แสนสิริ ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ของประเทศ จับมือกับ ทีโอเอ ยักษ์ใหญ่ด้านนวัตกรรมสีประกาศพันธกิจสำคัญ “กรีนมิชชั่น” เดินหน้าสู่ Net-Zero อย่างเต็มกำลัง ชูนวัตกรรมการทำงานเป็นหัวใจหลักในการพัฒนากรีนโปรดักต์ในระยะยาว

ข่าวสำคัญของภาคอสังหาฯ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) อสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) โดยประเสริฐ ตระการวชิรหัตถ์ รองกรรมการผู้จัดการ ร่วมกับ
จตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ผู้นำนวัตกรรมสีและวัสดุก่อสร้างรักษ์โลก จับมือสร้างชาร์ปเตอร์ใหม่เดินหน้าพันธกิจสีเขียว ผลักดันก้าวอย่างกรีนในทุกขั้นตอนการทำงานเพื่อสร้างโมเดลใหม่ขององค์กรรักษ์โลกอย่างเป็นรูปธรรม โดยคิกออฟความร่วมมือประเดิมต้นปี ณ โครงการเศรษฐสิริ เสรีไทย

ประเสริฐ ตระการวชิรหัตถ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พันธกิจสีเขียวยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่แสนสิริผนวกเข้าสู่ทุกกระบวนการทำงาน โดยบริษัทตระหนักดีว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ภาคธุรกิจจึงมีบทบาทสำคัญในการร่วมแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญ นับเป็นจุดพิสูจน์สำคัญของแสนสิริและพันธมิตรใน Green Ecosystem เดียวกันที่จะร่วมปรับเปลี่ยนธุรกิจ กำหนดเส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน และเติบโตร่วมกัน ด้วยการปรับกระบวนการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG (Environment – Social – Governance) และแสนสิริ ขอขอบคุณ TOA หนึ่งในพันธมิตรทางธุรกิจ ที่มีแนวคิดการทำงานด้าน ESG อย่างจริงจัง สะท้อนจากผลงานสำคัญๆ ในหลากหลายด้าน

แสนสิริและ TOA เป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันคือการสร้างที่อยู่อาศัย ที่ไม่สร้างผลกระทบต่อทั้งคน และสิ่งแวดล้อม โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกของ TOA ที่ผ่านการรับรองด้วยฉลากลดโลกร้อน (CFR) ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาใช้ในโครงการของแสนสิริแล้วกว่า 22 โครงการ และตั้งเป้าขยายความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง พร้อมแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรืองานวิจัยร่วมกัน

“ปี 2568 นี้ แสนสิริ ยังคงพัฒนา Green Living Design ในโปรดักต์ใหม่ (เซ็กเมนต์ลักซ์ชัวรีและพรีเมี่ยม) โดยตั้งเป้าลดการใช้พลังงานให้ได้สูงถึง 50% จากปีก่อนที่ทำได้ 40% นอกจากนี้ กลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของแสนสิริ คือการนำโมเดล Green Supply Chain มาประยุกต์ใช้ร่วมกับคู่ค้า เน้นการพัฒนาต่อยอดเพื่อคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และผลักดันให้คู่ค้าพัฒนาวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับทีโอเอในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญที่จะร่วมผลักดันนวัตกรรมการทำงาน ต่อยอดสิ่งที่ทำอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องนวัตกรรมสี นวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน”

ในด้านงานก่อสร้างเราคำนึงเรื่องสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นทาง แสนสิริมีโรงงานพรีคาสท์สีเขียวรายแรกของวงการอสังหาฯ ไทย พร้อมกับนวัตกรรม WASTE MANAGEMENT ลดขยะจากการผลิตแผ่นพรีคาสท์ได้มากถึง 98% (ควบคุมมลพิษทางเสียงและอากาศได้ต่ำกว่าที่เกณฑ์กำหนด) รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการวางรากฐานการก่อสร้างอย่างยั่งยืน เช่น ระบบ BIM (Building Information Modelling) สำหรับการทำแบบและวางแผนการก่อสร้าง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและลดการใช้ทรัพยากรให้มากที่สุด

แสนสิรินำเรื่องความยั่งยืนมาเป็นแกนหลักของกลยุทธ์และการดำเนินงานอย่างจริงจัง พร้อมดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้เติบโตไปด้วยกัน โดยมีผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานทั้งสามด้าน ได้แก่ Green Architecture and Design, Green Construction และ Green Procurement รวมกว่า 4,000 ราย ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างมูลค่าให้กับภาคธุรกิจอสังหาฯ อันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 1.05 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 5.8% ต่อจีดีพี ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง

จตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า ภายใต้ความร่วมมือเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net-Zero ของทั้งสองบริษัทฯ โดยตลอดระยะเวลา 60 ปี TOA ในฐานะผู้นำตลาดและภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิตสีในประเทศไทยและอาเซียน ที่มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขอนามัยของผู้บริโภคและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง เราจึงเป็นผู้ผลิตสีรายแรกในประเทศไทยที่ยกเลิกการใช้สารโลหะหนัก ปรอท ตะกั่ว ในสีทาอาคารได้สำเร็จ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 และจวบจนปัจจุบันเรายังคงไม่หยุดพัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรมสี พร้อมนำเสนอโซลูชั่นที่ครอบคลุมตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการติดตั้งระบบประหยัดพลังงาน โดยไฮไลท์สำคัญอยู่ที่นวัตกรรมสี “ซุปเปอร์ชิลด์” เทคโนโลยีสีเย็นที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อสะท้อนความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนความร้อนสูงถึง 97.5% สามารถระบายความร้อนออกจากผนังบ้านได้ถึง 90% ตามมาตรฐาน ASTM C1371 ส่งผลให้อุณหภูมิภายในบ้านลดลงได้ถึง 5.5 องศาเซลเซียส ตามผลการทดสอบจากโปรแกรม Energy Plus ซึ่งหมายถึงการลดการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ และลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

จากการที่แสนสิริ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกของ TOA ที่ผ่านการรับรองด้วยฉลากลดโลกร้อน (CFR) ตั้งแต่ปี 2565 -2567 ในการก่อสร้างโครงการต่างๆ ทั้งแนวราบและแนวสูง ได้สามารถช่วยโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงได้ถึง 1,215 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCo2e) เปรียบเทียบกับการปลูกต้นไม้สักถึง 108 ไร่ ความร่วมมือระหว่าง TOA และแสนสิริครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย แต่ยังมีส่วนสำคัญในการผลักดันเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ตามกรอบแนวคิด ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและสังคมโดยรวม

ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม TOA ได้ผ่านการรับรอง “ฉลากลดโลกร้อน” (Carbon Footprint Reduction Label : CFR) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO มากถึง 133 ผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็นแผ่นยิปซัม 2 ฉลาก และสีทาอาคารมากถึง 131 ฉลาก รวมถึงได้ผ่านการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (CFP) รวม 320 ผลิตภัณฑ์ ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตสีรักษ์โลกที่ผ่านการรับรองผลิตภัณฑ์คาร์บอนฟุตพริ้นท์มากที่สุดในตลาดสีทาอาคารและวัสดุก่อสร้าง สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ TOA ในการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้ว TOA ยังได้ตั้งเป้าที่จะขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลง 50% ภายในปี 2030 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero GHG emissions) ภายในปี 2050 อีกด้วย

“การสร้างบ้านที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน และความร่วมมือของ TOA และแสนสิริ แสดงให้เห็นว่าภาคธุรกิจไทยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไป” นายจตุภัทร์ กล่าวปิดท้าย

แม้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้เป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงในสัดส่วนสูง แต่ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจนี้จำเป็นต้องใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น การผนึกกำลังระหว่างแสนสิริและ TOA จึงเป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการร่วมกันสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยแห่งอนาคตที่ยั่งยืน เป็นกลไกสำคัญที่จะเร่งขับเคลื่อนสู่เป้าหมายร่วมกัน ทั้งการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม สร้างภูมิคุ้มกันลดความเสี่ยงทางธุรกิจในโลกอนาคตที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้นเป็นลำดับ