การซื้อขายโรงแรมในเอเชียแปซิฟิกครึ่งแรกปี 65 มีมูลค่ารวม 6.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33% จากครึ่งแรกปี 64
บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจโรงแรมของเอเชียแปซิฟิกในปีนี้มีกิจกรรมการลงทุนซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งแรกของปีมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงขึ้น 33% จากช่วงครึ่งแรกของปี 2564 และ 11.9% จากปี 2562 สะท้อนให้เห็นการกลับมาของเม็ดเงินลงทุนในตลาดโรงแรมของภูมิภาคในระดับที่เคยเป็นก่อนเกิดวิกฤติการณ์โควิด
หากพิจารณาจากจำนวนโรงแรมที่มีการซื้อขาย พบว่าในครึ่งแรกของปีนี้ ทั่วเอเชียแปซิฟิกมีการซื้อขายโรงแรมที่มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับการลงทุน รวมทั้งสิ้น 75 รายการ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 20% อย่างไรก็ดี เมื่อคิดเป็นจำนวนห้องพัก พบว่าโรงแรมที่ซื้อขายทั้ง 75 รายการมีห้องพักรวมกันทั้งสิ้น 19,822 ห้อง ซึ่งสูงกว่าจำนวนห้องพักโดยรวมของโรงแรมที่มีการซื้อขายในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 30% และเพิ่มสูงขึ้น 9.4% จากช่วงก่อนเกิดโควิดในปี 2562
ในแง่ของมูลค่าการซื้อขาย ประเทศที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 ประเทศได้แก่ ญี่ปุ่น (1.8 พันล้านดอลลาร์) เกาหลีใต้ (1.7 พันล้านดอลลาร์) และจีน (1.6 พันล้านดอลลาร์) ประเทศที่มีมูลค่าการซื้อขายเพิ่ม ได้แก่ สิงคโปร์ (899.7 ล้านดอลลาร์) มัลดิฟส์ (205.5 ล้านดอลลาร์) และอินโดนีเซีย (159.6 ล้านดอลลาร์) ส่วนออสเตรเลียและไทย มีมูลค่าการซื้อขายไม่ต่างจากเดิมนัก โดยออสเตรเลียมีการซื้อขายมูลค่า 145.5 ล้านดอลลาร์ และไทยอยู่ที่ 37.7 ล้านดอลลาร์ แต่มีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีจากการมีการซื้อขายรายการใหญ่หลายรายการจ่อปิดดีล
ในกรณีของประเทศไทย รายงานวิจัยจากเจแอลแอลระบุว่า มีโรงแรมเสนอขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากเจ้าของบางรายได้รับแรงกดดันให้จำเป็นต้องการมากขึ้น ทั้งนี้ แม้นักลงทุนจะสนใจสูงในการหาโอกาสซื้อ แต่ส่วนใหญ่สนใจมองหาโรงแรมคุณภาพดีที่เสนอขายในราคาไม่สูง และค่อนข้างสงวนท่าทีในการเสนอราคาซื้อ ในส่วนของนักลงทุน พบว่า ส่วนใหญ่เป็นกองทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงานธุรกิจครอบครัว แต่ขณะเดียวกันพบว่า เริ่มมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาหาโอกาสลงทุนมากขึ้น หลังจากมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าออกประเทศได้ถูกยกเลิกไป ทั้งนี้ เจแอลแอล คาดว่า การลงทุนซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยสำหรับทั้งปีนี้ จะมีมูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านบาท จากการที่มีการเจรจาซื้อขายหลายรายการที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงครึ่งหลังของปี