คนรุ่นใหม่ในปักกิ่งเริ่มหันมาสนใจในคอนเซ็ปต์ของ Co-Living Space เพื่อจะได้พบปะผู้คนใหม่ๆ และได้อยู่ในบรรยากาศของการอยู่ร่วมกันในสังคมคนเหงา

สำหรับชาวจีนแผ่นดินใหญ่เหล่านี้ คอนเซ็ปต์ของ Co-Living Space พาพวกเขาย้อนวันวานไปสู่บรรยากาศของการอาศัยอยู่ร่วมกันในยุค 90s ที่บ้านหลายหลังเรียงรายไม่ใกล้ไม่ไกลกัน อีกทั้งยังไปมาหาสู่ง่ายแบบสไตล์คนบ้านใกล้เรือนเคียง วัฒนธรรมการอยู่อาศัยในอดีตนั้นต่างจากปัจจุบันที่มีแต่ตึกสูงแข็งแกร่งกำแพงหนา แบ่งกั้นชาวเมืองยุคใหม่ออกเป็นส่วนๆ ลดทอนบรรยากาศแห่งการอยู่ร่วมกันของผู้พักอาศัยในคอนโดมิเนียม

นายไช เชียง สมาชิกสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศจีน (China Institute of Real Estate Appraisers and Agents, CIREA) กล่าวว่า “ตลาดที่อยู่อาศัยของคนเมืองได้ถูกเปลี่ยนสภาพจาก ‘สังคมคนสนิทสนมคุ้นเคย’ ไปสู่ ‘สังคมคนแปลกหน้า’ และสิ่งที่ท้าทายคือการพยายามหาทางพลิกตลาดให้กลับมาเป็นสังคมแห่งความสนิทสนมคุ้นเคยอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงนี้กำลังเป็นไปทีละเล็กทีละน้อย และแนวคิดของ Co-Living Space จะเข้าไปอยู่ในตลาดเฉพาะกลุ่มในอนาคตอันใกล้นี้”

เอเวอร์ลีน หยู สาววัย 32 ปี ทำงานในบริษัทด้านการให้คำปรึกษาแห่งหนึ่ง มองว่า Co-Living Space สำหรับเธอมันหมายถึงการมีเพื่อนใหม่และบรรยากาศของการได้อยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนบ้าน เธอเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่ Stey-Wangfujing (สเตย์-หวังฟู่จิง) ใจกลางเมืองปักกิ่งในห้องสตูดิโอขนาด 28 ตารางเมตรสนนราคา 12,000 หยวนต่อเดือน (ราวๆ 53,000 บาท) ซึ่งแพงกว่าแฟลตก่อนหน้าที่เธออาศัยอยู่ในราคา 3,000 – 5,000 หยวนต่อเดือน (11,000 – 19,000 บาท) ด้วยพื้นที่ขนาดพอกันในทำเลกลางใจเมือง

ภาพจาก https://www.stey.com/en-US/wfj

สิ่งที่เอเวอร์ลีน หยูกังวลใจที่สุดก่อนย้ายเข้ามาก็คือการไม่มีผู้เช่ารายอื่นย้ายเข้ามาอยู่ร่วมด้วย หรือไม่ก็เป็นคนประเภทไม่เปิดใจที่จะปฏิสัมพันธ์กับใคร แต่สิ่งที่เธอกังวลก็หมดไปเมื่อเธอกลายเป็นเพื่อนกับลูกบ้านที่อาศัยใน Stey ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เธอเล่าว่าการอยู่ร่วมกันกับคนที่มาจากพื้นฐานทางสังคมและอาชีพที่หลากหลายนั้นมีข้อดี สามีของเธอเองมักจะนั่งคุยเล่นกับลูกบ้านคนอื่นในพื้นที่ส่วนกลางช่วงหลังเลิกงาน การพูดคุยไม่จำเป็นต้องลึกซึ้งเสมอไป และคุณจะเลือกทำตอนไหนก็ได้ตามใจสะดวก ในวันที่เหนื่อยล้า การมีใครสักคนให้คุยเล่นด้วยก็เป็นสิ่งที่ช่วยปลอบประโลมใจได้ดี คุณจะรู้สึกว่าบรรยากาศอบอุ่นในวันวานนั้นย้อนกลับมาอีกครั้งเมื่อได้อยู่ในที่ที่ต่างคนต่างรู้จักกัน

เอเวอร์ลีน หยู เล่าเพิ่มเติมอีกว่ามีเหตุการณ์ที่ย้อนให้เธอรู้สึกถึงบรรยากาศแห่งการเกื้อกูลกันอีกครั้ง เมื่อตอนที่เธอกำลังทำกับข้าวในพื้นที่ครัวส่วนกลาง มีเพื่อนร่วมชายคาคนหนึ่งที่เป็นเชฟแอบเอาหัวหอมและผักชีมาวางไว้ที่เคาน์เตอร์เงียบๆ เพื่อให้เธอไว้ใช้ทำอาหาร

ภาพจาก https://www.stey.com/en-US/wfj

บริษัทพัฒนาอสังหา China Vanke ตัดสินใจขยายธุรกิจ Co-living space ในปักกิ่งเพื่อรองรับความต้องการที่กำลังเติบโต

Jesper Jos Olsson นักธุรกิจชาวสวีเดนผู้ก่อตั้ง Stey กล่าวว่า การสร้างความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจในสังคมแห่งการไม่ไว้ใจ คือแนวคิดหลักภายใต้วิสัยทัศน์การพัฒนา Co-Living Space ในจีน

Stey คือการทดลองแนวทางการดำเนินชีวิตของผู้คน โดยเฉพาะการออกแบบทางเทคโนโลยีที่จะสร้างบรรยากาศของการอยู่ร่วมกันให้เกิดขึ้น ลูกบ้านจะใช้แอปพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือของเราเพื่อเข้าระบบลงทะเบียนงานอีเว้นต์ต่างๆ หรือใช้ในการติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของกันและกัน การเคารพซึ่งกันและกันบวกกับความไว้ใจกันจะถูกสร้างขึ้นได้จากการที่ผู้คนได้เรียนรู้และมองเห็นกันและกัน Olsson ยังเสริมอีกว่า ยิ่งพวกเขาไว้ใจกันมากเท่าไหร่ พื้นที่ตรงนี้ก็จะยิ่งปลอดภัยและให้ความสุขได้มากเท่านั้น

Jacob Justus เชฟขนมหวานชาวสิงคโปร์ที่ทำงานอยู่ในร้านอาหารใกล้ๆ กับ Stey กล่าวว่า เขาเคยลำบากใจในตอนเลือกที่จะเข้ามาอยู่ใน Stey ด้วยความกลัวที่ว่าชีวิตการงานของเขาจะเข้ามาผสมปนเปกับชีวิตส่วนตัว แต่กลับกลายเป็นว่าเขาได้เปิดประสบการณ์ใหม่ที่ดีเลยทีเดียว

เขาเล่าว่าเขาได้ทำความรู้จักกับผู้พักอาศัยที่มาจากภูมิหลังที่หลากหลายได้อย่างง่ายดาย แถมยังได้ช่วยสอนการทำอาหารให้แก่ลูกบ้านคนอื่นๆ ด้วยและมีโอกาสทำกิจกรรมเข้าสังคมอื่นๆ อีก เช่น เข้าร่วมกลุ่มคอซีรี่ย์ชื่อดังอย่าง Game of Thrones

ที่ Stey-Wangfujing มีทั้งหมด 38 ห้องสำหรับผู้อาศัยระยะยาว ทั้งขนาด 28×32 ตารางเมตรและ 47×52 ตารางเมตรสำหรับห้องสวีท นอกจากนี้ยังมีอีก 7 ห้องที่สำรองไว้สำหรับผู้เข้าพักระยะสั้น บริษัทบริหารจัดการ White Peak วางแผนจะเปิด Co-Living Space ขนาดใหญ่เพิ่มอีก 2 แห่ง ในย่านพบปะสังสรรค์สุดฮิตของปักกิ่งอย่าง ซานลี่ถุน (Sanlitun) ที่คล้ายๆ กับโซนสยามในบ้านเรา และย่านศิลปะสุดชิคอย่าง 798

สำหรับพื้นที่ shared space ในคอนโดมิเนียมที่ไทยก็มีหลายบริษัทที่ออกแบบให้มีห้องทำกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ส่วนกลาง เช่น Co-kitchen sapce, Co-living area, Co-working space แต่ทว่ายังขาดมิติการสนับสนุนให้เกิดความเป็นชุมชนอย่างแท้จริง ปัจจุบันเหมือนที่ทำๆ กันอยู่คือทำไว้โชว์ แต่ไม่มีคนไปใช้งานจริง ทำให้น่าเสียดายที่อุตส่าห์ออกแบบ space เตรียมเอาไว้แต่ยังไม่ออกแบบพฤติกรรมให้ผู้อยู่อาศัยเข้าไปใช้ประโยชน์ห้องต่างๆ จริง โจทย์นี้จึงเป็นเรื่องน่าท้าทายสำหรับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ว่าจะพาผู้คนเข้ามาทำความรู้จักกันและจะมีแนวคิดการสร้าง urban living community กันได้อย่างไร เราจะช่วยคนเหงาให้หายเหงาได้อย่างไร

ส่วนธุรกิจ Co-Working Space พื้นที่ทำงานร่วมกันที่กำลังเติบโตและเริ่มเข้าสู่ภาวะ over supply ระดับอ่อนๆ ในไทยแล้ว เห็นทีจะต้องเริ่มไล่ตามเทรนใหม่ล่าสุดอย่าง Co-Living Space นี้ให้ทัน ศึกษาความเปลี่ยนแปลงของตลาดก่อน ลงทุนก่อน ปรับตัวก่อน ย่อมได้เปรียบ

แหล่งอ้างอิงและภาพ

https://www.scmp.com/property/hong-kong-china/article/3012149/beijingers-look-co-living-tonic-loneliness-modern-chinese

https://www.stey.com/en-US/wfj

https://www.stey.com/en-US/apartment

https://unsplash.com/photos/YV-rJSId2ac

https://unsplash.com/photos/Dcn3cRCSM2k

https://unsplash.com/photos/Ote7MpnF7xM