แสนสิริโตสวนกระแส ครองยอดขายสูงสุดตลาดอสังหาฯ ปีนี้ ครึ่งปีหลังวางหมากโกยกำไร จากบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ปั้น “Sansiri Housing Evolution” ลงสนาม สู่อันดับหนึ่งผู้นำแนวราบ ดันยอดขายพุ่ง 1.2 แสนล้านบาท ใน 3 ปี
– SIRI โตสวนกระแส มั่นใจเบอร์หนึ่งอสังหาฯ ปีนี้ หลังครองยอดขายสูงสุดครึ่งปีแรกด้วยตัวเลข 22,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63% จากเป้าหมายยอดขายล่าสุด 35,000 ล้านบาท
– จากยอดขายโตสวนกระแสที่มาพร้อมยอดโอน ล่าสุดประกาศปรับเป้ายอดโอน จาก 33,000 ล้านบาท
เป็น 39,000 ล้านบาท หลังยอดโอนพุ่งทะลักกว่า 18,200 ล้านบาท ใน 5 เดือน พร้อม Secure backlog จ่อคิวโอนกว่า 16,200 ล้านบาท ทำให้เหลือยอดโอนที่ต้องทำอีกเพียง 4,600 ล้านบาทในปีนี้เท่านั้น
– เชื่อมั่นกำไรครึ่งปีหลังโตขึ้น ด้วยอานิสงส์จากยอดโอนแนวราบ
– ครึ่งปีหลังปักธงรบตลาดแนวราบ พร้อมรักษายอดขาย – ยอดโอนคอนโด เป็นรายได้หลัก เดินหน้า
เปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 16,900 ล้านบาท
– เผยมุมมองตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง “อนาคตตลาดบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมโตก้าวกระโดด” ดีมานด์จากทั้งไทยและต่างชาติ เผยเทรนด์การมีบ้าน 2 หลังของคนไทย คอนโดในเมือง และบ้านชานเมืองเพื่อพักผ่อน ขณะที่ต่างชาติโดยเฉพาะคนจีน มองหาบ้านหลังที่ 2 จากประเทศที่มีความปลอดภัยและระบบสาธารณสุขดี
หลัง GCI จัดอันดับไทยฟื้นตัวอันดับ 1 ของเอเชีย เตรียมเจาะ Leasehold ลุยตลาดต่างชาติ
– ย้ำจุดยืน “แบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้” ด้วยแนวคิด Made for Life…Made for Everyone เปิด Strategic Flagship โครงการแนวราบลุยตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลัง ภายใต้แนวรบ “Sansiri Housing Evolution” ปรับและเปลี่ยนเพื่อการเป็นผู้นำในตลาดแนวราบด้วยการปฎิวัติ 5 ด้าน ย้ำภาพแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน
– ขยับเป้ายอดขายแนวราบเป็น 18,000 ล้านบาท ดันยอดขายรวมพุ่งแตะ 2 แสนล้าน ภายใน 3 ปี
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากยอดขาย
โตสวนกระแส ครองอันดับหนึ่ง ในตลาดอสังหาฯ ในขณะนี้ ส่งผลบริษัทให้ต้องมีการปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นจาก 29,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 35,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ทั้งแนวราบและแนวสูงยังสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุด บริษัทมียอดโอนแล้ว 18,200 ล้านบาท และความมั่นใจใน Secure backlog ในมือที่จ่อคิวโอนแล้วอีก 16,200 ล้านบาท ดังนั้นเป้าหมายการโอนในปีนี้เดิม 33,000 ล้านบาทถูกปรับเป็น 39,000 ล้านบาท เท่ากับว่าบริษัทมีเป้าหมายที่ต้องโอนเพิ่มอีกเพียง 4,600 ล้านบาทเท่านั้น จึงคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์แสนสิริ และตอกย้ำการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้านได้เป็นอย่างดี
ในช่วงครึ่งปีหลัง แสนสิริยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสร้างไลฟ์สไตล์ที่ดีควบคู่กัน ภายใต้แนวคิด
Made for Life…Made for Everyone โดยให้ความสำคัญกับปรับเปลี่ยนดีไซน์ ฟังก์ชั่น คุณภาพ และบริการ ขณะที่แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ ยังมีความรัดกุม จากความพร้อมในการปรับเปลี่ยนตามทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 12 โครงการ มูลค่ารวม 16,900 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ 10 โครงการ มูลค่ารวม 14,300 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท ทั้งนี้ กุญแจหลักสำคัญที่จะผลักดันแสนสิริ ให้บรรลุเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น ดังนั้นกำไรที่เพิ่มขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง มาจากการโฟกัสโครงการแนวราบเป็น Strategic Flagship ควบคู่ไปกับการรักษายอดขายและยอดโอนโครงการคอนโดมีเนียม โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังมีแผนโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ อีก 4 โครงการใหม่ ได้แก่ เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต, เดอะ เบส สะพานใหม่, XT เอกมัย และ La Habana หัวหิน เป็นต้น
“แสนสิริมองว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยวิเคราะห์จากดีมานด์ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และจากเทรนด์อยู่อาศัยที่คนไทยต้องการมีบ้าน 2 หลัง ทั้งคอนโดมิเนียมที่อยู่ในเมือง เพื่อการเดินทางทำงานที่สะดวก ขณะที่ยังมีความต้องการบ้านชานเมืองเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนที่มีความปลอดภัยมากกว่า ยังรวมถึงการเปลี่ยนไปของพฤติกรรมการใช้ชีวิต ในรูปแบบ Work From Home ที่ทำให้ดีมานด์ของบ้านแนวราบเพิ่มสูงขึ้น จากการมองหาบ้านที่มีพื้นที่กว้างขึ้น เพื่อจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวในการทำงานที่บ้าน ขณะที่กลุ่มลูกค้าบางกลุ่มเริ่มมองหาบ้านหลังใหญ่ที่สามารถ Social Distancing ได้ หรือต้องการแยกครอบครัวออกจากครอบครัวใหญ่เพื่อจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น ยังรวมไปถึงพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มองหาบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเป็นบ้านหลังแรกเพิ่มขึ้นในปัจจุบันอีกด้วย นอกจากนี้ แสนสิริมองว่า ดีมานด์ที่อยู่อาศัยในตลาดต่างชาติจะกลับมา โดยความสำเร็จในการสร้างยอดขายอันดับ 1 ในตลาดต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เรามองเห็นดีมานด์ความต้องการจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ที่จะมองหาบ้านหลังที่สองในประเทศที่มีความปลอดภัยและมีระบบสาธารณสุขที่ดี ทั้งนี้ จากการรับมือที่ดีในสถานการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ทั่วโลกเล็งเห็นถึงความแข็งแกร่งของประเทศไทย ในการรับมือ นอกจากนี้ไทยยังเป็นประเทศฟื้นตัวจากโควิด-19 อันดับ 2 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย จาก 184 ประเทศทั่วโลก จากการจัดอันดับ Global COVID-19 Index แสนสิริจึงมุ่งเจาะกลุ่มตลาดต่างชาติที่ต้องการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ (Leasehold) ในรูปแบบบ้านหรือทาวน์โฮมอย่างเต็มที่ พร้อมมองหาโอกาสและช่องทางการเจาะตลาดในรูปแบบอื่นๆ จากการเห็นโอกาสทางการตลาด จากความสำเร็จในการขายโครงการบุราสิริ สันผีเสื้อ จ.เชียงใหม่ ในรูปแบบ Leasehold ในช่วงที่ผ่านมา จากแนวโน้มดีมานด์การเติบโตของตลาดแนวราบ แสนสิริจึงเปิดตัว “Sansiri Housing Evolution” ที่มุ่งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในทุกความต้องการทุกเซกเมนต์ โดยเราวางเป้ายอดขายแนวราบในปีนี้ที่ 18,000 ล้านบาท ซึ่งจะผลักดันให้ยอดขายของแสนสิริก้าวสู่ 1.2 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายอุทัยกล่าว









