แสนสิริ, กสศ. จับมือ จังหวัดราชบุรี ครั้งแรกของไทย! กับการเปิดตัว “3 พลังอาสา จังหวัดราชบุรี” นวัตกรรมกลไกอาสาสมัครท้องถิ่น มุ่งฟื้นฟูเด็กในวิกฤตการศึกษาครอบคลุมทุกมิติ พร้อมมอบทุนการศึกษามูลค่า 1,100,000 บาท แก่นักเรียนกลุ่มชั้นรอยต่อรวมมากกว่า 700 คน
รุกหน้าสู่เป้าสูงสุด เด็ก จ.ราชบุรี หลุดนอกระบบต้องเป็น “ศูนย์” ใน 3 ปี ภายใต้โครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’
– แสนสิริ และ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับจังหวัดราชบุรี รุกหน้าโครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงศึกษาไทยให้เด็กหลุดจากการศึกษาเป็น ‘ศูนย์’ ใน 3 ปี กับ ‘ราชบุรีโมเดล’ จังหวัดต้นแบบ
– เปิดตัว “3 พลังอาสา จังหวัดราชบุรี” นวัตกรรมกลไลอาสาสมัคร เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา แบบ 3 in 1 ครั้งแรกของประเทศไทยที่รวมพลัง อสม./ อพม. / อสศ. ฟื้นฟูเด็กๆ ครอบคลุมทุกมิติ ‘สุขภาพกาย-ใจ/ การคุ้มครองทางสังคม/ โอกาสทางการศึกษา’ ลดความความเสี่ยงของเด็กที่อยู่ในช่วงวิกฤตจะหลุดนอกระบบการศึกษาใกล้ชิด
– เดินหน้าผนึกกำลังร่วมกับกลไกจังหวัด โดยได้รับเกียรติจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีเป็นประธาน จัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระดับจังหวัดและคณะทำงานในพื้นที่ ตลอดจนประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ลงลึกถึงปัญหา สร้างความเข้าใจและทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาเด็กหลุดนอกระบบการศึกษาใน จ.ราชบุรี อย่างยั่งยืน
– พร้อมมอบทุนการศึกษามูลค่ากว่า 1,100,000 บาท เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาแก่นักเรียนกลุ่มชั้นรอยต่อที่มีความเสี่ยงจะหลุดนอกระบบจำนวนรวมมากกว่า 700 คน
นายอังกูร ศีลาเทวากูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า จังหวัดราชบุรีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ทางแสนสิริและกสศ. ได้พิจารณาและเห็นว่าพื้นที่จังหวัดราชบุรีมีศักยภาพและเหมาะสมในการเป็นพื้นที่นำร่องของโครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา ทั้งนี้ จังหวัดราชบุรีมีกรอบแผนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดราชบุรี พ.ศ. 2566-2570 เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘เมืองเกษตรสีเขียว เศรษฐกิจเข้มแข็ง สังคมคุณภาพ’ ซึ่งการทำงานร่วมกันภายใต้โครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ ผ่านการดำเนินงานของ กสศ. และแสนสิริ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจะสอดคล้องกับพันธกิจและประเด็นยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาจังหวัด ประกอบด้วย พันธกิจเสริมสร้างสังคมที่มีคุณภาพ ประชาชนมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง สู่การพัฒนาคนคุณภาพ เพื่อสร้างสังคมแห่งความสุข โดยจังหวัดราชบุรีทั้งคณะกรรมการและคณะทำงาน ตลอดจนภาคส่วนกลไกจังหวัดและกลไกส่วนท้องถิ่น พร้อมให้ความร่วมมือกับโครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ ในการพัฒนาออกแบบกลไกและนวัตกรรมการศึกษาในการช่วยเหลือดูแลเด็กและเยาวชนที่มีความเสี่ยงและเด็กที่หลุดนอกระบบการศึกษา เพื่อให้เด็กในจังหวัดราชบุรี หลุดนอกระบบต้องเป็น “ศูนย์” ภายใน 3 ปี และสามารถดูแลช่วยเหลือให้จำนวนเด็กนอกระบบเป็น “ศูนย์” ต่อไปได้ในระยะยาว
“ห้วงเวลานี้คือการเปลี่ยนผ่าน (Transform) และจังหวะของการลงมือทำเพื่อพาเด็ก ๆ กลับสู่การเรียนที่พัฒนาพวกเขาได้อย่างเต็มศักยภาพ เรียนได้ทันและเรียนรู้มากยิ่งกว่าที่พวกเขาเสียไป องค์การยูเนสโก ชี้ว่า เรื่องนี้ต้องรีบเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นแล้ว เด็กทั้งรุ่นอาจจะต้องเผชิญกับผลกระทบที่แก้กลับคืนมาไม่ได้ สิ่งที่จะสูญเสียไปก็คือ ‘คนเจนเนอร์เรชั่นหนึ่งที่จะหายไปทั้งรุ่น’ ซึ่งกุญแจหลักของการแก้ปัญหาที่จังหวัดจะเดินหน้า คือ 1) Recovery การฟื้นฟูผลกระทบจากความเสียหายของไวรัสโควิด-19 2) Resilience การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และ 3) Changes การปรับเปลี่ยนมุมมองแนวคิด และวิธีการในการแก้ไขปัญหา” รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าว
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แสนสิริยึดมั่นและให้ความสำคัญกับความเสมอภาค, ความเท่าเทียมและการเข้าถึงได้ในทุกมิติเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไทย ที่เป็นประเด็นสำคัญทางสังคม และสามารถส่งผลกระทบต่อเยาวชนรวมถึงประเทศชาติในระยะยาว เราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลงมือและสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ ระดมพลังคนไทยเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทยให้เด็กหลุดจากระบบการศึกษาเป็น ”ศูนย์” ให้ได้ใน 3 ปี นำร่องผ่าน ‘ราชบุรีโมเดล’ จังหวัดต้นแบบ โดยเราตั้งเป้าที่จะลดจำนวนเด็กในช่วงวัยภาคบังคับ (ป.1-ม.3) ใน จ. ราชบุรี ที่หลุดออกจากระบบการศึกษาให้เหลือศูนย์ ด้วยการช่วยเหลือทั้งตัวเด็กเอง รวมทั้งช่วยสร้างระบบนิเวศที่เอื้อให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ จะสร้างแรงกระเพื่อมให้คนไทย ภาครัฐและภาคส่วนอื่น ๆ ลุกขึ้นมาช่วยเหลือเด็กทั้งประเทศไม่ให้หลุดจากระบบการศึกษา พร้อมสร้างรากฐานสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้า และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความเสมอภาค เพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้กับประเทศ ให้การศึกษาและเด็กไทยอย่างยั่งยืน”