มันคือ “Typhoon” โมเดลปัญญาประดิษฐ์ฝีมือคนไทยที่พูดไทยได้ ฟังอีสานได้ เข้าใจสำเนียงเหนือได้ แม้แต่คำเฉพาะถิ่นภาคใต้ก็ยังแปลออก

เธอจำได้ว่าตอนที่ฟังผู้พัฒนาเล่า พวกเขาบอกว่า “AI แบบนี้ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่มันคือเสียงของเราในโลกดิจิทัล”

 

ในที่สุดคนไทยก็มีเทคโนโลยีของตัวเองที่ไม่ต้องพึ่งต่างชาติอีกต่อไป และมันกำลังถูกใช้ในโรงพยาบาล โรงเรียน และบริษัทใหญ่ ๆ ในประเทศ

มิ้นจินตนาการถึงวันที่โรงเรียนเล็ก ๆ ในต่างจังหวัดใช้ระบบนี้สอนเด็ก ๆ โดยให้ AI ที่พูดสำเนียงถิ่นเดียวกันมาช่วยสอน เธอเห็นภาพคุณยายที่พูดอีสานคุยกับเครื่องช่วยพูดภาษาไทยได้แบบไม่ต้องแปล มันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

 

เธอคิดถึงอีกเรื่องหนึ่งที่เคยอ่าน เรื่องของ “บอทน้อย Botnoi” AI พูดได้ของไทยที่เริ่มจากความฝันเล็ก ๆ จนกลายเป็นเพื่อนของคนทั้งประเทศ

บอทน้อยไม่ใช่แค่ AI chatbot แต่มันช่วยคนจริง ๆ หญิงสาวคนหนึ่งเคยส่งข้อความขอบคุณทีมพัฒนา เพราะบอทน้อยช่วยให้เธอ “ไม่อยากทำร้ายตัวเองอีกต่อไป”

มิ้นจำประโยคนั้นได้ขึ้นใจ เธอรู้สึกเหมือนมันสะท้อนหัวใจของคนไทย ที่ไม่เคยปล่อยให้เทคโนโลยีเย็นชา แต่เติมชีวิตให้มันมีความหมาย

ภาพในหัวมิ้นลอยไปไกล เธอเห็นโรงงานแห่งหนึ่งในจีนที่เต็มไปด้วยเครื่องจักรอัจฉริยะ ทำงานอย่างเป็นระบบโดยมีคนควบคุมเพียงไม่กี่คน เธอจำได้จากสัมมนาว่า จีนกำลังเปลี่ยนจาก “โรงงานราคาถูก” สู่ “โรงงานสมองอัจฉริยะที่ใช้ data และ AI ในการตัดสินใจแทนการคาดเดา เธอคิดว่าไม่นานนัก โรงงานไทยก็อาจเป็นแบบนั้น หากคนรุ่นใหม่กล้าพัฒนาและกล้าลงทุนกับเทคโนโลยี

แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของเด็กต่างจังหวัดที่มาจากครอบครัวเกษตรกรอย่างมิ้นเต้นแรงที่สุดกลับไม่ใช่หุ่นยนต์ หรือระบบผลิตอัจฉริยะ แต่คือเรื่องราวของ “เกษตรกรรุ่นใหม่” ที่เธอได้ยินในงานเสวนา

ผู้พูดเล่าว่า “เกษตรกรไทยจะไปต่อได้ ก็ต่อเมื่อรวมตัวกัน”

ในภาพที่มิ้นนึกถึงคือฟาร์มแนวตั้งที่มีไฟในอาคารกลางกรุงเทพฯ พืชผักเติบโตโดยไม่ต้องพึ่งฤดูกาล มีระบบ IoT ตรวจวัดดิน น้ำ และแสงแบบเรียลไทม์ ทุกอย่างเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันที่ผู้บริโภคสามารถดูแหล่งที่มาได้ทันทีผ่าน QR Code

 

มิ้นนึกถึงคุณตาในบ้านต่างจังหวัด ถ้าในอนาคตคุณตาสามารถปลูกพืชตามออเดอร์ของลูกค้าโดยตรง ขายผลผลิตในราคายุติธรรมโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง คุณภาพชีวิตของชาวนาไทยจะดีขึ้นขนาดไหน เธอเห็นภาพเกษตรกรไทยในอนาคตที่ไม่ต้องรอฝน แต่ใช้เทคโนโลยีควบคุมสภาพอากาศเองได้

และขณะที่โลกหมุนไปเร็วกว่าเดิม ประเทศไทยเองก็กำลังต้องเลือกจุดยืนในระบบเศรษฐกิจโลกใหม่ ระหว่างขั้วของจีน สหรัฐฯ และยุโรป

ในงานเสวนาด้านเศรษฐกิจ มิ้นฟังอาจารย์พูดประโยคหนึ่งที่เธอจำไม่ลืม “ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชนะ แค่ต้องเป็นผู้เชื่อม (broker)”

เธอเริ่มเข้าใจว่า นี่คือยุคที่ไทยสามารถใช้จุดแข็งด้านอาหาร การแพทย์ และทำเลที่ตั้ง เชื่อมโยงระหว่างประเทศในเอเชียกับตลาดโลกได้อย่างชาญฉลาด

พลังงานสีเขียวและเทคโนโลยีสะอาดจะไม่ใช่แฟชั่นอีกต่อไป แต่มันคือเงื่อนไขทางการค้า ประเทศที่ไม่ปรับตัวจะไม่มีที่ยืนในตลาดโลก มิ้นหันมาทบทวนว่าบริษัทที่ตัวเองทำงานอยู่นั้นสนใจเรื่อง ESG แล้วหรือยัง

ความคิดสุดท้ายของมิ้นในวันนั้นคิดว่า เธอในฐานะที่เป็นคนทำงานเอกชนก็รู้สึกว่าตัวเองทำงานเต็มที่แล้ว ทุกคนในบริษัทเอกชนอื่นๆ ก็ดูตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ แต่ทำไมเธอยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจโดยภาพรวมมันไม่ดีขึ้นเลย เธอจึงย้อนกลับไปที่คำว่า “ความไว้วางใจ” ผ่านการจ่ายเงินภาษีให้รัฐไปนั้นน่าจะไม่ใช่ทางที่ถูกต้องแล้ว เธอจ่ายภาษีไปจำนวนมาก แต่ผลตอบแทนที่เธอได้รับมันน้อยมากจนไม่คุ้มค่า เธอลังเลว่าแล้วเราจะขยันทำงานในประเทศที่รัฐไม่เคารพคุณค่าเงินภาษีแบบนี้ไปอีกทำไม

 

เธออ่านข่าวเรื่องหน่วยงานกรุงเทพฯ (BMA) เริ่มเปิดข้อมูล Open Data จัดซื้อจัดจ้างแบบโปร่งใส มีการใช้ AI ตรวจสอบงบประมาณเพื่อป้องกันการทุจริต เธอรู้สึกดีอย่างประหลาด เพราะมันแปลว่าความโปร่งใสไม่ใช่เรื่องพูดสวย ๆ อีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ถูกออกแบบให้เกิดขึ้นได้จริงตามแนวคิด Integrity by Design

และเมื่อกฎหมายทำงานได้ ประชาชนก็เริ่มเชื่อมั่นอีกครั้ง ว่าเงินภาษีของพวกเขาไม่ได้หายไปกับอากาศ

เมื่อฟ้าเปลี่ยนเป็นสีครามเข้ม มิ้นปิดโน้ตบุ๊ก เธอมองเห็นภาพอนาคตของประเทศไทยชัดเจนขึ้น

ประเทศที่มีคนรุ่นใหม่เข้าใจชีวิต เข้าใจเงิน และเข้าใจโลก

ประเทศที่ใช้เทคโนโลยีอย่างมีหัวใจ ใช้เกษตรกรรมอย่างมีระบบ และใช้กฎหมายอย่างมีนิติธรรม

ประเทศที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่ด้วยโชค แต่ด้วยความตั้งใจของคนธรรมดาที่ลงมือเปลี่ยนแปลงวันละเล็กละน้อย

https://worldjusticeproject.org/

 

เธอเดินออกจากร้านกาแฟ ลมเย็นพัดเข้ามาแตะผมเบา ๆ และในหัวของมิ้นมีคำเดียวที่ดังก้อง

 

“ประเทศไทยกำลังจะกลายเป็นประเทศที่เราอยากอยู่จริง ๆ สักวันหนึ่ง”

 

สักวัน…

 

ชอบบทความสไตล์นี้ ฝากกด Like กด share ให้ Propholic.com ด้วย

ต่อทอง ทองหล่อ

ต่อทอง ทองหล่อ

บรรณาธิการสื่อเกี่ยวกับการศึกษา และ Blogger ผู้มีผลงานการวิเคราะห์ด้านอสังหาฯ มามากกว่าร้อยบทความ ยังเป็นผู้สนใจลงทุนคอนโดมิเนียม ชอบใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad รักการเดินเท้าและเลือกใช้ขนส่งมวลชนสำรวจความเปลี่ยนแปลงของทำเลสถานที่ผ่านมุมมองการเข้าใจมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็น Active Citizen ช่วยขับเคลื่อนพัฒนาเมืองผ่านงานเขียนและเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อมรัฐกับประชาชน เป้าหมายระยะยาวต้องการเห็นคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นของทุกคนในสังคม ติดตามผลงานได้ที่ https://matttortong.weebly.com

เว็บไซต์

เนอวานา แอทเวิร์ค กรุงเทพกรีฑา

นิว เมกา พลัส บางนา

นิว เรน แจ้งวัฒนะ

Nue REN Chaengwattana (นิว เรน แจ้งวัฒนะ) คือโครงการ...

10 October, 2025

ศุภาลัย พรีเมียร์ ตากสิน - วงเวียนใหญ่

ย่านฝั่งธนฯ นับว่าเป็นย่านชุมชนเก่าแก่ที่เปี่ยมไปด้ว...

29 September, 2025

โค้บบ์ ลาดพร้าว-สุทธิสาร

เอสซี แอสเสท ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูงและนวั...

22 September, 2025

ศุภาลัย เอลีท สุขุมวิท 39

"คอนโด High Rise ใหม่แบบ 2 ห้องนอนในย่านพร้อมพงษ์ ยั...

7 August, 2025

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง