สรุป 12 ประเด็นเด็ดของวงการอสังหาฯ ในปี 2021
บอกลาปี 2021 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และเริ่มใหม่ไปกับปี 2022 ที่กำลังจะมาถึง คิดกันไหมว่าเวลามันผ่านไปไวจริงๆ รู้สึกตัวอีกทีก็จะหมดปีแล้ว แถมโรคระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกก็ไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ดังนั้นก็ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพร่างกายและระวังตัวเองอยู่เสมอ เพื่อผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้ เอาหล่ะนอกเรื่องกันไปไกลแล้ว กลับมาดูที่แวดวงอสังหาฯ ในบ้านเราบ้างดีกว่าว่า 11 เดือนที่ผ่านมานั้น เราก็มี 10 ประเด็นเด็ดเกี่ยวกับวงการอสังหาฯ ที่เป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ มานำเสนอให้กับทุกคนได้ติดตามกัน มาเริ่มกันเลย…
1. สว. ที่ไม่ใช่สูงวัย แต่เป็นสุขเว่อร์ เมื่อกลุ่มตลาดผู้สูงอายุกำลังมาแรงขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับตลาด Elderly & Wellness Residences หรือกลุ่มอสังหาฯ เพื่อคนสูงวัย ว่ามีการเปิดตัวเยอะมากที่สุดในรอบหลายปี จากเทรนด์ประชากรผู้สูงอายุที่มากขึ้นในประเทศไทย
เนื่องจากประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ที่มีอัตราการเกิดลดลง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และการเปลี่ยนแปลงของสังคมในยุคปัจจุบัน ดังนั้นในวัยผู้สูงอายุบางคนต้องการแยกที่พักอาศัยออกมาส่วนตัว ที่มีบริการและการดูแลที่ครอบคลุมในทุกด้าน ทั้งในเรื่องส่วนตัวรวมไปถึงเรื่องของสุขภาพ จึงมีดีเวลลอปเปอร์หลายเจ้าที่มองเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก อาทิ
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ผนึกกำลัง สมิติเวช ให้ Health Tech ในที่อยู่อาศัย เชื่อมโยงบริการ “Samitivej Virtual Hospital” เข้ากับแอป “Origin Connect” ให้ลูกบ้านเข้าถึงบริการปรึกษาแพทย์ 24 ชั่วโมง บริการเจาะเลือด และบริการขนส่งยาถึงบ้าน ได้ง่ายๆ ผ่านแอป พร้อมแจกโค้ดลูกบ้านปรึกษาแพทย์ไม่มีค่าใช้จ่าย 15 นาที สำหรับบริการ Samitivej Virtual Hospital ที่จะมาให้บริการผ่านแอป Origin Connect ประกอบด้วยบริการ 4 ส่วน ได้แก่ 1.บริการปรึกษาแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยแพทย์จะให้คำปรึกษาผ่านช่องทางวิดีโอคอล 2.บริการตรวจเลือดถึงโครงการ กรณีได้รับการวินิจฉัยว่าต้องทำการตรวจเลือด 3.บริการฉีดวัคซีนถึงโครงการ กรณีได้รับการวินิจฉัยว่า ต้องทำการฉีดวัคซีน 4.บริการขนส่งยาถึงโครงการ จัดส่งยาให้ถึงโครงการหลังจากได้รับคำวินิจฉัยของแพทย์
บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ดิ แอสเพน ทรี (The Aspen Tree) โครงการแบ่งอาคารที่พักอาศัยออกเป็น Active Living Condominiums จำนวน 3 อาคาร จำนวน 250 ยูนิต และแบบ Sky Villa Residences 2 อาคาร เพียง 40 ยูนิต บนพื้นที่ขนาด 23-2-26.5 ไร่ เป็นโครงการที่พักอาศัยพร้อมมอบบริการดูแลตลอดชีวิต สำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการใช้ชีวิตในระยะยาว ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เน้นบริการและการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ผสานโปรแกรม Health & Wellness โดยผ่านกิจกรรมระหว่างวันและสันทนาการต่างๆ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้สูงวัย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ที่สำคัญ โครงการดิ แอสเพน ทรี ยังถือเป็นโครงการแห่งแรกที่มุ่งเน้นด้านการดูแลตลอดชีวิต ใส่ใจด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ โดยได้ร่วมทำงานกับ เบย์เครสต์ โกลบอล โซลูชั่น (Baycrest Global Solutions) องค์กรจากประเทศแคนาดาที่มีประสบการณ์มากกว่า 100 ปี และเป็นผู้นำระดับโลกทางด้านการพัฒนาที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงวัย
ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป
จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ (Jin Wellbeing County) จาก ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ผู้มีประสบการณ์ด้านโรงพยาบาลกว่า 40 ปี ให้บริการดูแลผู้สูงวัยที่ยังมีพลัง และต้องการพัฒนาศักยภาพ ด้วยกิจกรรมที่ออกแบบมาเฉพาะแต่ละบุคคล เพื่อฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม ช่วยพัฒนาด้านอารมณ์ สมอง และความจำ ป้องกันภาวะสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ รวมถึงฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้แข็งแรง มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อการใช้ชีวิตในอีก 30 ปี มีห้องให้เลือก 2 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาด 43 – 46 ตารางเมตร และ 1 Bedroom Plus ขนาด 63 – 66 ตารางเมตร ราคาค่าเช่าเริ่มต้น 40,000 บาท/เดือน
บริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด
นายา เรสซิเดนซ์ (NAYA Residence) เป็นบ้านในนิยามใหม่เพื่อวัยอิสระ แห่งแรกริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ออกแบบเพื่อให้ทุกท่านใช้ชีวิตในแบบ Active Ageing ได้ยาวนานที่สุด ยกระดับคุณภาพชีวิตสัมผัสวิถีแห่งความอยู่ดีมีสุข ก้าวสู่วัยอิสระอย่างมีคุณภาพ ห้องพักดีไซน์ใหม่ สะดวก ปลอดภัย อุ่นใจ 24 ชั่วโมง ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการออกแบบ ด้วยแนวคิด Universal Design รวมถึงการเลือกสรรวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งานผสานเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัย DoCare by SCG เพื่อสร้างมิติใหม่ของที่อยู่อาศัยเพื่อวัยอิสระ มีห้องให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 62 – 76 ตารางเมตร และ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 105 – 120 ตารางเมตร จะเป็นรูปแบบการให้เช่าในระยะยาว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการว่าจะเช่าเต็มที่ 30 ปีหรือน้อยกว่า
บริษัท ศุภาลัย จำกัด
เปิดโครงการ ศุภวัฒนาลัย (Supalai Wellness Valley) นับเป็นโครงการแรกของบริษัทเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัยในอนาคต แนวคิดออกแบบและพัฒนาโดยคำนึงถึงความสะดวกสบายของคนทุกเพศทุกวัย (universal design) โดยรูปแบบขายสิทธิการเช่า เงื่อนไขผู้พักอาศัยต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีสิทธิพักอาศัยภายในโครงการตลอดชีพ โดยทำสัญญาเช่าซื้อระยะยาว โปรโมชั่นพิเศษพักอาศัย 1 คน ราคา 1.3 ล้านบาท และสำหรับ 2 คน ราคา 1.5 ล้านบาท
2. ยกเลิก LTV ทุกระดับราคา ทุกสัญญา
ธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) สำหรับสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 สำหรับมูลค่าบ้านที่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และบ้านที่ระดับราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท คาดว่าการผ่อนคลายเกณฑ์ดังกล่าว จะส่งผลให้สินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบในปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนที่เติบโต 10.8%
สำหรับกลุ่มบ้านที่ระดับราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท หากเป็นกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรก เพื่ออยู่อาศัยจริง ยังคงเพดาน LTV 100% สำหรับสินเชื่อบ้าน แต่ผู้กู้สามารถกู้เพิ่มได้อีก 10% ของมูลค่าหลักประกันสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเข้าอยู่อาศัยจริง เช่น การตกแต่งบ้าน การซ่อมแซมหรือต่อเติม ซึ่งส่วนนี้เมื่อกลายเป็นหนี้ที่มีบ้านเป็นหลักประกันจะมีดอกเบี้ยต่ำกว่าการกู้แบบไม่มีหลักประกัน การปลดล็อกมาตรการ LTV ใหม่นี้ ส่งผลดีต่อที่อยู่อาศัยในทุกระดับราคา ทั้งโครงการมือหนึ่งและมือสอง ช่วยกระตุ้นทั้งกลุ่มเรียลดีมานด์ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง รวมทั้งกลุ่มนักลงทุนที่มีกำลังซื้อให้ตัดสินใจง่ายขึ้น
ภาพจาก : https://www.thaipr.net/estate/3118174
3. ดีเวลลอปเปอร์แห่สมัครเข้าโครงการ Elite Flexible One
Elite Flexible One เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมพิเศษของ ไทยแลนด์ อีลิท ที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยเข้าร่วมโครงการสูงเกือบกว่า 20 บริษัท ตอบรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมจับมือสร้างความเชื่อมั่นทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีทิศทางดีขึ้น โดยปัจจุบันมีกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาฯ ส่งโครงการเข้าร่วมโปรแกรม Elite Flexible One แล้วกว่า 50 โครงการ และอีกหลายโครงการที่อยู่ในช่วงการเตรียมความพร้อมรวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนกว่า 80 โครงการ
โดยแต่ละกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาฯ ต่างมีกลยุทธ์ในการทำตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการตลาดและการขายแบบเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งแนะนำบัตร Elite Flexible Oneให้เป็นที่รู้จักผ่านการโฆษณาในสื่อต่างๆ ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อ
มีบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท แสนสิริ จำกัด บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไซมิสแอสเสท จำกัด (มหาชน) บริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท Niche Pride Taopoon Interchange บริษัท 888 ทองหล่อ จำกัด
4. อนันดา และ Ashton Asoke
จากกรณีของแอชตัน อโศก คอนโดมิเนียมภายใต้การบริหารงานของ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่กลายเป็น TALK OF THE TOWN ของวงการอสังหาฯ ที่ถูกคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร หรือเปลี่ยนการใช้อาคารโดยไม่ยื่นคำขอรับใบอนุญาต ตามมาตรา 39 ทวิ และมาตรา 39 ตรี แห่ง พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่ออกให้แก่บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ออกหนังสือแจ้งความประสงค์ดังกล่าวทุกฉบับ ร้อนถึงลูกบ้านภายในโครงการในขณะนั้นที่มีการโอนเข้าอยู่ไปแล้วถึง 85% ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี
ซึ่งความคืบหน้าของคดีตอนนี้ก็คือ เพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของเจ้าของห้องชุดโครงการแอชตัน อโศก ทางบริษัทร่วมค้า (บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด) พร้อมเจ้าของห้องชุด 297 ราย ได้ร่วมลงชื่อแนบท้ายคำร้อง ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 2 7 สิงหาคม 2564 (ในฐานะผู้ร้องสอด ไม่ใช่คู่ความโดยตรง) เพื่อคัดค้านคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างศาลปกครองสูงสุดแสวงหาข้อเท็จจริง และคาดว่าศาลปกครองสูงสุดจะต้องใช้เวลาแสวงหาข้อเท็จจริงอีกระยะหนึ่ง โดยในระหว่างนี้ ทางโครงการฯ ได้ช่วยประสานงานกับสถาบันการเงิน ในกรณีที่ลูกบ้านต้องการ Retention หรือรีไฟแนนซ์ เพื่อให้มีภาระในการผ่อนชำระน้อยลงนั่นเอง
5. เสนา กับการรุกลงทุนในแบบ Shortcut ที่มากที่สุดในรอบหลายปี
โดย เสนาฯ ได้มีการเข้าซื้อโครงการที่สร้างค้างไปแล้ว 3 ทำเล ประกอบด้วย 1.ย่านรัตนาธิเบศร์ 2.ย่านเจริญนคร 3.ย่านบางซื่อ-เตาปูน โดยทั้ง 3 โครงการพัฒนาภายใต้แบรนด์ใหม่ “เฟล็กซี่ (FLEXI)” เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y & Gen Z โดย “เฟล็กซี่ (FLEXI)” จะถูกนำมาใช้กับโปรเจกต์แรก เฟล็กซี่ (FLEXI) รัตนาธิเบศร์ ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างเจรจาอีก 3 โครงการ มูลค่าซื้อ-ขาย ทั้งหมดคือ 6 โครงการ ในปี 2564 ราว 4 พันล้านบาท
และ เสนาฯ ได้เข้าแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อการเข้าลงทุนใน บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด ในสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วของ บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด ในมูลค่าเงินลงทุนรวม 385 ล้านบาท ทำให้ บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของเสนาฯ โดยดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาฯ รูปแบบคอนโดฯ โลว์ไรส์ 1 โครงการ ไฮป์ สาทร-ธนบุรี จำนวน 914 ยูนิต บนที่ดินประมาณ 7 ไร่