“Luxury is space” คือคำนิยามของที่นี่

สำหรับคนที่มีครอบครัว หากต้องการจะหาที่พักอาศัยระดับบนที่สามารถทดแทนการอยู่อาศัยในบ้านเดี่ยว  ที่พักที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทองหล่อ ที่พักที่อยู่อาศัยได้จริง มีขนาดใหญ่พอที่สามารถใช้เป็นที่พักหลักของบ้าน หรือแม้แต่เป็นบ้านแห่งเดียวของครอบครัว   คงไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่า The Monument Thong Lo โดยแสนสิริและบีทีเอส

ตึกสูง 45 ชั้น บนที่ดินขนาด 2 ไร่ครึ่ง แต่มีจำนวนยูนิตเพียง 127 ยูนิต บ่งบอกถึงความ premium และ exclusive ได้เป็นอย่างดี

ขนาดห้องพักเริ่มตั้งแต่ 124 ตารางเมตร จนถึง 662 ตารางเมตร ถ้าจะว่าไปตัวเลขขนาดห้องเริ่มต้นของที่นี่ยังใหญ่กว่า ห้องขนาดใหญ่สุดของหลายๆโครงการที่เปิดตัวช่วงนี้ด้วยซ้ำ 

ทุกห้องเป็นผนังกระจก Insulated full height เต็มความสูง 3 เมตร ยาวตลอดแนว เปิดรับวิวแบบ panorama โดยมีจุดเด่นที่การเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างส่วนต่างๆ อย่างเช่นนั่งที่ living ก็จะมองออกไปที่ระเบียงอเนกประสงค์ขนาดใหญ่มากได้ และเห็น Island พื้นที่ทำครัวอย่าง ชัดเจน ระเบียงที่นี่มีขนาดถึง 20 ตารางเมตร เหมาะมากสำหรับครอบครัวที่ชอบชีวิต outdoor นั่งชิวดูวิวสวยๆที่ระเบียง  

พื้นเป็นหินในโซน living และ ไม้ในห้องนอน ตามมาตรฐานคอนโด luxury

ห้องขนาด 124 ตารางเมตร ที่เป็นห้องส่วนใหญ่ของโครงการ เป็นห้องแบบ 2 bedroom เหมาะกับครอบครัวคนรุ่นใหม่ ที่ชอบพื้นที่โซน living ขนาดใหญ่ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้มีความสุขที่สุด  ห้อง 2 bed จะตั้งอยู่ที่ชั้น 3-27  ใน 1 floor จะมี  4 ยูนิต ทุกยูนิตเป็นห้องมุมได้หน้าต่าง 2 ทิศ

เมื่อข้ามไปชั้น highzone ตั้งแต่ 29 – 40  จะมีแต่ 3 bedroom ขนาด 252 ตารางเมตร โดย 1 floor จะมีแค่2 ยูนิตเท่านั้น แบ่งครึ่งกันไปเลย ห้อง 3 bed จะมีพื้นที่ living ขนาดใหญ่สำหรับสมาชิกครอบครัวที่มากขึ้น โดยมีหน้ากว้างประมาณ 15 เมตร เปิดรับวิวกันเต็มๆด้วยกระจก full height เช่นกัน เฉพาะพื้นที่ living ก็ประมาณ 60 ตารางเมตรแล้วครับ ใหญ่กว่าพื้นที่รวมของห้อง 2 bed ของคอนโดอื่นๆในยุคนี้สมัยนี้ซะอีก

ชั้น 41-42 จะเป็นห้องพักแบบ penthouse  ชั้นละ 1 ยูนิต   โดยห้องชั้น 41จะมีขนาด 508 ตารางเมตร ห้องนี้จะออกแบบให้คล้ายมี 2 ยูนิตอยู่ภายในยูนิตเดียว เพื่อรองรับครอบครัวขยายที่ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ยังไม่อยากแยกกันอยู่ หรือเพื่อตอบโจทย์คนที่มักจะมีแขก มาพักด้วย และพิเศษสุดๆห้อง highlight ของตึกที่ชั้น 42  ขนาด 520 ตารางเมตร เป็น Penthouse พร้อม Private pool ยูนิตเดียวของอาคาร

ชั้น 43-44 มียูนิตเดียวเป็นห้อง penthouse duplex ขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ 662 ตารางเมตร 

จะเห็นว่าการวาง unit matrix ห้องของโครงการนี้ exclusive แบบจริงจัง และยิ่งเพิ่มเติมความ exclusive ให้มากขึ้น ด้วยลิฟท์โดยสารแบบ Destination Control System ที่ตั้งระบบให้ขึ้นและลงได้ทีละครอบครัวเท่านั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องรอลิฟท์นาน เพราะ private lift ของที่นี่นอกจากจะแชร์กันไม่กี่ห้องแล้ว ยังจัดมาให้ถึง 2 ตัวต่อห้อง ถ้าลองคำนวนดูเป็นตัวเลขก็จะได้ 62 ยูนิตใช้ลิฟท์ร่วมกัน 2 ตัว  เหลือๆครับ

ภาพโถง private lift 

เพื่อจะทดแทนบ้านได้อย่างสมบูรณ์  ด้วย trend ครอบครัวคนมีฐานะในกรุงเทพชั้นในที่นิยมมีสัตว์เลี้ยงกันในบ้านมากขึ้น The Monument Thong Lo จึงมีนโยบายอนุญาตให้เลี้ยงสุนัข (เลี้ยงได้เฉพาะสุนัขตัวเล็กเท่าน้น) ไว้เป็นสมาชิกในครอบครัวได้ด้วย

ดังนั้นนี่คือคอนโดที่ใช้ทดแทนบ้านเดี่ยวได้อย่างแท้จริง !!!!!!!!!

(สำหรับคนที่ไม่ชอบสัตว์เลี้ยงก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ติดในลิฟท์  ทางโครงการให้นโยบายว่าไม่อนุญาตให้พาสัตว์เลี้ยงขึ้นลงลิฟท์หลักครับ ต้องใช้ลิฟท์ service เท่านั้น )

The Monument Thong Lo ตั้งอยู่ปลายซอยทองหล่อก่อนข้ามสะพานข้ามคลองแสนแสบ ดังนั้นจึงถือว่ายังเป็นทองหล่อแท้ๆอยู่  เนื่องด้วยทำเลที่ตั้งที่ห่างรถไฟฟ้าเกิน 2 กิโลเมตร  ห่างจากช่วงกลางซอยทองหล่อช่วงที่ถือว่าครบครันด้าน lifestyle ที่สุดประมาณ 1 กิโลเมตร  ทำให้หลายๆคนมองว่าที่แปลงนี้ออกจะด้อยกว่า โครงการอื่นๆในระดับเดียวกัน แสนสิริจึงจัดเต็มการออกแบบมาชดเชย และทำได้ดีมากๆด้วย เพิ่ม value ให้กับโครงการมหาศาล จนรู้สึกไม่ได้ถึงทำเลที่เป็นรองอีกต่อไป 

Architecture design

Monolith คือ concept  ในการออกแบบของที่นี่ เป็นการ design ให้รูปทรงอาคารเป็นแท่งสมมาตรขึ้นมาจากพื้นดินไปจนถึงยอดตึก โดยไม่มีส่วนของ podium เหมือนอาคารสูงทั่วไป และใช้อาคาร sculpture form เตี้ยๆมาเพิ่มจุดเด่นของด้านหน้า โดยผู้ออกแบบมั่นใจว่าเมื่อแล้วเสร็จจะเป็น landmark ของถนนทองหล่อ

ที่ดินแปลงนี้ก่อนจะมาถึงมือแสนสิริ คือโครงการ H1 ที่แสนร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ โดยเฉพาะต้นก้ามปูเก่าแก่ทั้ง 5 ต้น และเมื่อแสนสิริได้ที่ดินมาก็ได้มองเห็นคุณค่าของต้นไม้ใหญ่เหล่านี้  ต้นที่ไม่ทับแนวอาคารก็คงไว้แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา ต้นที่อยู่ในแนวอาคารก็ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญมาขุดล้อมยกไปไว้ที่พื้นที่ด้านในสุดที่ออกแบบไว้เป็นสวนสวยๆของโครงการ

ภาพตอนยังไม่เริ่มปรับที่ดิน

ตอนเริ่มปรับที่ดินแรกๆ

แผนงานการย้ายต้นไม้

เมื่อย้ายแล้วเสร็จ

แผนผังพื้นที่สีเขียวชั้นล่างของโครงการ

ความเขียวร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ ส่งอิทธิพลมาถึงการออกแบบสถาปัตยกรรมที่นี่ด้วย

อาคาร sculpture form ด้านหน้าเป็นอาคารจอดรถและส่วนของ facility  วางโครงสร้างเป็นแบบพื้นยื่นออกจากเสารับน้ำหนัก ทำให้เกิดเป็นลักษณะค่อยๆแผ่ขึ้นเมื่อความสูงมากขึ้น  คล้ายๆกับต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาแก่โครงการ  สระว่ายน้ำยาวเกือบ 30 เมตร บนชั้นบนสุดของอาคารด้านหน้า ก็ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากวงปีของต้นไม้เช่นกัน

วัสดุที่ใช้ปูพื้นและผนังสระก็ไม่ใช่กระเบื้องเหมือนคอนโดทั่วไปแต่ที่นี่เลือกใช้เป็นหิน White cloud เพิ่มความสวยงามเมื่อแสงแดดส่องกระทบ

ตัวอาคารหลักสูงจากพื้นไปถึงยอดประมาณ 172 เมตร เป็นคอนโดที่สูงที่สุดในย่านนี้แล้ว ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพก็คงใกล้เคียงกับความสูงของ The Lumpini 24 ที่เพิ่งสร้างแล้วเสร็จ สูงที่สุดก็เด่นที่สุดเป็นเรื่องธรรมดา

คอนโดนี้เป็นโครงการแรกของแสนสิริ และเป็นไม่กี่โครงการของประเทศไทยที่ใช้กระจกทั้งหมดเป็นผนังอาคาร ซึ่งการเลือกใช้ผนังกระจกนี้บ่งบอกได้ถึงความ luxury อย่างเต็มที่ แถมยังจัดกระจกเป็นกระจก insulated กันทั้งเสียงและความร้อนให้อีกต่างหาก   

Lobby Design 

Lobby เป็นสิ่งที่ต้อนรับผู้พักอาศัยกลับบ้าน ต้อนรับแขกผู้มาเยือน  เป็นตัวแทนแห่งความภาคภูมิใจของเจ้าของร่วมทุกคน แสนสิริได้คำนึงถึงความสำคัญของ lobby มาโดยตลอด

ที่นี่ออกแบบให้ lobby สูง double volume  คุมโทนสีของ interior ให้ออกสีน้ำตาลขรึมๆ คล้ายๆกับสีของต้นไม้ มีลายสวยหายากจากอิตาลีมาปูผนัง หินชนิดนี้จะมีลายคล้ายเปลือกไม้สวยๆ

และที่นี่ยังเป็นที่แรกที่แสนสิริเลือกใช้ไม้ มาเป็นวัสดุปูพื้นส่วน lobby แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องอายุการใช้งานนะครับ ไม้ที่นี่เลือกใช้ไม้ที่เลื่อยขวางแนวเสี้ยนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงมากกว่าไม้แบบปกติ

Chandelier แบบ free form สั่งผลิตพิเศษ บวกกับฝ้าที่เซาะร่องแนวโค้งทำหลืบซ่อนไฟ  เป็นสองสิ่งที่ผู้ออกแบบภาคภูมิใจ ว่าสวยหรูไม่เหมือนใคร จะสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นเจ้าของให้แก่ผู้ที่ซื้อที่นี่อย่างแน่นอน  ผู้ออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจาก chandelier เคลื่อนไหวได้ที่สนามบินแห่งชาติสิงคโปร์ เอามาประยุกต์ถอดฟังก์ชั่นการเคลื่อนไหวออกไป เนื่องจากประเมินแล้วดูแลรักษาลำบาก อีกทั้งเสี่ยงต่อการหลุดลงมาทำให้เกิดอันตรายได้  แต่จะใช้แสงไฟมาเป็นตัวทำให้เกิดการเคลื่อนไหวแทน  (รอดูต่อไปครับผมเองก็นึกภาพตามไม่ออก)

ที่ lobby ของ The Monument Thong Lo เลือกใช้ furniture จาก 2 brand world class คือ Fendi Casa กับ Flexform จากอิตาลี  โดยเน้นรูปทรงที่โค้งมลอ่อนนุ่ม เพื่อตัดกับความแข็งของโทนการออกแบบที่ออกจะ masculine เล็กน้อย การมีอารมณ์อ่อนหวาน feminine มาผสมเชื่อว่า จะถูกใจทั้ง 2 เพศ มากกว่าการเน้นหนักไปที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แถมโซฟาที่นั่งใช้เป็นโซฟาขนเป็ดนำเข้าจากต่างประเทศ

เช่นเดียวกับชั้น facility

Landscape design 

ที่ดินแปลงนี้อย่างที่บอกว่า มีจุดเด่นที่ต้นไม้ใหญ่หลายต้นที่อยู่คู่กับที่ดินมาตั้งแต่แรก ทางแสนสิริได้เห็นคุณค่าของมัน จึงออกแบบให้พื้นที่ด้านหลังมีสวนพักผ่อนและดำเนินการขุดย้ายต้นไม้ไปไว้ด้านใน แถมสวนด้านหลังยังกว้างพอสมควร ขนาดประมาณ 150 ตารางวากันเลยทีเดียว

รูปที่ดินเป็นทรงลึกจึงสามารถถอยอาคารเข้าไปด้านใน ลึกจนขึ้นอาคารได้สูงมากพอดีๆตามกฏระยะร่นและความสูงที่กำหนด  พื้นที่ว่างด้านหน้าจึงสามารถจัดสวนสวยๆไว้อีกที่ โดยอนุรักษ์ต้นไม้ที่ใหญ่และสวยที่สุดของแปลงที่ดินไว้ที่เดิม สร้างสวนขึ้นมาล้อมต้นไม้ไว้ ดูสวยงามลงตัวกับอาคารfacility ที่ออกแบบมาเป็นรูปต้นไม้บานแผ่กิ่งแผ่ใบ

บ้านต้นไม้ได้เข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญของสวนด้านในด้วย เพื่อให้ครอบครัวที่มีลูกเล็กๆได้ใช้เวลาร่วมกัน

**dog park **  อย่างที่บอกว่าที่นี่เลี้ยงสุนัขได้ สิ่งที่สุนัขต้องการคือพื้นที่วิ่งเล่น ทางผู้ออกแบบจึงจัดสวนด้านหน้าสุดขนาดประมาณ  10 *6 เมตร ไว้สำหรับสุนัขโดยเฉพาะอีกด้วยครับ โดยสวนตรงนี้จะมีรั้วเตี้ยๆล้อมไว้ กันน้องหมาที่น่ารักจะวิ่งซนออกนอกพื้นที่ให้เกิดอันตราย

อ้อ!!!! เกือบลืมต้นไม้ที่ทาง designer เลือกเอามาเสริมในโครงการนอกจากต้นไม้หลักเดิมที่อยู่ในที่ดินแล้ว จะมีรูปแบบที่เน้นต้นไม้ที่มีดอกตามฤดูกาล ช่วยเพิ่มความสวยงามและหลากหลายในแต่ละช่วงเวลาอีกด้วย

ที่จริงยังมีรายละเอียดปลีกย่อยในงานออกแบบมากกว่านี้อีกเยอะครับ ทุกสิ่งคิดมาแล้วเพื่อผู้พักอาศัย ที่แสนสิริต้องพิถีพิถันในรายละเอียด มากกว่าคอนโดตัวอื่นของตัวเอง ก็เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้มีกำลังซื้อสูง จนมีตัวเลือกมากมายหลากหลายที่สามารถครอบครองได้ การจะแย่งชิงพื้นที่ในจิตใจของคนกลุ่มนี้ ที่มักใช้อารมณ์ความรู้สึกมาเป็นสิ่งขับเคลื่อนในการเลือกจับจ่ายใช้สอย  ก็ต้องเก็บ details ทุกเม็ดแบบนี้แหละครับ

ใครสนใจติดต่อสอบถามข้อมูลลึกๆจากเซลล์แสนสิริได้ครับ ซึ่งจะให้ข้อมูลได้ละเอียดมากกว่าผมแน่นอน สุดท้ายนี้ผมต้องบอกว่าอิจฉามาก สำหรับคนที่ได้ครอบครองที่นี่ไว้อยู่อาศัยเอง แต่ถ้าจะลงทุนผมไม่ค่อยให้น้ำหนักมากนัก เพราะกลุ่มลูกค้ามีจำกัดเหลือเกิน

สุดท้ายและท้ายสุดคือ การที่โครงการไกลรถไฟฟ้าจึงจัดที่จอดรถมาให้เพียงพอต่อความต้องการคือประมาณ 200% ถ้านับจากจำนวนยูนิต แต่ในอนาคตแถวนี้จะมีรถไฟฟ้าสายสีเทาผ่าน ซึ่งถ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาเกิดจริงๆ สถานีจะอยู่ใกล้โครงการมากทำให้การเดินทางไปปากทางทองหล่อ เชื่อมต่อ bts ง่ายขึ้นเยอะ แต่ผู้พักอาศัยระดับนี้คงขับรถ super car หรือรถยุโรปกันอยู่แล้วเน๊อะ