เป็นที่ยอมรับกันว่ายุค Digital 4.0 อย่างในปัจจุบัน เป็นยุครุ่งเรืองทางนวัตกรรม ซึ่งเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทกับวงจรธุรกิจมากมายในทุกๆด้าน ธุรกิจหลายภาคส่วนที่ได้มีการปรับตัวให้ทันกับยุคสมัยก็ได้มีการพัฒนาปรับปรุง Online Channel ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Brand Touchpoint ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดี สร้างความแตกต่าง และตอกย้ำความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ของแต่ละแบรนด์…ธุรกิจนายหน้าอสังหาฯ เป็นธุรกิจที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายจับตาเป็นอย่างมากว่า อนาคตจะเป็นเช่นไร เนื่องจาก Ecosystem ของธุรกิจนายหน้าอสังหาฯในเมืองไทย ค่อนข้างจะมีความแตกต่างจากในต่างประเทศ ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลให้มีนายหน้า “สมัครเล่น” ที่ไม่ได้มีจุดขาย หรือข้อได้เปรียบอะไรเลย ทั้งในเชิง Consulting Service และ Informative System เกิดขึ้นมาเกลื่อนเมือง

การขยายตัวของเวปไซต์ประเภท Online Marketplace ส่งผลกระทบทั้งในแง่บวก และแง่ลบต่อธุรกิจนายหน้าอสังหาฯ หากมองในแง่บวก นี่คือช่องทางที่ฉีกขนบในการทำธุรกิจแบบเดิมๆ ที่นายหน้าส่วนใหญ่มักจะประสบปัญหาในการทำการตลาดทั้งในส่วนของการหา Stock และหา Inquiry แต่หากมองในทางกลับกัน ก็จะพบว่า Online Marketplace ไม่ว่าจะเป็นที่เฉพาะเจาะจงในเซกเมนท์อสังหาฯ หรือเหมารวมทุกประเภท ก็ล้วนเป็นช่องทางที่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย สามารถสร้าง Classified Listing เพื่อจับคู่กันเองได้อย่างง่ายดาย โดยปราศจากตัวกลางอย่างนายหน้า… ทั้งนี้จากประสบการณ์ของผมที่ได้อยู่ในวงการอสังหาฯและ ทำงานร่วมกับนายหน้าอสังหาฯ เกือบทุกประเภทมานาน กลับพบว่า นายหน้า “สมัครเล่น” ส่วนใหญ่ ล้วนมีส่วนทำให้ owner หลายๆรายมองภาพลักษณ์ของนายหน้าอสังหาฯในแบบที่ผิดไปจากที่ควรจะเป็น เชื่อแน่ว่าหากคุณเป็น owner และบังเอิญคุณไปโพสลงประกาศไว้ในสื่อออนไลน์ สิ่งที่ตามมาก็คือจะมีบรรดานายหน้า “สมัครเล่น” จำนวนมาก ติดต่อเข้ามาถามรายละเอียด (ทั้งๆที่ก็เขียนรายละเอียดครบ พร้อมรูปอยู่ในโพสแล้ว) และจบด้วยการต่อราคา เพื่อเอาไปบวกค่าคอมมิชชั่น และเอาไปประกาศขายต่อในเนตอีกที โดยที่ยังไม่มีลูกค้าอยู่ในมือแม้แต่รายเดียว!!

ในขณะที่บรรดานายหน้า “สมัครเล่น” เอาแต่คอยไล่หา Stock และโพสขายต่อลงในเนต โดยที่ไม่ห่วงว่า Listing มันจะซ้ำ หรือจะต่ำกว่าราคาตลาด บรรดาตัวแทนนายหน้า “มืออาชีพ” ระดับ A List ของวงการกลับคิดต่าง และมองภาพที่กว้างกว่านั้น ด้วยหลักการและเหตุผลที่ว่า ถ้าเราไม่ปรับตัวให้ทันกับยุคนี้ ไม่รู้จักใช้นวัตกรรมบนโลก online ให้เป็น ก็คงจะไม่สามารถรักษาฐานลูกค้า และสร้าง Word of Mouth ตลอดจนยอดขายที่ยั่งยืนได้ การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน เสริมเขี้ยวเล็บ Value Added ให้กับการบริการ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่นายหน้า “มืออาชีพ” ระดับ A List เค้าทำกัน เพราะคุณค่าที่แท้จริงของการเป็นนายหน้าก็คือ “การหมั่นพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ทันกับยุคสมัยมากที่สุดนั้นเอง”

หากเรากวาดสายตามองไปยัง Competitive arena ของตลาดตัวแทนอสังหาฯในเมืองไทย ก็จะพบว่ามีบริษัทฯเพียงไม่กี่บริษัท ที่ยืนหยัดมายาวนานเกินกว่า 20 ปี โดยที่มียอด Billing (ในเชิง Property Value)มากกว่าหลักพันล้านบาทในแต่ละปี…พลัส พร็อพเพอร์ตี้ (Plus Property) คือหนึ่งในบริษัทตัวแทนอสังหาฯที่เข้าข่ายดังกล่าว ซึ่งผมจะขอหยิบมาเป็น Case Study เรื่องการปรับตัวให้ทันกับยุคที่ นายหน้าเกลื่อนเมือง และใครๆก็เข้าถึงสื่อออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นอีกหนึ่งผู้นำในตลาดตัวแทนอสังหาฯที่อยู่ในเซกเมนท์ของ Developer Agent ซึ่งเป็นเซกเมนท์ที่มีความได้เปรียบในเชิงฐานเงินทุน ทรัพยากร จำนวน Quality Stock และความน่าเชื่อถือ มากที่สุดในธุรกิจตัวแทนอสังหาฯ การลงทุนขยายธุรกิจเปิดบริษัทตัวแทนอสังหาฯค่อนข้างเป็นกระแสในหมู่ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่มาหลายปีแล้ว เนื่องจากทุกดีเวลลอปเปอร์มองว่าการเปิดบริษัทตัวแทนอย่างจริงจัง ประเภท Authorized Reseller มีส่วนช่วยให้คอนโดของแต่ละรายมี liquidity ที่สูงขึ้น มีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันมากขึ้น สามารถกำหนดราคาตลาดที่เหมาะสมได้ สร้างฐานลูกค้ากลุ่มนักลงทุนมากขึ้น ช่วยให้ perception ของคอนโดที่จากเดิมซื้อยาก ขายยาก เป็น Low Involvement Product กลายเป็น High Involvement Product ซื้อง่าย ขายคล่อง ตั้งแต่ช่วงแรกๆที่คอนโดเปิดขาย ตลอดจนสร้าง Customer Life Time Value ให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะลูกค้าสามารถนำเงินจากการขายคอนโดเก่าของตัวเอง มาซื้อของใหม่จากทางบริษัทได้เรื่อยๆ

มากกว่าการเป็นตัวแทน.. แต่พลัส คือเพื่อนร่วมทางของการอยู่อาศัย

หากเรา Zoom in ไปดูถึงการดำเนินธุรกิจของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ก็จะพบว่าบริษัทฯแห่งนี้ มีความโดดเด่น และแตกต่างกว่าบริษัทตัวแทนอสังหาฯ รายอื่นๆที่อยู่ในเซกเมนท์ Developer Agent ซึ่งความโดดเด่นดังกล่าว ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นกลุ่มธุรกิจด้านการบริหารจัดการอสังหาฯแบบครบวงจร ถึง 3 ประเภท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของทั้งกลุ่ม B2B (Business to Business) และ B2C (Business to Consumer) ได้แก่

Brokerage Services: ธุรกิจตัวแทนนายหน้าอสังหาฯ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในการเลือกซื้อ-ขาย-เช่า ที่พักอาศัย ด้วยจำนวนโครงการทั้งคอนโด ทาวน์เฮ้าส์ และบ้านเดี่ยว มากกว่า 10,000 ยูนิต บนทำเลศักยภาพทั่วประเทศ โดยธุรกิจ Brokerage Services นี้ยังครอบคลุมไปถึงบริการเสริมอย่างเช่น Relocation, Rental for the Holidays ซึ่งเป็นบริการให้เช่าห้องพักตามเมืองตากอากาศ ตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป, บริการ Property Care Services ซึ่งหลักๆคือ ช่วยนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ดูแล Property ที่แต่ละรายเป็นเจ้าของอยู่อย่างครบวงจร เป็นบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าของห้องที่ไม่ได้อยู่ประจำ เช่น รับฝากจ่ายค่าสาธารณูปโภค, ทำความสะอาดห้องพักตลอดจนจัดหาช่างหรือวิศวกรมาซ่อมแซมและดูแลความพร้อมของอุปกรณ์ในห้องพัก

และที่กำลังมาแรงตอนนี้ในหมู่นักลงทุนอสังหาฯกระเป๋าหนัก นั่นก็คือแนะนำการลงทุนอสังหาฯในต่างประเทศ ซึ่งทางพลัสฯได้ทำการคัดเลือกพันธมิตรที่สามารถให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมทุกด้านเป็น One Stop Services ตั้งแต่การซื้อ – หาผู้เช่า – หาเฟอร์ฯ – เก็บค่าเช่า – ขายต่อ โดยปัจจุบันนี้พลัสได้เป็นพันธมิตรกับ Corcoran บ.ตัวแทนอันดับหนึ่งที่นิวยอร์ค และ W H Baker ตัวแทนชั้นนำที่ลอนดอน

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มีฐานข้อมูลลูกค้าที่มีคุณภาพ และเข้าใจหลักการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ในแต่ละปีมีการขายห้องรีเซลมากกว่า 1,000 รายการ โดยหนึ่งในโครงการที่ Hot มากๆในช่วงนี้ก็คือ Edge Sukhumvit 23 ครับ

ส่วนอีก 2 กลุ่มธุรกิจก็ได้แก่ Sole Agency Services และ Property and Facility Management ครับ

ต้องบอกว่าพลัสนับว่าเป็น Developer Agent เพียงรายเดียวที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ Sole Agency Services ครับ โดยปัจจัยสำคัญก็คือ พลัสฯมีการแยกทีมบริหารการตลาด และการขายที่ชัดเจนออกจากทีมรีเซล จึงทำให้มีการโฟกัสได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญมากจริงๆก็คือ ทรัพยากรในด้านบุคคลากร ตลอดจนองค์ความรู้ ที่พลัสฯมีครบในแบบที่ดีเวลลอปเปอร์รายย่อยต้องการ ตั้งแต่การสำรวจ วิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการลงทุน การจัดทำบทวิจัยตลาด แผนการขาย และการสื่อสารการตลาด โดยตอนนี้มีโครงการอสังหาฯเลือกใช้พลัสฯในการบริหารงาน Sole Agency Services มากกว่า 10 โครงการในแต่ละปี

และ 3 คือ Property and Facility Management หรือธุรกิจการบริหารจัดการอสังหาฯ ทั้งเพื่อการอยู่อาศัย และการพาณิชย์ ซึ่งที่ผ่านมามีประสบการณ์ในการบริหารโครงการมากกว่า 200 โครงการ ทั่วประเทศ โดยโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้การบริหารงานของพลัสฯ ตั้งแต่เริ่มแรก จะมีมูลค่าขายต่อสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นโครงการอย่าง Quattro หรือ PYNE by Sansiri ที่ราคาขายรีเซลขยับขึ้นมามากกว่า 100% เมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึง 5 ปี นี่คือบทพิสูจน์ถึงความเป็นมืออาชีพในการบริหารงานของพลัสฯ ที่ทำได้ไม่แพ้บริษัทที่เป็นแบรนด์ใหญ่ระดับโลกรายไหนเลย

รู้จักกับ www.plus.co.th มากกว่าแค่ Web Listing แต่คือ Hybrid web listing ที่ช่วยกำหนดราคาที่แท้จริง และปิดการขายในที่เดียว

เมื่อพูดถึงการทำธุรกิจตัวแทนนายหน้าอสังหาฯ ก็จะพบว่าสื่อออนไลน์เป็นสิ่งที่จำเป็นอันดับแรกที่ต้องทำเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการทำธุรกิจ ตลอดจนการทำ SEO & SEM แน่นอนว่านายหน้าอสังหาฯทุกรายย่อมต้องการให้เวปไซต์ของตัวเองมีจำนวน Quality Listing เยอะๆ เวลาที่ audience กดเข้ามาในเวปก็จะรู้สึกได้ถึงความเป็นมืออาชีพ (เพราะมีคนฝาก Stock เข้ามาเยอะ) จนนำมาสู่ Lead ทั้งในส่วนของ Inquiry (ผู้ต้องการซื้อ-เช่า) และ Property (ผู้ต้องการฝากขาย-เช่า)…แต่ในความเป็นจริงแล้ว การมีจำนวน Listing สะสมมากเกินไปในเวปไซต์นั้น ไม่ได้ส่งผลดีในสายตาของบรรดานักลงทุน ที่มีการฝาก stock เอาไว้กับตัวแทนหลายๆราย และลงโพสเองในเนตบ้าง แต่อย่างใด เนื่องจากอาจจะเป็นการสื่อถึงการไม่ Focus ในการขาย ไม่ได้มีการอัพเดท stock และไม่ค่อยจะมีการปิดการขาย จนจำนวน listing ล้นเวป

สำหรับพลัสฯ การมีเวปไซต์ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพียงแค่การดัก Stock หรือว่าการทำ SEO เพียงอย่างเดียว แต่ทางพลัสฯมองภาพของ www.plus.co.th ให้เป็น Hybrid Web Listing ที่จะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของความเป็นมืออาชีพในด้านการเป็นที่ปรึกษาด้านอสังหาฯ ในแบบครบวงจร พูดอีกอย่างนึงก็คือ ไม่ใช่แค่โพสลงเวปแล้วก็จบไป แต่พลัสฯมีหน้าที่สำคัญในการทำเอา Stock อันมีค่าของคุณไปช่วยขาย โดยกำหนดราคาขายให้สอดคล้องกับราคาตลาด จากนั้นจึงสร้างแรงดึงดูดให้ Stock ของคุณ เอาไปทำการตลาดผ่านเครื่องมือสื่อสารการตลาดต่างๆ ทั้งฐานข้อมูลลูกค้าของพลัสเองฯ และจากสื่อภายนอก อยู่คอยช่วยเหลือคุณจนกว่า Stock ของคุณจะขายได้

สำหรับการทำ Web Listing โดยปกตินั้น มีองค์ประกอบสำคัญอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน ซึ่งผมมองว่านี่คือ Standard Features ที่สามารถเห็นได้ทั่วไป นั้นคือ 1. Search Menu 2. Post Property (ฝากขาย-เช่า) และ 3. Content

แต่สำหรับ http://www.plus.co.th ซึ่งวาง positioning เป็น Hybrid Web Listing (เวป Listing ที่นำเสนอ Content & Solution ที่ช่วยให้เกิดการปิดการขายได้จริงในที่เดียว) นั้นมี Highlight Features ที่มากกว่าเวปทั่วไปบนโลกออนไลน์ อันประกอบด้วย

1. ระบบ Search ที่แม่นยำ และรองรับการขยายตัวของรถไฟฟ้าในอนาคตมากที่สุด
2. ระบบ Map Search ที่สามารถเลือกดู โครงการ และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่อยู่ในทำเลนั้นๆได้
3. คุณภาพของ Stock ที่มีอยู่บนหน้าเวป ที่ผ่านการคัดกรองมาแล้ว
4. ระบบแสดงผล Transaction Data ที่แม่นยำ อิงจากราคาขายจริง
5. รูปภาพภายในแต่ละห้องที่ค่อนข้างครบ มีบริการถ่ายภาพ 360 Virtual Tour และแสดงผลบนหน้าเวป
6. ระบบกรอกข้อมูลฝากขาย-เช่า ที่เข้าใจง่าย รวดเร็ว
7. นำเสนอบทความ ข่าวสาร และบทวิจัย ที่ช่วยให้การลงทุนอสังหาฯของคุณเป็นเรื่องง่าย

ระบบ Search ที่แม่นยำ และรองรับการขยายตัวของรถไฟฟ้าในอนาคตมากที่สุด

ทิศทางการพัฒนาโครงการอสังหาฯในกทม.แน่นอนว่ารถไฟฟ้าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ในการชี้วัดว่าทำเลไหนจะรุ่ง หรือจะร่วง การทยอยกันเปิดเส้นทางการเดินรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ล้วนแล้วแต่ส่งผลที่ดีต่อโครงการอสังหาฯที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ทั้งในแง่ของ Capital Gain และผลตอบแทนจากค่าเช่า พลัสฯเองให้ความสำคัญกับโครงการอสังหาฯที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าค่อนข้างมากกว่า web listing ประเภทอื่นๆ ดังที่จะเห็นได้จากระบบ Search ที่ให้น้ำหนักไปที่การ Search BTS/MRT Stations ค่อนข้างมากที่สุดในตลาด เพราะนอกจากจะแยกกันระหว่าง BTS และ MRT แล้ว ยังวาง Map ไว้เผื่อเส้นทางในอนาคตครบทุกเส้นทางรถไฟฟ้า รวมไปถึงเส้นทางคมนาคมทางเลือกอื่นๆ อย่างเช่น เรือด่วนเจ้าพระยา และ Airport Rail Link นอกจากนี้รูปแบบการ Search ยังเป็น Multiple Search ที่เราสามารถเพิ่ม Filter ลงไปในหน้าเดียวกันได้เลย ไม่ว่าจะเป็น ต้องการซื้อ-เช่า และ ชนิดของอสังหาฯ ทั้ง Residential หรือ Commercial ต่างกับ เวปอื่นๆที่ไม่ได้มีระบบ Multiple Search โดยผู้ใช้งานเลือกดูได้แค่ Property ที่อยู่ใกล้สถานีนั้นเท่านั้น ไม่ได้มีการแยกประเภทไว้ให้

การวางระบบ Transportation Search โดยใช้ Map ของสถานีรถไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก สำหรับการทำ web listing ในยุคนี้ ซึ่งผมมองว่าอนาคตข้างหน้าคนส่วนใหญ่คงจะจำเขตที่ตัวเองอยู่ไม่ได้แล้ว ว่าเขตไหนอยู่ตรงไหน แต่จะยึดเอาชื่อสถานีรถไฟฟ้าเป็นจุดศูนย์กลางนั่นเองครับ…สะดวกจริงๆครับ

ระบบ Map Search ที่สามารถเลือกดู โครงการ และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่อยู่ในทำเลนั้นๆได้

สำหรับใครที่ยังคงถนัดรูปแบบการ Search จากแผนที่ Google ซึ่งเป็นรูปแบบที่ค่อนข้างจะเป็นมาตรฐานสำหรับ wed listing ทั่วไป ที่ www.plus.co.th ก็ยังคงมีรูปแบบการ Search โดย Plug-in กับ Google Map ให้เช่นกัน ซึ่งหากเป็นคนทั่วไปมองเผินๆอาจจะดูธรรมดา แต่จุดที่ค่อนข้างทำได้ดีกว่าที่อื่นๆก็คือ การที่เราสามารถเลือก Area ที่เราต้องการหาได้มากกว่า 24 Areas ทั่วกรุงเทพ สามารถ Filter ตัวกรองอื่นๆ เช่น Property Type, ราคา, ขนาดห้องนอน, สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งในโครงการ และรอบๆโครงการ ได้เลยในหน้าเดียว ต่างกับเวปไซต์อื่นที่ไม่ได้มีการแบ่ง Area และแยก Filter มาให้ แต่เป็นการแสดงผล Property ทั้งหมดที่มีอยู่บนเวปไซต์ และเราต้องไปเลื่อนแผนที่ไปเลย…ซึ่งผมว่ามันค่อนข้างยากสำหรับคนที่หลงแผนที่ แถมเลื่อนไปเลื่อนมา ด้วยจำนวน Listing เยอะมาก ก็อาจพลอยทำให้เวปค้างอีกต่างหาก…นอกจากนี้ยังมีระบบ Keyword Search ที่ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์ชื่อโครงการ เพื่อค้นหายูนิตที่คุณต้องการได้เลย อันนี้เหมาะมากสำหรับคนที่มีตัวเลือกโครงการอยู่ในใจอยู่แล้วครับ

สามารถเลือก Area เป็น Drop Down ทางเมนูด้านซ้ายมือได้

มีระบบ Search Filter เพิ่มเติมใน Map เลย สามารถเลือก Property Type, จำนวนห้องนอน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆได้

คุณภาพของ Stock ที่มีอยู่บนหน้าเวป ที่ผ่านการคัดกรองมาแล้ว

หมดปัญหาเรื่อง การเจอแต่ Stock ซ้ำๆที่ไม่มีคุณภาพ เพราะที่ www.plus.co.th มีมาตรการในการคัดกรอง และ Update Listing เป็นอย่างดี…เนื่องจากพลัสฯเป็นบริษัทตัวแทน ที่มีการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน แถมมีแบคอัพที่ดีอย่างแสนสิริมาช่วย Support พลัสฯจึงให้ความสำคัญกับหน่วยงานหลังบ้านค่อนข้างมาก โดยบริษัทฯมีทีมงาน Customer Support ในการตรวจสอบข้อมูลของ Stock ที่มีอยู่ในระบบ ว่าอยู่ในสถานะอะไร มีการปรับราคาขาย หรือขายได้แล้วหรือไม่ อย่างเป็นระยะ ซึ่งแน่นอนว่าด้วยชื่อเสียงของพลัสฯ ย่อมเป็นหลักประกันชั้นดีได้ว่า Stock ที่มีอยู่ในเวป จะเป็น Stock คุณภาพดี ใกล้รถไฟฟ้า มีความต้องการสูงในตลาด ไม่ว่าจะเป็น Stock ภายใต้แบรนด์แสนสิริเอง หรือจากดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำรายอื่นๆ…จากประสบการณ์ของผมเองนะ พูดเลยว่าหากต้องการหาห้องรีเซลของคอนโดในแบรนด์แสนสิริ ที่พลัสฯมีตัวเลือกให้คุณเยอะที่สุด ชนิดที่ว่าคุณเองก็ไม่สามารถหาได้จากที่อื่นครับ เพราะลูกค้าของแสนสิริเองเป็นที่รู้กันดีว่ามี Loyalty ค่อนข้างสูง และทีมขายของพลัสฯเองก็ขายรีเซลต่อให้ลูกค้าได้เรื่อยๆ ลูกค้าจำนวนหนึ่งก็เลยกลายเป็น Good Followers ไม่ได้ฝากขายที่อื่นแต่อย่างใดครับ นี่คือจุดแข็งมากๆจุดหนึ่งของพลัสฯ

ที่ www.plus.co.th มีการแสดงผลการค้นหาห้องที่ปล่อยขาย-เช่า ไปได้แล้วด้วยครับ ผู้ใช้งานจะได้เห็นๆไปเลยว่ามีการ Update ตลอดเวลา ไม่ได้มี Listing ที่ซ้ำๆกัน และของถูกปล่อยออกจริงครับ

ระบบแสดงผล Transaction Data ที่แม่นยำ อิงจากราคาขายจริง

ในเมืองไทยการพัฒนาเวปไซต์ประเภท Real Estate Listing ไม่ค่อยถูกพัฒนาในแบบ Advance มากเหมือนกับในต่างประเทศ ซึ่งเราสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการซื้อ-ขาย อสังหาฯของเราได้ โดยเฉพาะข้อมูลทางสถิติ เช่น สถิติการก่ออาชญากรรมในย่านนั้นๆ, ราคาที่ดิน, ราคาซื้อขายจริง, จำนวนยูนิตที่มีการโอนฯจริง, ระดับความน่าอยู่ของ Neighborhood Surrounding และผลตอบแทนที่ได้รับจาก Capital Gain รวมถึง Rental Yield ซึ่งอุปสรรคสำคัญก็คือ หน่วยงานที่เก็บข้อมูลทางสถิติเหล่านี้ล้วนเป็นหน่วยงานทางราชการ ที่ยังคงมีรูปแบบการเก็บข้อมูลแบบเป็นส่วนตัว ไม่เอาลงระบบ online เป็น public API ที่จะช่วยให้หน่วยงานภายนอกนำไป Plug in Data เพื่อใช้งานได้

ที่ผ่านมามี Web Listing หลายแห่งพยายามที่จะนำเอา Big Data จากฐานข้อมูลของผู้ฝากขายทั้งหมดในเวปไซต์ มาประมวลผลเพื่อแสดงให้เห็นถึงระดับของ Capital Gain และ Rental Yield แต่สิ่งที่ปรากฎออกมาอาจจะดูไม่ค่อย Scientific เท่าที่ควร เนื่องจากปัญหาของผู้ที่โพสขายของในเวปนั้น เค้าไม่ได้มีการอัพเดทราคาขายจริง หรือโพสครั้งเดียวก็หายไปเลย แถมจำนวน Listing ก็ซ้ำไปซ้ำมาอยู่เวป เพียงแค่เปลี่ยนชื่อคนโพสเท่านั้น…ในมุมมองของผม หากต้องการข้อมูลในเรื่องของ Transaction Data หน่วยงานเดียวของประเทศไทยที่มีขีดความสามารถในการทำเรื่องแบบนี้ให้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากทีสุดก็เห็นทีจะเป็น บริษัทตัวแทนอสังหาฯนี่แหละครับ เพราะว่า 1. ข้อมูลในเวปไซต์มีการอัพเดทตลอดเวลา ตัดปัญหาเรื่อง Stock ซ้ำ และ 2. เป็นผู้เดียวที่รู้ราคาที่ปิดการขายจริงของแต่ละ Property ได้ ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะมาช่วยกำหนดสิ่งที่นักลงทุนมักจะถกเถียงกันอยู่เสมอๆครับ ว่าโครงการนี้ควรตั้งราคาขายเท่าไหร่ดี ถึงจะเหมาะสมกับตลาด ไม่ใช่ว่าต่างคนต่างตั้งราคา บางเอเจนท์อยากขายมากก็ไปกดราคาขาย owner ให้ต่ำเท่าตอนซื้อมาใหม่ๆอีกแหน่ะ

ที่ www.plus.co.th ได้มีการนำเอาจุดแข็งในสองเรื่องดังกล่าวมาพัฒนาเป็น การแสดงผลข้อมูลโดยเฉลี่ยของ Capital Gain และ Rental Yield ในแต่ละโครงการครับ นับว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนทุกคนควรจะนำเอาราคานี้ไปอ้างอิงในทุกครั้งที่ตัดสินใจซื้อ หรือขายคอนโด และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนา Features อื่นๆที่สำคัญในอนาคตเช่นกัน

ผมลองกดดูที่โครงการ Quattro By Sansiri พบว่ามีอัตรา Capital Gain ต่อตรม.ที่ปรับตัวขึ้นสูงมากนับจากเปิดตัวในปี 2011 ที่ขายกันตรม.ละ 140K ตอนนี้ปาเข้าไปเฉลี่ยตรม.ละ 270K แล้วครับ โดยห้องด้านล่างนี้ถือว่ามีราคาต่ำกว่าราคาเฉลี่ยทั้งโครงการคือตรมละ 237K

ห้องนี้ล่ะราคาถูกมากเลย >> http://www.plus.co.th/Quattro

นอกจากนี้ระบบยังมีการคำนวน Rental Yield เฉลี่ยของทั้งโครงการให้เช่นกัน

รูปภาพภายในแต่ละห้องที่ค่อนข้างครบ มีบริการถ่ายภาพ 360 Virtual Tour และแสดงผลบนหน้าเวป

หากคุณเป็นคนแบบผมที่วันๆชอบที่จะเข้าไปดู Listing ดีๆตามเวปต่างๆ สิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างหงุดหงิดก็คือ เวลาเรากดเลือกดูยูนิตในโครงการนั้นๆ สิ่งที่ปรากฎออกมาก็คือ หน้าตาของ Property List ที่เหมือนกันหมดเลย คือมีแต่รูปตึก ไม่ก็รูปส่วนกลาง แต่ว่าไม่ได้มีรูปภายในห้อง หรือรูปวิวจริง ซึ่งเป็นส่วนที่กระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้มากที่สุด ซึ่งทางพลัสฯเองก็ได้มองเห็นปัญหาที่จุดนี้ โดยได้มีการส่งทีม Support ไปถ่ายรูปห้องจริง ในกรณีที่ลูกค้าไม่ได่ส่งรูปภาพมาให้ นอกจากนี้หากว่าห้องของคุณเป็นห้องที่เป็นที่ต้องการของตลาด มีรูปแบบการแต่งห้องที่ไม่ธรรมดา และคิดว่าน่าจะขายได้ราคาดีกว่าตลาดแน่ๆ ทางพลัสฯก็จะ support ผู้ที้ต้องการฝากขาย/เช่า โดยจะมีช่างภาพมืออาชีพเข้าไปถ่ายภาพสินทรัพย์ เพื่อทำการโปรโมทบนเว็บไซต์และช่องทางอื่นๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ผมลองกดเข้าไปดู Stock เช่าของโครงการ HQ ครับ จะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วก็จะมีรูปภายในห้องเกือบทั้งหมด ที่ยังไม่มีก็เพราะทางทีมงานของพลัสฯยังทยอยเข้าไปเก็บไม่หมดครับ

บางห้องก็มีรูปถ่าย 360 องศา แบบ Virtual Tour ที่เราสามารถหมุนดูภาพได้ 360 องศา ซูมเข้า ออก ได้ทุกห้อง ตามสบายเลยครับ

ระบบกรอกข้อมูลฝากขาย-เช่า ที่เข้าใจง่าย รวดเร็ว

สำหรับใครที่สนใจฝากขาย-เช่า กับพลัสฯ ก็สามารถทำได้ถึง 3 ช่องทางด้วยกันคือ 1 โทรศัพท์เข้าไปที่ออฟฟิศ 2. ส่งอีเมล พร้อมรายละเอียดของ Stock ไปที่ plusagency@plus.co.th และ 3. เข้าไปกรอกข้อมูลที่เมนู ฝากขาย/เช่า ซึ่งเป็นเมนูที่ค่อนข้างเข้าใจง่าย ข้อมูลครบถ้วน และอัพโหลดได้รวดเร็ว แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า เวลาที่คุณแอดข้อมูลเข้าไป ระบบจะไม่ได้แสดงผล Post โดยอัตโนมัติทันที เหมือนกับ Web Listing โดยทั่วไปนะครับ เพราะพลัสฯเองก็เป็นบริษัทตัวแทน ที่ต้องมีขั้นตอนในการคัดกรอง Stock ว่าเป็น Stock ที่เข้าข่ายคุณภาพหรือไม่ รวมถึงต้องมีการตั้งราคาขาย/เช่า กันใหม่ โดยฝ่าย Customer Support จะเป็นผู้ที่โทรประสานงานเรื่องการตั้งราคาในภายหลังจากที่ได้รับข้อมูลแล้ว เพื่อให้ใด้ราคาที่เหมาะสมตรงกับราคาตลาดมากที่สุด

นำเสนอบทความ ข่าวสาร และบทวิจัย ที่ช่วยให้การลงทุนอสังหาฯของคุณเป็นเรื่องง่าย

นอกจากที่ผู้ใช้งานจะเพลินเพลินไปกับการดู Quality Listing และราคาตลาดโดยเฉลี่ยของโครงการต่างๆบนเวปแล้ว ที่ www.plus.co.th ยังนำเสนอ Content ที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน โดยเฉพาะผู้ที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ เพราะนอกจากทีมงานของพลัสฯจะรวบรวมข่าวสารและความเคลื่อนไหวของธุรกิจมาให้ทุกวันแล้ว ยังมีส่วนของบทความเกร็ดความรู้ต่างๆ และบทวิจัยรายครึ่งปี ของตลาดอสังหาทั้งส่วนของ Residential และ Commercial ที่ให้ข้อมูลละเอียดครบถ้วน ไม่แพ้หน่วยงานวิจัยจากสำนักอื่นๆแต่อย่างใด ซึ่งนับว่าเป็น Developer Agent เพียงรายเดียวในตลาดที่มีทีมงาน In-house Research ในการเก็บข้อมูล และจัดทำรายงาน

สามารถเลือกได้ว่าจะอ่านบทความประเภทไหน ข่าวสาร – บทความเกร็ดความรู้ – บทวิจัย

ในบรรดา Highlight Features ทั้ง 7 อย่างของพลัสฯก็ต้องบอกว่าผมค่อนข้างจะชอบ Feature ในส่วนของการแสดงผลข้อมูลราคาขายจริงมากที่สุดครับ เพราะนอกจากผู้ใช้งานจะสามารถนำเอาราคาปิดการขายไปอ้างอิงได้ ข้อมูลเหล่านี้ยังส่งผลลัพธ์โดยตรงต่อการตั้งราคาขายของแต่ละโครงการในอนาคต เพราะตอนนี้ Owner หลายๆโครงการประสบปัญหาจากการกดราคาของ สารพัดเอเจนท์ ทั้งเอเจนท์ที่นั่งประจำโครงการหลังโอน และเอเจนท์สมัครเล่นที่มีอยู่เกลื่อนบนโลกออนไลน์ จริงๆแล้ว www.plus.co.th ยังมี Features อื่นๆที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Tab เครื่องมือช่วยการคำนวณสินเชื่อ เปลี่ยนหน่วยพื้นที่ ภาษีที่เกี่ยวข้อง และที่ไม่ค่อยมีให้เห็นที่เวปอื่นๆอย่างคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลต่างๆครับ

และฟังก์ชั่นในการเปรียบเทียบโครงการ

ซึ่งเมื่อเข้าไปที่เมนู ‘ซื้อและเช่า’ ก็จะเห็นว่าใน Property List ทุกรายการจะมีปุ่ม “เพิ่มเพื่อเปรียบเทียบ” อยู่บริเวณมุมขวาล่าง ในกรณีที่เราอยากที่จะเปรียบเทียบยูนิตนี้ กับยูนิตอื่นๆในโครงการเดียวกัน หรือโครงการอื่นๆ ว่ามีขนาด ราคา ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างกันอย่างไร ก็ให้กดที่ปุ่ม “เพิ่มเพื่อเปรียบเทียบ” ซึ่งเราสามารถเลือกเปรียบเทียบได้ถึง 4 ตัวเลือก จากนั้นหน้าจอจะแสดงผลการเปรียบเทียบออกมาทั้ง 4 ยูนิต ในหน้าเดียวกัน เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่ต้องคอยเปิดหน้า Property สลับไปมาถึง 4 หน้าครับ

ผมลองกดเลือกดูโครงการในกรุงเทพฯที่อยู่ในทำเล สุขุมวิทตอนกลาง

จากนั้นก็ลองกดเปรียบเทียบ 4 ยูนิตจาก 4 โครงการที่ผมชอบ อย่าง HQ, The Lofts Ekamai, The Lumpini 24 และ The XXXIX โดยติ้กไปที่ช่อง “เพิ่มเพื่อเปรียบเทียบ” จากนั้นก็กดไปที่ tab “ดูรายการเปรียบเทียบ” ที่ด้านบน Property List เท่านี้ก็จะออกมาเป็นหน้าแสดงรายการเปรียบเทียบแบบด้านล่างครับ

นอกจากนี้ด้วยการที่พลัสฯเป็นบริษัทลูกของแสนสิริ ดังนั้นเราสามารถรู้ความเคลื่อนไหวของตลาดรีเซล สำหรับโครงการภายใต้แบรนด์แสนสิริ ได้อย่างง่ายดายว่ามีโครงการไหน Active อยู่ในตลาด จากการสังเกต Feature Banner บนหน้าแรกของเวปไซต์ครับ เท่าที่ดูตอนนี้ก็จะเห็นว่ามีโครงการ Edge Sukhumvit 23, The XXXIX, The Base Park West และดูได้อีกส่วนจาก Dynamic Tab ใต้ Search Bar ที่หน้า Home ซึ่งจะแสดงถึงการค้นหายอดนิยมสำหรับทั้งตลาดรีเซล และตลาดเช่า…ตอนนี้ Autumn Hua-Hin ได้รับความนิยมในการค้นหามากที่สุดสำหรับตลาดรีเซล และ Hasu Haus ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับตลาดเช่า

www.plus.co.th นับว่าเป็นอีกหนึ่ง Hybrid Web Listing ที่มีความน่าสนใจมากในตลาดอสังหาฯครับ เนื่องจากผู้ใช้งานไม่ต้องมาพะวงว่าเมื่อโพสไปแล้วจะต้องมาคอยอัพเดทบ่อยๆ หรือจะต้องไปโพสใน Online Marketplace ที่อื่นๆอีก อีกทั้งยังมี Data อื่นๆที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนอสังหาฯของคุณ ทั้งนี้จุดมุ่งหมายเพียงอย่างเดียวของผู้ใช้งาน Online Marketplace ทุกคนก็แน่นอนว่าคือการที่ยูนิตของคุณขาย-เช่าได้ ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งการเลือกใช้บริการตัวแทนอสังหาฯมืออาชีพที่มีฐานลูกค้าอันแข็งแกร่งอย่างพลัสก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่ถึงแม้ว่ายูนิตของคุณอาจจะยังขายไม่ได้ในทันที แต่ก็มีโอกาสในการขายมากขึ้นกว่าการประกาศขายเอง ซึ่งก็แน่นอนว่า ถ้าคุณเอายูนิตของคุณมาลงที่ www.plus.co.th อย่างน้อยยูนิตของคุณก็จะถูกนำมาทำการตลาดไปสู่กลุ่มฐานลูกค้าของพลัสฯ และสื่ออื่นๆที่ทางบริษัทฯได้เทงบประมาณไปมหาศาลในแต่ละปีเพื่อโปรโมทนั่นเองครับ…อ้อ ข้อดีของการใช้งาน Developer Agent อีกอย่างที่หลายคนไม่รู้ ก็เช่นคุณอาจได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม ในกรณีที่คุณซื้อคอนโดภายใต้แบรนด์ของ Developer นั้นๆ เช่น ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน, Cash Back หรือโปรโมชั่นอื่นๆ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่แตกต่างจากการไปซื้อขายกันเองบนโลกออนไลน์ หรือการใช้งานตัวแทนประเภทอื่นครับ