จากเงินเดือนแรก…สู่คอนโดหลังแรก วิธีปั้นเครดิตบูโรให้แกร่งก่อนก้าวเป็นนักลงทุนอสังหา
เคยไหม…เวลาผ่านหน้าคอนโดสวย ๆ แล้วแอบคิดในใจว่า
“อีกหน่อยอยากมีสักห้องไว้ปล่อยเช่า”
หรือ “สักวันอยากลงทุนอสังหาแบบคนอื่นบ้าง”
แต่พอจะเริ่มศึกษาจริง ๆ ก็เจอคำหนึ่งที่โผล่มาแล้วทำให้เรารู้สึกชะงักและรู้สึกว่าทำไมมันยากจัง คือคำว่า เครดิตบูโร กับ Credit Score
สองคำนี้ฟังดูเหมือนเรื่องไกลตัวของคนวัยทำงานเริ่มต้น แต่จริง ๆ แล้วมันคือ บันไดขั้นแรกสู่ความมั่งคั่งในอนาคต ที่ทุกคนควรรู้จักตั้งแต่วันนี้
ทำไมเครดิตบูโรถึงสำคัญกับนักลงทุนอสังหา?
ก่อนจะก้าวสู่คำว่านักลงทุนทุกคนต้องเคยผ่านช่วงเวลาของการขอกู้ ไม่ว่าจะเป็นกู้ซื้อคอนโด กู้รีไฟแนนซ์ หรือแม้แต่ขอสินเชื่อเพื่อต่อทุน สิ่งแรกที่ธนาคารเปิดดูไม่ใช่ราศีหรือดวงวันเกิด แต่คือ รายงานเครดิตบูโร
เครดิตบูโร หรือชื่อเต็มว่า บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (National Credit Bureau – NCB) คือฐานข้อมูลกลางที่รวบรวมประวัติการชำระหนี้ของคุณจากทุกสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ทุกเดือนธนาคารจะส่งข้อมูลเหล่านี้เข้ามาในระบบ เพื่อสะท้อน Fianancial Behavior พฤติกรรมทางการเงินของแต่ละคน
พูดง่าย ๆ คือ เครดิตบูโรคือกระจกสะท้อนความรับผิดชอบทางการเงินของคุณ ถ้าคุณจ่ายหนี้ตรงเวลา สม่ำเสมอ กระจกบานนี้จะใสสะอาด แต่ถ้าเคยค้าง เคยล่าช้า รอยด่างนั้นจะสะท้อนอยู่ในระบบไปอีกหลายปี
Credit Score ตัวเลขที่บอกธนาคารว่าคุณน่าไว้ใจแค่ไหน
ตามภาษาศาสตร์ เฉพาะคำว่า Credit แปลว่า ความเชื่อถือ ความไว้วางใจ ชื่อเสียงเกียรติยศ ดังนั้นคะแนนเครดิตก็สะท้อนคุณค่าเหล่านี้ทั้งนั้นเลย
จากข้อมูลในเครดิตบูโร จะถูกนำไปคำนวณออกมาเป็นคะแนนเครดิตหรือ Credit Score คะแนนนี้เป็นตัวเลขเดียวที่ธนาคารใช้ประเมินว่า คุณมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ในอนาคตมากหรือน้อย
คะแนนยิ่งสูง หมายถึงคุณยิ่งน่าเชื่อถือ และนั่นแปลว่าประโยชน์ที่จะได้คือ “ขอกู้ผ่านง่ายขึ้น – ได้วงเงินสูงกว่า – ดอกเบี้ยถูกกว่า”
สำหรับนักลงทุนอสังหา นี่คือความต่างระหว่างซื้อได้ 1 ห้องกับซื้อได้ 3 ห้องด้วยต้นทุนที่เท่ากัน หรือไปจนถึงซื้อได้ หรือซื้อไม่ได้เลยทีเดียว อย่างที่คุณเห็นข่าวว่าธนาคารปฏิเสธการให้สินเชื่อกู้ซื้ออสังหา นั่นหมายความว่าคนที่ขอกู้เหล่านั้นอาจจะมี credit score ที่ไม่สวยงามในสายตาของธนาคารก็เป็นไปได้
แล้วอะไรบ้างที่ทำให้คะแนนเครดิตดีหรือแย่?
1. ประวัติการชำระหนี้: ชำระตรงเวลาคือหัวใจสำคัญ ถ้าจ่ายช้าเพียงไม่กี่ครั้ง คะแนนก็ร่วงได้มาก แนะนำว่าอย่าจ่ายช้าเด็ดขาดๆๆๆ
2. สัดส่วนหนี้ต่อวงเงิน: ใช้บัตรเครดิตเต็มวงเงินตลอด คือ ความเสี่ยงสูง พยายามใช้ไม่เกิน 30% ของวงเงินจะดีที่สุดm เพื่อแสดงว่าคุณมีนิสัยใช้จ่ายอย่างประมาณตน ไม่ overspending
3. อายุของประวัติเครดิต: ยิ่งมีประวัติยาวนานและดีต่อเนื่อง ยิ่งบ่งบอกถึงวินัยทางการเงิน ดังนั้นเราควรสร้างประวัติในเครดิตบูโรไว้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการทำงาน เช่น ช่วงแรกๆ ของชีวิตก็เริ่มสมัครบัตรเครดิตเอาไว้ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งจำเป็นก่อน อย่างค่าไฟฟ้า แต่อย่าเพิ่งเอาไปใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคแฟชั่นเพราะอาจจะมือเติบได้ พอบิลค่าบัตรเครดิตมาถึงก็จ่ายให้ครบ อย่าให้เป็นหนี้คงค้าง เพื่อจารึกประวัติการใช้เงินของคุณไว้ให้สวยงาม
4. ความหลากหลายของสินเชื่อ: เมื่อคุณมีรายได้มากขึ้น ถ้ามีทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อรถ แล้วบริหารได้ดี คะแนนจะดูดีขึ้นเพราะสะท้อนทักษะการบริหารจัดการเงินของคุณที่ดี
5. การขอสินเชื่อใหม่บ่อยเกินไป: ธนาคารมองว่าคุณอาจกำลัง “ขาดสภาพคล่อง” ซึ่งจะทำให้คะแนนลดลง และการมีบัตรเครดิตหลายๆ ใบธนาคารก็มองว่าคุณมีความเสี่ยงที่จะสามารถก่อหนี้ได้ง่ายขึ้นด้วย credit score อาจลดลงได้
มนุษย์เงินเดือนเริ่มต้น…จะสร้างเครดิตสวยงามได้ยังไง?
อย่ารอให้ถึงวันที่อยากซื้อบ้านแล้วค่อยเริ่มสร้างเครดิต เพราะตอนนั้นอาจ “สายเกินไป” เครดิตบูโรสะสมข้อมูลย้อนหลังได้ถึง 3 ปี ดังนั้นเริ่มวันนี้…ยิ่งเร็ว ยิ่งดี เพราะคุณก็ทราบดีว่า การลงทุนที่ได้เปรียบคือการลงทุนที่ศึกษามาดีและลงทุนเร็วกว่าดีกว่าลงทุนช้าตอนอายุมากๆ ไปแล้ว
1. เปิดบัตรเครดิตอย่างมีวินัย ใช้จ่ายเท่าที่จ่ายคืนได้เต็มจำนวนทุกเดือน อย่าชำระขั้นต่ำเป็นนิสัย และก่อนมีบัตรเครดิตควรมีนิสัยเก็บเงินออมให้ได้เท่ากับค่าใช้จ่ายต่อเดือนขั้นต่ำ 6 เดือนก่อน หมายความว่าถ้าตกงาน 6 เดือนจะยังมีเงินกินเงินใช้อยู่ได้
2. จ่ายหนี้ตรงเวลาเสมอ ตั้งระบบหักบัญชีอัตโนมัติหรือเตือนในมือถือไว้เลย อย่าให้พลาดแม้แต่เดือนเดียว อาจจะตั้งไว้ใน calendar ส่วนตัวก็ได้กันลืม
3. อย่าปิดบัญชีเก่าโดยไม่จำเป็น เพราะบัญชีที่มีประวัติดีเพราะมันคือหลักฐานความน่าเชื่อถือในระยะยาว ดังนั้นการเลือกบัตรเครดิตที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ให้ดีตั้งแต่ต้นจะได้เปรียบ จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ และคุณควรวิเคราะห์แต่ละธนาคารว่าธนาคารใดที่เหมาะสมกับการเป็น strategic partner กับคุณในระยะยาวก็จะทำให้ธนาคารรู้นิสัยคุณมาอย่างยาวนาน
4. อย่าขอกู้พร่ำเพรื่อ ทุกครั้งที่ยื่นขอสินเชื่อใหม่ ระบบจะบันทึกไว้ ถ้าบ่อยเกินไปอาจถูกมองว่าเสี่ยง
5. ตรวจเครดิตบูโรของตัวเอง เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และป้องกันปัญหาข้อมูลผิดพลาด แต่ไม่ต้องขอตรวจบ่อยก็ได้นะ
6. แยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีลงทุนให้ชัดเจน ถ้าคุณเริ่มลงทุนเล็ก ๆ แล้ว ควรแยกบัญชีเงินส่วนตัวออกจากบัญชีที่ใช้ลงทุน ธนาคารจะมองเห็นภาพการบริหารเงินที่เป็นระบบและมืออาชีพ
เพราะ “เครดิตดี” คือทุนเริ่มต้นของคนธรรมดาที่อยากรวยจากอสังหา
หลายคนเข้าใจผิดว่า การเป็นนักลงทุนอสังหาฯ ต้องเริ่มจากมีเงินก้อนโต แต่ความจริงแล้ว นักลงทุนตัวจริงจำนวนมากเริ่มต้นจากเครดิตดี มากกว่าแค่มีเงินเยอะ เพราะเงินเยอะไม่ได้หมายความว่าจะบริหารเงินเป็น
เครดิตดีเป็นเหมือนใบอนุญาตให้คุณเข้าถึง Other People’s Money หรือ OPM เงินของคนอื่น หรือที่นักลงทุนเรียกว่า Leverage นี่แหละ มันคือสินทรัพย์อีกรูปแบบที่มีค่าเป็นหลักล้านบาทได้โดยที่เราไม่ต้องมี
ทุนทรัพย์มากมาย แค่มีความรู้การเงินที่ดี คุณก็ใช้งานมันได้
ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีเงินเก็บแค่หนึ่งแสน แต่ถ้าคุณมีเครดิตดี ธนาคารอาจเปิดโอกาสให้คุณกู้เพิ่มได้อีกเป็นล้าน มันจะดีขนาดนั้นเลยเหรอ? เรื่องนี้ต้องหาคำตอบเอง
Credit score เป็นจุดเริ่มต้นของเกมการเงินที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์เล่นตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงาน




