Cloud 11 จับมือพันธมิตร เผยเทรนด์ Creators ภายในปี 2035 ‘วันที่คอนเทนต์ไทยจับใจคนทั่วโลก – Globalike Thai Content’
Cloud 11 (คลาวด์ อีเลฟเว่น) A Creative Curation Destination for Creativity of All Kinds พื้นที่ความคิดสร้างสรรค์สำหรับทุกคน พัฒนาโดย MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) ตอกย้ำแนวคิด ‘Empowering Creators’ มุ่งมั่นส่งเสริมศักยภาพครีเอเตอร์ ตลอดจนยกระดับอุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทยไปสู่ระดับแนวหน้าของโลก ร่วมกับ ทรู ดิจิทัล พาร์คและพันธมิตรครีเอเตอร์ไทยในหลากหลายวงการทั้งภาพยนตร์ ละครและซีรีส์ ดนตรี เกม และศิลปะที่ดังไกลระดับโลก อาทิ Tellscore / สถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต (TIMS) / FutureTales Lab / LOVEiS / YUPP! Entertainment / บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เผยเทรนด์อนาคตของผู้ผลิต Content ในประเทศไทยภายในปี 2035 พร้อมแลกเปลี่ยนแนวทางการสร้างจุดยืนของคอนเทนต์กลิ่นอายไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าครีเอเตอร์สัญชาติไทยที่อยากจะพาผลงานก้าวไปไกลสู่สายตาชาวโลก ผ่านกิจกรรมเสวนา ‘Creators 2035: Globalike Thai Content วันที่คอนเทนต์ไทยจับใจคนทั่วโลก’ ในเทศกาล Bangkok Design Week 2025 ที่ผ่านมา
– Futures of Content Creators in Thailand 2035 โดยคุณสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Tellscore / ดร. เจนนิเฟอร์ ชวโนวานิช ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต (TIMS) / คุณวิพัตรา โตเต็มโชคชัยการ นักวิจัยด้านการคาดการณ์อนาคตอาวุโส FutureTales LAB by MQDC
เผยตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยมีอัตราการเติบโตต่อปีเฉลี่ย 20-30% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทยมีโอกาสในการเติบโตมาก อันเนื่องมาจากคนไทยมีพฤติกรรมใช้เวลาในโลกออนไลน์สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เฉลี่ยอยู่ที่ 7 ชั่วโมง 25 นาทีต่อวัน และมีข้อมูลการใช้ Social Media ถึง 71.5% สูงกว่าทั่วโลกที่มีการใช้เพียง 63.9% (อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยของ Global WebIndex เดือนกุมภาพันธ์ 2025) ในขณะเดียวกันแบรนด์ยังคงเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดหลัก ส่งผลให้ในปี 2024 ที่ผ่านมา ตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ในไทย มีการประมาณการณ์มูลค่าไว้สูงถึง 45,000 ล้านบาท
โดยในปัจจุบันมี Megatrends (แรงผลักดันขนาดใหญ่) ที่ส่งผลต่อการผลิตเนื้อหาและส่งผลกระทบต่ออนาคตวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่น่าสนใจ 4 ประเด็น ประกอบด้วย (1) เทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น โลกเสมือน หรือ AI ได้เปิดโอกาสให้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ขยายขีดความสามารถในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ อย่างไรก็ตาม ครีเอเตอร์ควรต้องคำนึงถึงขอบจำกัด ลิขสิทธิ์และข้อมูลที่ถูกต้องของเนื้อหาที่นำเสนอ (2) คุณภาพของสื่อ แพลตฟอร์มและภาครัฐพยายามเข้ามาควบคุมและกำกับดูแลมากขึ้นจากปัญหาเฟคนิวส์หรือการสร้างสื่อที่นำเสนอข้อมูลเท็จ รวมทั้งสื่อที่ผิดลิขสิทธิ์ (3) Creator as Mainstream Media ปัจจุบันผู้บริโภคเชื่อใจและอยากฟังความคิดเห็นของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ทำให้คอนเทนต์ครีเอเตอร์มีส่วนร่วมในสื่อกระแสหลักมากขึ้น และ (4) ค่านิยมในสังคม ครีเอเตอร์สามารถสร้างสรรค์สื่อที่มีประโยชน์ให้กับสังคม สิ่งแวดล้อม และช่วยให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
อนาคตของวงการจะดีหรือไม่นั้น ขึ้นกับปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ความก้าวหน้าและพลวัตทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยี (Technological Advancement) การกํากับดูแลดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform Governance) การคุ้มครองกํากับดูแลอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ (Content Creator Industry Governance) การสร้างรายได้และความสามารถในการปรับตัวทางธุรกิจของครีเอเตอร์ (Monetization and Business Opportunities) ค่านิยมและพฤติกรรมในการรับชมเนื้อหาของผู้คน (Values in Content Consumption) และศักยภาพทางวิชาชีพ ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่และความสร้างสรรค์ของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ (Content Creators’ Skills and Creativity) ซึ่งเกิดจากการขับเคลื่อนร่วมกันของทุกภาคส่วนในวงการ ครีเอเตอร์ต้องเรียนรู้ เตรียมตัว และปรับตัวอยู่เสมอ
แนะสิ่งที่จะทำให้ครีเอเตอร์ประสบความสำเร็จและสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาวคือความจริงใจและการคำนึงถึงความรู้สึกของผู้เสพสื่อ งานวิจัยจำนวนมากระบุว่าการสร้างสื่อที่เน้นความไวรัลหรือดึงดูดความสนใจอาจช่วยให้ประสบความสำเร็จในระยะสั้น แต่สิ่งที่คนดูต้องการคือความจริงใจ ซึ่งจะนำไปสู่การมีส่วนร่วมระหว่างครีเอเตอร์กับคนดู (Engagement) และหากครีเอเตอร์สามารถนำเสนอตัวตนและเอกลักษณ์ด้วยความจริงใจได้ ก็จะทำให้เกิดความแตกต่างโดดเด่นและสามารถมีจุดยืนในวงการได้
– ภาพยนตร์ ละครและซีรีย์ไทยกับการไปสู่ระดับโลก โดย ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ด้านภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชัน / คุณฐานิกา เจนเจษฎา ผู้กำกับภาพยนตร์เเละซีรีย์ / คุณเอกลักญ กรรณศรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง BrandThink Cinema
กระแสของภาพยนตร์ไทยกำลังมาแรง โดยในปี 2024 ที่ผ่านมา จำนวนภาพยนตร์ไทยมีการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 15% และยังเป็นปีแรกที่มีภาพยนตร์ไทยได้รายได้มากกว่า 100 ล้านบาทถึง 7 เรื่อง ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจุบันโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค Post Modernism ที่คนต้องการเสพเนื้อหาที่มีความหลากหลายของเชื้อชาติและวัฒนธรรม จึงทำให้ภาพยนตร์ไทยที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวความซับซ้อนและหลากหลายของความเป็นไทยแบบตรงไปตรงมาได้รับความนิยม
ในขณะเดียวกัน ละครและซีรีส์ไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทฤษฎีและแนวคิดต่างๆ ในการผลิตซีรีส์มีการเปลี่ยนแปลง หรือเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงที่กำลังค้นหาตัวเอง ทำให้เกิดเป็นผลงานที่มีความแปลกใหม่มากขึ้น ตลาดซีรีส์ Boy Love/ Girl Love เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ออกอากาศถึง 78 เรื่องในช่วงปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมี 100 – 120 เรื่องในปีนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นความท้าทายใหม่ๆ ของวงการ
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการสร้างสรรค์ผลงานและขับเคลื่อนให้ภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ไทยไปสู่ระดับโลกได้ คือ ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ที่ยังต้องสามารถตอบโจทย์ในแง่การตลาด (Marketing) ได้ด้วย การหาสมดุลย์ของทั้งสองอย่างนี้จึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของเหล่าผู้ผลิตคอนเทนต์