โรงแรม โวโค ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกในปี 2561 ได้กลายเป็นแบรนด์ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในคอลเล็คชั่น Premium ของ IHG Hotels & Resorts ด้วยโรงแรมที่เปิดให้บริการในกว่า 18 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสิงคโปร์และเกาหลีใต้ ที่เพิ่งมีการเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ และเวียดนามที่เตรียมจะเปิดตัวเร็วๆ นี้เช่นกัน โรงแรม โวโค ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการสร้างการเติบโตโดยรวมของ IHG ซึ่งประกอบไปด้วยโรงแรมที่เปิดให้บริการ 46 แห่ง และอีก 55* แห่งที่อยู่ระหว่างแผนดำเนินการ

การขยายตัวอย่างรวดเร็วของแบรนด์ระดับสูงในเครือ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์มองค์กรของ IHG ซึ่งช่วยให้กลุ่มเจ้าของโรงแรมสามารถสร้างการเติบโตให้ธุรกิจของพวกเขาได้ โดยการเป็นส่วนหนึ่งของช่องทางจัดจำหน่ายห้องพักของ IHG รวมไปถึงแอปพลิเคชั่นที่เพิ่งมีการเปิดตัวใหม่ และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของโปรแกรมสะสมคะแนนอย่าง IHG One Rewards ที่มีสมาชิกแล้วกว่า 115 ล้านคน

ด้วยการออกแบบ แผนและการดำเนินงานที่เอื้อทั้งการปรับเปลี่ยนระบบจากโรงแรมเดิม และการปรับใช้ในโรงแรมแห่งใหม่ ทำให้กลุ่มเจ้าของโรงแรมยังสามารถดำรงวิสัยทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละโรงแรมไว้ได้  จึงมั่นใจได้ว่าสิ่งที่สืบต่อกันมา และความเชื่อมโยงในอดีตกับชุมชนโดยรอบนั้นจะยังคงแข็งแกร่งดังเดิม

จุดเด่นสามประการของแบรนด์อันได้แก่ ‘come on in’ ‘me time’ และ ‘voco life’ ได้ผสานกันอย่างลงตัวจนเกิดเป็นตัวตนของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการเช็คอินที่รวดเร็ว และการต้อนรับแบบคนในพื้นที่ ไปจนถึงเตียงนอนขนาดใหญ่ที่นุ่มสบาย รวมถึงร้านอาหารและบาร์ที่มีชีวิตชีวา ทำให้โรงแรม โวโค สามารถนำเสนอเสน่ห์ที่แตกต่างไม่ซ้ำใครให้กับทุกการเข้าพักได้

นอกเหนือจากเสน่ห์เฉพาะตัวแล้ว โรงแรม โวโค ยังสร้างขึ้นจากพื้นฐานแนวคิดด้านความยั่งยืนและการเอาใจใส่ใจสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับการเอาใจใส่แขกผู้เข้าพัก โดยโรงแรมมีการใช้ไส้หมอนและผ้านวมซึ่งมาจากวัสดุรีไซเคิลแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ รวมไปถึงของใช้ในห้องน้ำรูปแบบรีฟิลซึ่งใช้วัตถุดิบสกัดจากพืซ และยังได้สนับสนุนความคิดริเริ่มด้านความยั่งยืนในท้องถิ่นของโรงแรมแต่ละแห่ง เช่น การปลูกพืชผักสวนครัวของโรงแรม voco Kirkton Park Hunter Valley ในออสเตรเลีย หรือ โครงการ Trees ของโรงแรม voco The Hague ซึ่งจะทำการปลูกต้นไม้ในทุกคืนที่แขกเลือกที่จะไม่รับการทำความสะอาดห้องพัก

แพททริค ฟินน์ รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี ไอเอชจี กล่าวถึงการบรรลุเป้าหมายโรงแรม 100 แห่งของแบรนด์โวโคว่า “แบรนด์ โวโค ได้เติบโตไปทั่วโลกอย่างก้าวกระโดดในช่วงห้าปีที่ผ่านมา รวมไปถึงการเติบโตในภูมิภาคของเราด้วยเช่นกัน ซึ่งนับเป็นเรื่องที่วิเศษมากที่ได้เห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดตัวโรงแรมแบรนด์โวโคในสิงคโปร์ และเกาหลีใต้เมื่อปีที่ผ่านมา รวมไปถึงการเปิดตัวในเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ และการลงนามสัญญาล่าสุดในประเทศไทย อย่างโรงแรม voco Bangkok Surawong

“โรงแรม โวโค เป็นที่นิยมในหมู่เจ้าของโรงแรมทั่วโลก จากการที่พวกเขาสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มองค์กรได้อย่างรวดเร็ว พร้อมรับประโยชน์จากการเป็นแบรนด์ระดับสูงที่ได้รับความพึงพอใจจากแขกผู้เข้าพักทั่วโลก และเนื่องจากการเติบโตของแบรนด์ โวโค ในทั่วโลกยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะเดินหน้าขยายโรงแรม โวโค เป็น 200 แห่งทั่วโลกภายใน 10 ปีหลังจากการเปิดตัวต่อไป”

ปีที่แล้ว แบรนด์ โวโค ได้ขยายตลาดใหม่ ซึ่งรวมไปถึงโรงแรม voco Orchard Singapore ในสิงคโปร์ และโรงแรม voco Seoul Gangnam ในเกาหลีใต้ โดยแบรนด์ยังได้รับเลือกให้เป็น แบรนด์โรงแรมระดับพรีเมี่ยมชั้นนำของโลก (World’s Leading Premium Hotel Brand) ซึ่งประเมินจากคะแนนความพึงพอใจของแขกผู้เข้าพัก ในงาน World Travel Awards ซึ่งคะแนนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่นั้นมา แบรนด์ได้เดินหน้าขยายการเติบโตในตลาดที่สำคัญๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม โวโค แห่งที่แปดในประเทศจีน อย่าง voco Hefei Binhu โรงแรม โวโค แห่งที่หกในสหรัฐอเมริกาอย่าง voco Chicago Downtown โรงแรม โวโค แห่งที่สี่ในออสเตรเลียอย่าง voco Brisbane City Centre และโรงแรม โวโค แห่งที่สามในดูใบ อย่าง voco Dubai The Plam

สำหรับประเทศไทย แบรนด์จะเปิดตัวครั้งแรกด้วยโรงแรม voco Bangkok Surawong ซึ่งเพิ่งลงนามสัญญาร่วมกับ บริษัท ตวันนา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด นักลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ เมื่อไม่นานนี้ โดยเป็นการรีแบรนด์จากชื่อเดิมคือ โรงแรมตะวันนา กรุงเทพฯ พร้อมการปรับปรุงโรงแรมใหม่ทั้งหมด และจะเปิดให้บริการอีกครั้งในปี 2568 พร้อมให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตที่แตกต่างไปเหมือนใครของโรงแรม โวโค

การเปิดตัวโรงแรม โวโคที่น่าสนใจในปี 2566:

โรงแรม โวโค ในเวียดนาม จะเปิดให้บริการในปลายปีนี้ โดยใช้ชื่อว่า voco Ma Belle Danang ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือ IHG ตัวโรงแรมจะตั้งอยู่ใกล้กับชายหาด My Khe และใช้เวลาเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติดานังโดยการขับรถเพียง 20 นาที ห้องพักมีทั้งวิวทิวทัศน์ของแนวชายฝั่ง และทิวทัศน์ของเมือง รวมไปถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างสปา สระว่ายน้ำและบาร์บนชั้นดาดฟ้า ตลอดจนล็อบบี้เลานจ์ และห้องอาหารที่ให้บริการตลอดวัน

โรงแรม voco Osaka Central ที่เตรียมเปิดให้บริการในช่วงต้นฤดูร้อนนี้ จะเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์ โวโค แห่งแรกของญี่ปุ่น โดยโรงแรมตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอซาก้าที่มีความสะดวกสบาย พร้อมการให้บริการที่อบอุ่น การออกแบบตกแต่งที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยม รวมถึงสัมผัสประสบการณ์ส่งเสริมความยั่งยืน เช่น ฝักบัวอาบน้ำแบบประหยัดน้ำ ชุดเครื่องนอนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และน้ำซึ่งผ่านการกรองใหม่ ทางด้านของล็อบบี้โรงแรมและห้องอาหาร มีการตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างสไตล์โมเดิร์นและความร่วมสมัย รวมถึงมีการใช้ชิ้นส่วนจากอาคาร  Kyomachi ที่มีแต่เดิม  และมีการใช้เสื่อทาทามิในห้องนอนบางห้องอีกด้วย

โรงแรม Lythe Hill Hotel ซึ่งตั้งอยู่บนรอยต่อของ เซอร์เรย์ แฮมป์เชอร์ และเวสต์ซัสเซกซ์ ในสหราชอาณาจักร ซึ่งจะถูกรีแบรนด์ใหม่เป็นโรงแรม voco Lythe Hill Hotel and Spa ในปี 2566 นี้ โดยโรงแรมสไตล์ทิวดอร์ที่หรูหราแห่งนี้ จะมีห้องพักที่ตกแต่งอย่างทันสมัยจำนวน 99 ห้อง พร้อมด้วยร้านอาหารซึ่งมีจุดเด่นอย่างคานไม้โอ๊ค ห้องออกกำลังกาย และสปา เมืองเซอร์เรย์ ของฮาเซิลเมียร์ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟที่ตรงไปยังกรุงลอนดอนได้ และยังอยู่ใกล้กับพื้นที่ภายใต้การดูแลขององค์การอนุรักษ์สถานที่อย่าง Blackdown และ South Downs National Park อีกด้วย

โรงแรม voco Paris Porte De Clichy ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงปารีส โดยมีกำหนดการจะเปิดให้บริการในช่วงฤดูร้อนนี้ จากเดิมที่เป็นโรงแรม Holiday Inn ซึ่งโรงแรมนี้ จะกลายเป็นหนึ่งในโรงแรมเรือธงของแบรนด์ โวโค โดยมีการให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุต่างๆ ที่มีความยั่งยืน ตัวโรงแรมตั้งอยู่ห่างจาก Musée Du Louvre เพียง 4 ป้ายสถานีรถไฟ Paris Metro และระแวกใกล้เคียงยังมีร้านอาหาร และเครื่องดื่มสุดหรูตั้งอยู่อีกหลายร้าน

โรงแรม voco Fiorello – La Guardia East ซึ่งตั้งอยู่ในย่าน Flushing ของนิวยอร์ก จะเปิดให้บริการในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยโรงแรมมีห้องพักกว่า 116 ห้อง อีกทั้งยังเป็นการลงนามสัญญาโรงแรม โวโค ครั้งที่สามโดยเจ้าของคนเดียวกันอีกด้วย