ทางการของจีนกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อควบคุมตลาดที่อยู่อาศัยและรักษาความมั่นคงทางการเงิน นอกเหนือจากความต้องการที่เย็นลงจากการจำนองที่ดินและการควบคุมผู้ซื้อ ก็ยังมีการกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับผู้พัฒนาโครงการ ด้วยการปิดช่องทางการระดมทุนและการจำกัดราคาของพวกเขา

ผู้พัฒนาโครงการของจีนไม่ได้ทำการกู้ยืมจากธนาคารหลักเสมอไป แต่จะกู้จากธนาคารย่อยๆด้วยเหมือนกัน นี่คือสาเหตุที่ทำให้ค่าที่ดินสูงขึ้นและจบด้วยการทำลายสถิติราคาไปเป็นที่เรียบร้อย การที่จะหยุดผู้พัฒนาโครงการ จากการเพิ่มระดับราคานั้น ทางหน่วยงานที่กำกับดูแล จึงมีหลายขั้นตอนในการควบคุมแหล่งเงินทุนที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิมสำหรับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสินทรัพย์ของภาคเอกชนได้ถูกระงับลงชั่วคราวเนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยมีความร้อนมากเกินไป การที่ให้ผู้พัฒนาโครงการได้กู้ยืมเงินของภาคเอกชนสำหรับการซื้อที่ดินโดยไม่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศจีน ที่เป็นสถาบันการเงินซึ่งมีความยืดหยุ่นในการบริหารการเงินและรวบรวมองค์ประกอบต่างๆของการธนาคารไว้อีกด้วย การกู้ยืมนอกระบบนั้นเพิ่มขึ้น สืบเนื่องมาจากมีบางบุคคลคนได้ให้การช่วยเหลือผู้พัฒนาโครงการสำหรับการซื้อที่ดินทั้งๆที่ยังมีข้อห้ามของหน่วยงานกำกับดูแลอยู่ ขณะนี้ สามารถพูดได้ว่าทุกช่องทางการเงินที่ได้รับการจดทะเบียนนอกเหนือจากการธนาคารได้ถูกปิดลงหมดแล้ว

เพื่อควบคุมราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น บางรัฐบาลไม่อนุญาตที่จะให้มีการขายแบบ pre-sale ให้กับนักลงทุนในราคาขายที่ดูเหมือนจะมีมากเกินไป ส่งผลให้ยอดขายตกต่ำลงในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อ้างอิงจากบุคคลภายในวงการอุตสาหกรรม โครงการใหม่ๆทั้งหมดที่ได้รับอนุญาติให้มีการขายในกรุงปักกิ่งในปีนี้ ไม่ได้มีการขายในราคาที่สูงกว่า 80,000 หยวนต่อตารางเมตร จึงนำไปสู่ข่าวลือที่ว่าเพดานราคาดังกล่าวเป็นการกำหนดราคาแบบไม่เป็นทางการของเจ้าหน้าที่ ในขณะนี้ผู้พัฒนาโครงการกำลังอยู่ภายใต้ความกดดัน เนื่องจากการกำหนดเส้นตายที่ไม่เป็นทางการนี้ อาจจะทำให้พวกเขาไม่มีกำไรหรือขาดทุน หรือแม้แต่การสูญเสียความชัดเจน ดังนั้น บางส่วนจึงมีการชะลอการเปิดโครงการใหม่และหยุดความคิดที่จะซื้อที่ดินไว้ชั่วคราว มันอาจจะกลายเป็นวงจรที่มีอุปทานน้อยลงและนำไปสู่ราคาที่อยู่อาศัยนั้นเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่ามาตรการการควบคุมจะทำให้ประสิทธิภาพของตลาดเลวร้ายลง และตรงกันข้ามจะเป็นการดันราคาของที่อยู่อาศัยให้สูงขึ้น

การควบคุมที่เข้มงวดขึ้นจะทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยถูกขับเคลื่อนโดยนโยบายของรัฐบาลมากขึ้น นอกจากนี้ ยังจะช่วยลดอุปทานของอพาร์ทเมนท์ ราคาจะไม่ตกลง แต่จะยังคงอยู่ในระดับที่สูงภายใต้การควบคุมเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่จึงทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะทำออกมาให้ได้ตามผลลัพธ์ที่เขาต้องการ แต่ศูนย์วิจัย Vigers เชื่อว่ามาตรการที่ใช้อยู่จะมีความยืดหยุ่นขึ้น ถ้าหากพวกเขามีนโยบายที่จะท้าทายตลาดมากเกินไป หลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจมาก่อนหน้านี้ ดังนั้น พวกเขาจึงต้องสร้างความสมดุลระหว่างการควบคุมความเสี่ยงทางการเงินและรักษาเสถียรภาพของการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจต่อไป

ที่มา : https://www.squarefoot.com.hk/home-blog/article/3168/heightened-control-on-the-real-estate-industry