เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2025 กรุงเทพฯ ของเราประสบกับเหตุแผ่นดินไหว แม้โชคดีในโชคร้ายที่แรงสั่นสะเทือนจะไม่ถึงกับทำลายเมือง (แต่ก็ทำลายตึกหน่วยงานราชการบางแห่งลงได้) สำหรับคนที่พักอาศัยในคอนโดมิเนียมแล้ว มันคือเหตุการณ์ที่ทำให้หัวใจเต้นแรงไม่น้อย แรงสั่นสะเทือนทำให้คอนโดหลายแห่งเกิดความเสียหาย ผนังแตกร้าว บางห้องเกิดท่อน้ำแตกจนต้องซ่อมแซมทันที สถานการณ์ภัยธรรมชาติครั้งใหญ่เช่นนี้กลายเป็นบททดสอบที่แท้จริงสำหรับระบบบริษัทประกันภัยทุกบริษัท

ในช่วงเวลานั้น การยื่นเคลมประกันกลายเป็นเรื่องที่เจ้าของห้องและนิติบุคคลคอนโดให้ความสนใจมาก เพราะคือช่วงเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือและเงินชดเชยอย่างรวดเร็ว เหล่าทีมงานของ Propholic เราจึงมีโอกาสได้ทดลองใช้บริการของหลายบริษัทที่นิยมในตลาด โดยขอเลือกนำเสนอเฉพาะบริษัทที่พวกเรามีประสบการณ์ตรงเท่านั้น ได้แก่ อลิอันซ์ อยุธยา, ชับบ์ สามัคคี, ทิพยประกันภัย, ส่วนกรุงเทพประกันภัยใช้บริการผ่านกรมธรรม์ IAR (Industrial All Risks) ของนิติบุคคลคอนโด

https://unsplash.com/photos/man-writing-on-paper-OQMZwNd3ThU

เริ่มจาก อลิอันซ์ อยุธยา ที่เรายื่นเคลมวันที่ 3 เมษายน 2025 กระบวนการดำเนินงานค่อนข้างราบรื่น เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับอย่างรวดเร็ว มีการส่งหนังสือรับรองการปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทสํารวจภัยเพื่อให้ลูกค้ารับทราบว่าเป็นตัวแทนจากบริษัทประกันภัยจะเข้าไปดูหน้างาน มีการตั้ง group Line เพื่ออำนวยความสะดวกประสานงาน มีการนัดส่ง surveyor เข้าตรวจสอบหน้างาน และมีการโทรศัพท์ติดตามผลว่าใครไปตรวจห้องหรือยัง มีการโทรติดตามลูกค้าด้วย หลังจากการประเมินความเสียหายและตรวจเอกสารครบถ้วน การจ่ายเงินสินไหมเกิดขึ้นในวันที่ 12 กรกฎาคม 2025 สิริรวมใช้เวลาตั้งแต่ยื่นเรื่องขอเคลมไปจนถึงวันได้รับเงินจริงๆ ก็ใช้เวลา 100 วัน ถือว่าเร็วที่สุดในบรรดาบริษัทที่ขอเคลมไปและช่วยให้เจ้าของห้องมีเงินเข้ากระเป๋าคืนมาหลังจากที่สำรองจ่ายค่าซ่อมแซมด่วนไปก่อนหน้านี้แล้ว

สำหรับ ชับบ์ สามัคคีประกันภัย ทำเรื่องขอยื่นเคลมวันที่ 23 เมษายน 2025 แม้ว่าบางขั้นตอนต้องมีการติดตามเอง แต่ระบบโดยรวมก็ทำงานได้ดี มีการ SMS ส่งชื่อบริษัทที่จะมาอำนวยความสะดวกการประสานงาน ของชับบ์ดูจะมีความยืดหยุ่นมากกว่า เพราะบางแบบกรมธรรม์ที่ไม่ได้มีวงเงินความคุ้มครองที่สูงมากเช่นจำกัดวงเงินภัยธรรมชาติไม่เกินหลักต้นหมื่น ก็จะใช้วิธีพิจารณาสินไหมจากรูปภาพที่ชัดเจนโดยลูกค้าต้องถ่ายรูปให้ติดเลขหน้าห้องด้วยพร้อมกับใบเสนอราคาค่าซ่อม แต่บางเคสก็มีการเข้าตรวจสอบหน้างานและการประเมินความเสียหายดำเนินไปจนปิดเคสสำเร็จ จากประสบการณ์ขอเคลมชับบ์ฯ ได้รับเงินสินไหมในวันที่ 30 ตุลาคม 2025 ใช้เวลาทั้งหมด 191 วัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่สามารถปิดเคสได้ แม้จะช้ากว่าอลิอันซ์ และลูกค้าต้องติดตามเองในบางกระบวนการ แต่ก็ถือเป็นตัวเลือกที่เชื่อถือได้

https://unsplash.com/photos/a-magnifying-glass-sitting-on-top-of-a-piece-of-paper-mCqi3MljC4E

ส่วน ทิพยประกันภัย แม้จะมีการติดต่อกลับช่วงแรก แต่ความต่อเนื่องในการสื่อสารไม่แน่นอน ทำให้ผู้เอาประกันต้องเป็นฝ่ายติดตามเอง มีบางเคสที่ได้รับผลการพิจารณาแล้วว่าในกรมธรรม์ไม่คุ้มครอง แต่บางเคสจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับผลการพิจารณาหรือเงินสินไหมแต่อย่างใด ซึ่งลูกค้าอาจจะต้องติดตามเรื่องเองต่อไป

ส่วน กรุงเทพประกันภัย ใช้บริการผ่านกรมธรรม์ IAR ของนิติบุคคล แม้กระบวนการที่ทางทีมงานของนิติบุคคลคอนโดจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเมษายน 2025 แต่จากรายงานความคืบหน้าที่นิติฯ จัดทำพบว่าผู้เอาประกันส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับเงิน ส่วนบางห้องที่ได้รับเงินเป็นส่วนน้อย จึงชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างด้านความเร็วและความต่อเนื่องของการบริการ

เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้นอกจากสร้างความเสียหายให้กับคอนโดแล้ว ยังเป็นบททดสอบที่ดีเยี่ยมสำหรับระบบปฏอบัติงานของบริษัทประกันภัยได้อย่างดีเยี่ยม ขั้นตอนการเคลมของแต่ละบริษัทสะท้อนให้เห็นว่า ความคุ้มครองในกรมธรรม์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ความเร็วในการตอบสนอง ความชัดเจนของข้อมูล และความต่อเนื่องในการสื่อสาร คือสิ่งที่สร้างความมั่นใจและความอุ่นใจให้กับผู้เอาประกัน

ขอสรุปจากประสบการณ์ส่วนตัวจริงของทีมงาน Propholic รวมๆ กันพบว่า บริษัทประกันที่ “ปลอบใจลูกค้าด้วยเงินไวที่สุด” ข้อมูลจากเหตุการณ์จริงแสดงให้เห็นว่า อลิอันซ์ อยุธยา ทำหน้าที่ได้รวดเร็วที่สุด รองลงมาคือ ชับบ์ สามัคคี ส่วน ทิพยประกันภัย และ กรุงเทพประกันภัย ยังอยู่ระหว่างติดตาม

แม้ข้อมูลนี้จะไม่สามารถอ้างอิงเป็นมาตรฐานได้ เพราะแต่ละภัย แต่ละเคสก็มีการติดตามไม่เหมือนกัน และแต่ละบริษัทนั้นก็มีปัจจัยต่างกันจนไม่สามารถเทียบกันได้ตรงๆ แต่ก็ถือว่าเป็นการแบ่งปันในอีกแง่มุมหนึ่งของคนที่เป็นลูกค้าบริษัทประกันภัย อย่างไรก็ตามเราไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายต่อบริษัทใดๆ แค่อยากนำเสนอข้อเท็จจริงจากประสบการณ์ตรง และเอาใจช่วยให้ทุกบริษัทพัฒนาคุณภาพการบริการให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อภาพรวมของวงการประกันภัยที่ดีและยั่งยืน

การเลือกบริษัทประกันคอนโดในอนาคตจึงควรพิจารณาทั้งวงเงินคุ้มครองและคุณภาพการบริการควบคู่กันไป เพราะในยามเกิดเหตุไม่คาดคิด ความรวดเร็วและความโปร่งใสในการดูแลลูกค้า คือสิ่งที่จะทำให้พวกเราลูกค้าประกันนั้นอุ่นใจที่สุด.