เฮดควอเทอร์ส เอกมัย-ลาดพร้าว Luxury Home Office ทำเลธุรกิจ เป็นทุกอย่างทั้งที่ทำงานและที่พักอาศัย ตอบนักธุรกิจรุ่นใหม่
[Advertorial] สำหรับคนที่มองหาพื้นที่ในการขยายธุรกิจของตัวเอง หรือต้องการหาทำเลทำออฟฟิศใหม่ หากเป็นทำเลใจกลางเมืองอย่างย่านสุขุมวิทก็จะมีค่าเเช่าตึกสำนักงานราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 800-1,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งหากใครที่ต้องการพื้นที่ขนาดกว้างมากราคาก็อาจเพิ่มขึ้นตามตารางเมตรที่เราต้องการใช้สอย จนราคาค่าเช่าอาจสูงถึง 1 – 3 แสนบาทต่อเดือนทีเดียว
หรือใครที่ต้องการเช่าที่ดินของคนอื่นเพื่อสร้างตึกหรือสำนักงานเป็นของตัวเอง ก็เป็นรูปแบบเช่า ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้ในเชิง Capital Gain เมื่อขายต่อให้แก่เจ้าของธุรกิจ สำหรับคนทำธุรกิจขนาดกลาง Home Office อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะสามารถกู้ซื้อในรูปแบบสินเชื่อบ้านที่ได้อัตราดอกเบี้ยแบบเดียวกับที่อยู่อาศัยหรือสามารถซื้อแล้วเก็บเป็นทรัพย์สินของบริษัทที่มีมูลค่าสูงขึ้นตามกาลเวลา หรือถ้าหากทำการเช่าอาคารสำนักงานนั้นก็กู้ไม่ได้ ต้องควักเงินจ่ายค่าเช่าออกไปอย่างเดียว แถมเป็นเจ้าของไม่ได้ด้วย และอัตราค่าเช่าสำนักงานมีแนวโน้มขึ้นทุกครั้งที่ต่อสัญญาใหม่อีกด้วย
โฮมออฟฟิศไม่เพียงแต่ใช้เป็นสถานที่ทำงานเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นบ้านพักอาศัยได้อีกด้วย หากทำการจัดสรรปันส่วนดีๆ ก็จะมีพื้นที่ให้ได้ใช้สอยอย่างมากมาย และผู้อาศัยสามารถตกแต่งไปตามสไตล์ที่ตัวเองชอบได้อีกด้วย
ตัวอย่างการตกแต่งโฮมออฟฟิศในแต่ละชั้นให้มีความน่าอยู่ และสามารถใช้งานได้จริง
ภาพจาก : https://www.pinterest.com/pin/459930180687615178/
ในส่วนของห้องทำงาน สามารถตกแต่งได้หลากหลายแบบ โทนสีของห้องอาจปรับไปในแนววินเทจเพื่อความไม่ซ้ำซากจำเจหรือโทนสีขาวเพื่อความสบายตาในการทำงาน
ภาพจาก : https://www.pinterest.com/pin/AS4VGjqw46YR7M9u2BVjvasJSSIbpjVvc1M4D1RYxQt7SvBPXTr_Ra8/
ภาพจาก : https://www.pinterest.com/pin/809099889274624978/
ชั้นที่เป็นที่พักอาศัยก็ตกแต่งให้เป็นห้องที่สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ทำบรรยากาศให้เหมือนกับอยู่ที่บ้านจริงๆ นั่นเอง
ภาพจาก : https://www.pinterest.com/pin/103160647698318060/
ซึ่งอีกหนึ่งย่านที่มีความน่าสนใจและมีสำนักงาน ออฟฟิศต่างๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่แพ้กับย่านใจกลางเมืองเลยก็คือ “ทาวน์ อิน ทาวน์ (Town in Town)” ซึ่งใกล้กับจุดขึ้น – ลงทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา (บริเวณริมสองข้างทางถนนประดิษฐมนูธรรม) เป็นทำเลที่มีศักยภาพยอดนิยมของธุรกิจ เช่นเดียวกันกับย่าน ทาวน์ อิน ทาวน์ ที่ได้รับอานิสงส์ในเรื่องของทำเลศักยภาพที่มีความสนใจไปด้วย เนื่องจากเป็นย่านที่สามารถเชื่อมเข้าเมืองได้อย่างสะดวก ทั้งยังอยู่ใกล้กับย่านรัชดาและพระราม 9 ที่ถือได้ว่าเป็นย่านของ New CBD และความสำคัญของทำเล ทาวน์ อิน ทาวน์ ที่นอกจากจะมีความสำคัญในการทำธุรกิจ ที่อยู่ในย่านที่เป็นศูนย์รวมของสำนักงานธุรกิจชั้นนำเกี่ยวกับธุรกิจสร้างสรรค์ บันเทิงและการออกแบบ รวมถึง SME ต่างๆ ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและเชื่อมต่อธุรกิจกับ Suppliers ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ภาพจาก : http://communitymall.blogspot.sg/2013/01/the-scene-town-in-town.html
อีกทั้งยังเชื่อมต่อการเดินทางได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะใกล้กับย่านทองหล่อ – เอกมัย ที่เป็นย่านยอดฮิตของชาวญี่ปุ่นที่ได้แวะเวียนเข้ามาอยู่เสมอ และยังใกล้ทางด่วนเอกมัย – รามอินทรา ที่สามารถเชื่อมจากถนนรามอินทราเข้ามาสู่ย่านสุขุมวิทอย่างเอกมัยได้อย่างง่ายดาย
ปัจจัยสำคัญที่รองรับการเดินทางสาธารณะที่สะดวกสบาย ก็คือ แนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว – สำโรง) ซึ่งขณะนี้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว มีกำหนดจะเปิดบริการประมาณปี 2563 เริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงินระยะแรก) ที่แยกรัชดา – ลาดพร้าว ไปตามแนวถนนลาดพร้าว ซึ่งสะดวกต่อผู้ที่ต้องการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์และหลีกเลี่ยงปัญหาของรถติดนั่นเอง
ไม่เพียงเท่านั้นในย่าน ทาวน์ อิน ทาวน์ ยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า มี Community Mall และร้านอาหารกลางวัน-กลางคืน มีความอุดมสมบูรณ์ด้านไลฟ์สไตล์ และนี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ย่านนี้นักลงทุนนิยมซื้อตึกสำนักงานไว้ปล่อยเช่าและเพื่อที่จะสามารถขายต่อทำกำไรได้ในอนาคต ยิ่งในช่วงนี้ที่โครงการรถไฟฟ้าเริ่มทำการก่อสร้างแล้วราคาก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปตามโครงการรถไฟฟ้า
โดยปัจจุบันได้มีโฮมออฟฟิศเกิดขึ้นอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นย่านในเมืองหรือรอบๆ กรุงเทพฯ ก็มีตึกประเภทนี้ให้เช่าหรือขาย ถึงตึกดังกล่าวจะถูกใช้งานได้เหมือนกัน แต่ก็ยังขาดสิ่งอำนวนความสะดวกอีกมากเนื่องจากโฮมออฟฟิศส่วนใหญ่มีจำนวนชั้นเพียง 3 – 4 ชั้นเท่านั้น แถมมีจำนวนยูนิตน้อยและไม่มีพื้นที่จอดรถเพียงพอสำหรับแขกหรือพนักงานของบริษัทอีกด้วย ย่านทาวน์อินทาวน์ ในตอนนี้ก็ยังขาด Home Office สมัยใหม่ในแบบไฮเอนด์ หรูหราตามสไตล์ Modern Classic พื้นที่ใช้สอยถึง 5 ชั้น สามารถดัดแปลงชั้นล่างให้เป็น Shop houseได้ พร้อมลิฟท์ส่วนตัว ที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตในการทำงานและเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับพนักงานในออฟฟิศหรือผู้ที่ต้องการมาเจรจาธุรกิจที่แวะเวียนเข้ามานั่นเอง
ซึ่งในปัจจุบันการออกแบบบ้านที่สามารถเป็นได้ทั้งออฟฟิศ และพักอาศัยอยู่ได้พร้อมๆ กัน ในรูปแบบ 2 in 1 กำลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ เพราะการใช้ชีวิตของคนสมัยใหม่ไม่ได้จำกัดกรอบการทำงานที่อยู่ภายในตึกทำงานเท่านั้น และไม่ยึดติดกับระบบบริษัทที่เคร่งครัดที่ต้องอยู่รวมกันในห้องๆ หนึ่งหลายๆ คน ฉะนั้นจึงมีการออกแบบตึกที่คนส่วนใหญ่เรียกว่าโฮมออฟฟิศเพิ่มขึ้น และการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้นิยมกันแค่ลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยอย่างบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม หรือทาวน์โฮมอีกแล้ว และด้วยความยืดหยุ่นในการใช้งานของบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่ออยู่อาศัย ก็มีประโยชน์ใช้สอยด้านเดียวคือสร้างไว้เพื่อพักอาศัยเท่านั้น และ Home Office ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ มากขึ้น เพราะว่าแท้จริงแล้วความต้องการอสังหาฯ เพื่อทำธุรกิจนั้นยังมีอยู่อีกมาก
ตอนนี้ราคาที่ดินในย่านทาวน์อินทาวน์ บางแปลงมีราคาสูงถึงตารางวาละ 326,000 บาท ทำให้หากจะมีการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ใดๆ ก็ต้องเป็นคอนโดที่มีจำนวนยูนิตเยอะๆ ขายในราคาตารางเมตรละเกินแสนบาท ถึงจะคุ้มค่าในการพัฒนา ดังนั้นโครงการใดก็ตามที่มีจุดเด่นในด้านการใช้งาน เคียงคู่กับดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เน้นพื้นที่ใช้สอยเยอะๆจึงมีมูลค่าที่สูงขึ้นตามกาลเวลาอย่างรวดเร็ว และอาจจะหาราคานี้อีกไม่ได้ในอนาคต