ซีบีอาร์อีคาดการณ์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ในเอเชียแปซิฟิกปี 2565 จะทุบสถิติใหม่
คาดว่าการลงทุนในปี 2565 จะเติบโตขึ้นอย่างน้อย 5% ในระดับที่มากกว่า 4.95 ล้านล้านบาท (1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงกว่าสถิติสูงสุดที่ 4.68 ล้านล้านบาท (1.42 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2560
สินทรัพย์ด้านโลจิสติกส์กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก และคาดการณ์ว่าความสนใจในพื้นที่สำนักงานจะฟื้นตัว
รายงานแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์เอเชียแปซิฟิกปี 2565 ของซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก เผยว่า ปี 2565 จะเป็นปีที่การลงทุนอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในเอเชียแปซิฟิกจะสร้างสถิติใหม่ อันเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างสม่ำเสมอและความต้องการสะสมของนักลงทุน
ซีบีอาร์อีคาดว่าปริมาณการลงทุนทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในปีนี้จะเติบโตขึ้นอย่างน้อย 5% ไปอยู่ในระดับที่มากกว่า 4.95 ล้านล้านบาท (1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงกว่าจุดสูงสุดก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ 4.68 ล้านล้านบาท (1.42 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ธุรกรรมการลงทุนที่แข็งแกร่งจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และนักลงทุนสถาบัน ซึ่งรวมถึงนักลงทุนที่หยุดการซื้อกิจการไปชั่วคราวในช่วงที่มีการแพร่ระบาดในปี 2563 คาดว่าจะเป็นปัจจัยช่วยให้เกิดการฟื้นตัว นอกจากนี้ยังเป็นที่คาดการณ์ว่าสถาบันต่าง ๆ ในภูมิภาคจะมีเงินทุนสูงถึง 16.5 ล้านล้านบาท (5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในงบดุลที่รอการนำออกมาใช้
“สินทรัพย์ด้านโลจิสติกส์ยังคงเป็นที่ต้องการของนักลงทุนในปี 2565 และคาดว่าพื้นที่สำนักงานระดับพรีเมียมที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้เช่าในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตจะได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการกลับเข้ามาทำงานในสำนักงานและข้อกำหนดของผู้เช่าที่ต้องการให้เป็นไปตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ถึงแม้ความต้องการลงทุนในพื้นที่ค้าปลีกและโรงแรมจะได้รับผลกระทบในระยะสั้นจากการเกิดไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน แต่ตลาดเหล่านี้จะยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่เน้นคุณค่า (VI) ซึ่งวางกลยุทธ์ของตนเองเพื่อรอการฟื้นตัว” นายเกร็ก ไฮแลนด์ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุนในเอเชีย แปซิฟิกของซีบีอาร์อี กล่าว
ตลาดพื้นที่สำนักงาน
อาคารสำนักงานส่วนมากในเอเชียแปซิฟิกได้กลับมาเปิดทำการหรืออยู่ในระหว่างการเปิดรับพนักงานกลับสู่การทำงานในสำนักงานอีกครั้ง โดยมีแนวโน้มว่าไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะไม่สามารถขัดขวางการฟื้นตัวของความต้องการพื้นที่สำนักงานที่จะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ มีความมั่นใจมากขึ้นในการกลับมาทำงานที่สำนักงานและทำงานแบบไฮบริด ปฎิกิริยาในช่วงแรกของบริษัทในแถบเอเชียเหนือชี้ให้เห็นว่าบริษัทส่วนใหญ่จะยังคงทำงานในสำนักงานต่อไปแม้ว่าจะมีการจำกัดจำนวนพนักงานหรือการหมุนเวียนทีมที่เข้ามาทำงานในสำนักงาน
ซีบีอาร์อีคาดว่าธุรกรรมการเช่าพื้นที่สำนักงานในปี 2565 หากพิจารณาจากปริมาณการใช้พื้นที่สำนักงานที่เพิ่มขึ้นสุทธิในแต่ละปีนั้นจะเพิ่มขึ้นสูงสุด 10% ต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการขยายพื้นที่ที่กลับคืนมาอีกครั้ง ด้านค่าเช่าพื้นที่สำนักงานระดับเกรดเอคาดว่าจะเติบโตประมาณ 1.0% ในปี 2565 โดยในสิงคโปร์เป็นตลาดที่ปรับขึ้นสูงสุด โดยปรับขึ้นมากกว่า 10% การที่บริษัทต่าง ๆ ต้องการย้ายไปสู่พื้นที่สำนักงานที่มีคุณภาพดีขึ้น ใหม่ขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าเดิมคาดว่าจะช่วยให้ตลาดพื้นที่สำนักงานในเอเชียแปซิฟิกฟื้นตัวจากค่าเช่าที่อยู่ในวัฎจักรขาลงที่ยาวนานที่สุดในรอบ 20 ปี