The Last Home of the World พ่อเฒ่าแม่แก่ฝรั่งขายบ้านมาเกษียณสำราญในไทย : โอกาสใหม่และความท้าทายของเศรษฐกิจไทย

ต่อทอง ทองหล่อ 16 September, 2025 at 10.38 am

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้ยินข่าวอยู่เสมอว่า ผู้สูงอายุชาวอเมริกันและยุโรปจำนวนหนึ่งตัดสินใจขายบ้านที่ประเทศบ้านเกิด แล้วหอบเงินก้อนย้ายมาใช้ชีวิตบั้นปลายในประเทศไทย

ยกตัวอย่างชีวิตจริงของทั้ง 3 เคสนี้

เคสคู่สามีภรรยาชาวอเมริกันคู่หนึ่งขายทรัพย์สินจำนวนมากและย้ายไปอยู่ชุมชนที่เงียบสงบกว่าในปราณบุรี ประเทศไทย ค่าครองชีพรายเดือนของพวกเขาลดลงจากประมาณ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐอเมริกาหรือประมาณ 127,000 บาทไทย เหลือประมาณ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐในประเทศไทยหรือประมาณ 50,000 บาทไทยเท่านั้น

เคสผู้เกษียณอายุชาวออสเตรเลียที่อาศัยอยู่ในเชียงใหม่ด้วยเงินบำนาญรายปี (ประมาณ 18,000 ดอลลาร์สหรัฐ) สามารถเก็บออมรายได้ส่วนใหญ่ไว้ได้ เนื่องจากค่าที่อยู่อาศัย ค่าอาหาร และอื่นๆ ถูกกว่ามาก

เคสอดีตตำรวจฟลอริดาคนหนึ่ง ปัจจุบันอาศัยอยู่ในเชียงใหม่ เขาและภรรยากล่าวว่าค่าครองชีพของพวกเขาลดลงเหลือประมาณหนึ่งในสามของค่าครองชีพในสหรัฐอเมริกา หลังจากรวมค่าประกันสุขภาพและค่าใช้จ่ายพื้นฐานอื่นๆ

สาเหตุสำคัญที่ผู้สูงอายุวัยเกษียณเหล่านี้ย้ายมาพำนักที่ไทยก็ไม่ได้ซับซ้อนนัก เพราะค่าครองชีพในประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและยุโรปตะวันตกนั้นสูงขึ้นทุกปี ค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัย การรักษาพยาบาล และค่าดูแลระยะยาวเพิ่มขึ้นจนกระทั่งเงินบำนาญหรือเงินเก็บที่เคยคิดว่าเพียงพอกลับไม่เพียงพออีกต่อไป

ในทางตรงกันข้าม ประเทศไทยกลับมีข้อได้เปรียบหลายด้าน ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตถูกกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ในโลกตะวันตก จากข้อมูลของ Numbeo ในปี 2024 พบว่าค่าครองชีพในกรุงเทพฯ เฉลี่ยถูกกว่านิวยอร์กถึงเกือบ 50% โดยเฉพาะด้านอาหารและบริการด้านสุขภาพที่มีมาตรฐานสากลแต่ราคาย่อมเยากว่าหลายเท่า นอกจากนี้ยังมีสภาพภูมิอากาศอบอุ่น อาหารหลากหลาย วัฒนธรรมอ่อนโยน และบริการการแพทย์ที่มีชื่อเสียง จึงไม่น่าแปลกใจที่ไทยติดอันดับต้นๆ ของจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการเกษียณอายุของชาวต่างชาติ

จากรายงานของ International Living ในปี 2023 ประเทศไทยติดอันดับ 9 ของโลกในดัชนีจุดหมายปลายทางเกษียณ (Global Retirement Index) โดยเน้นว่ามีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของคู่สามีภรรยาสามารถอยู่ได้อย่างสะดวกสบายเพียงเดือนละราว 1,500–2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (48,000-64,000 บาท) ซึ่งต่ำกว่าค่าใช้จ่ายขั้นต่ำที่ต้องใช้ในเมืองใหญ่ของอเมริกาถึง 2 – 3 เท่า ความต่างนี้เองคือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผู้สูงอายุจากซีกโลกตะวันตกมองหาบ้านใหม่ที่ไทย

แต่เมื่อมองลึกลงไป ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้มีแค่ด้านดีอย่างเดียว หากเราพิจารณาแนวโน้มการสูงวัยของประชากรโลก สหประชาชาติคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 จะมีผู้สูงอายุเกิน 60 ปีมากกว่า 2,000 ล้านคนทั่วโลก และในสหรัฐอเมริกาเอง U.S. Census Bureau ประเมินว่าในปี 2030 จะมีผู้สูงอายุเกิน 65 ปีมากกว่า 70 ล้านคน ปัญหาการเงินไม่พอเลี้ยงตัวจึงไม่ใช่เรื่องเล็ก และการมองหาประเทศใหม่ที่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพโดยไม่ต้องแบกค่าใช้จ่ายมหาศาลจึงจะกลายเป็นเทรนด์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

สำหรับประเทศไทย เทรนด์นี้อาจสร้างโอกาสมหาศาลทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม หากรัฐไทยกล้าที่จะออกแบบนโยบายที่เปิดกว้างและชาญฉลาด เช่น ออกวีซ่าพิเศษสำหรับผู้สูงอายุชาวต่างชาติที่ต้องการมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่อย่างเป็นระบบ เปลี่ยนไทยให้เป็น “บ้านหลังสุดท้ายของชาวโลก (The last home of the world)” ภายใต้การจัดการที่รัดกุมและมีมาตรการรองรับที่เหมาะสม เราอาจสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่มีมูลค่าสูง ทั้งด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การแพทย์ระยะยาว ธุรกิจที่พักผู้สูงอายุ ไปจนถึงงานบริการด้านกิจกรรมและสังคมสำหรับผู้สูงวัยที่ยังคงแอ็กทีฟ

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายก็มีไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงผู้สูงอายุที่สุขภาพไม่แข็งแรง ต้องการการดูแลระยะยาว หรือแม้กระทั่งผู้ที่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ความเสี่ยงที่ลูกหลานต่างชาติอาจนำผู้เฒ่ามาทิ้งไว้โดยไม่รับผิดชอบเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างจริงจัง ประเทศไทยจำเป็นต้องออกแบบมาตรการป้องกันความเสี่ยง เช่น การกำหนดเงื่อนไขทางการเงิน การทำประกันสุขภาพระยะยาวที่บังคับ หรือข้อตกลงระหว่างประเทศในกรณีที่ผู้สูงอายุต้องการการส่งตัวกลับไปดูแลในประเทศต้นทาง

สิ่งสำคัญคือ ต้องมีระบบคัดกรองและกำกับดูแลที่โปร่งใส เพื่อป้องกันการกลายเป็นภาระของรัฐไทยเองในอนาคต ตัวอย่างที่น่าสนใจคือประเทศมาเลเซียมีโครงการ “Malaysia My Second Home (MM2H)” และ Malaysia PVIP (Premium Visa Programme) ซึ่งเป็นการออกวีซ่าระยะยาวสำหรับผู้ต่างชาติที่ต้องการมาเกษียณอายุในประเทศ โดยกำหนดเงื่อนไขทางการเงินชัดเจน เช่น รายได้ประจำขั้นต่ำ เงินฝากในธนาคาร และการซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุม ซึ่งช่วยให้ประเทศสามารถดึงดูดผู้สูงอายุที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจเข้ามาโดยไม่สร้างภาระทางสังคมมากเกินไป

หากไทยสามารถเรียนรู้จากกรณีศึกษาเหล่านี้ และออกแบบนโยบายให้สมดุลระหว่างการสร้างรายได้และการบริหารความเสี่ยง ก็อาจทำให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ที่ยั่งยืน และยังสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของไทยในฐานะศูนย์กลางสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพในระดับโลก

 

ตัวอย่างธุรกิจบ้านพักผู้สูงอายุในประเทศไทยที่เปิดดำเนินจริง จับตลาดกลุ่มชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่ได้เงินบำนาญหลังเกษียณอย่าง  Lanee’s Residenz ตั้งอยู่อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ แม้เป็นทำเลชนบทห่างไกลจากกรุงเทพ แต่กลับมีจุดเด่นที่น่าสนใจและตอบโจทย์ชาวยุโรปเพราะด้วยความเข้าใจถึง insight จริงของลูกค้า มีสถานที่พักให้เลือกทั้งแบบบังกะโลและห้องในโรงแรม ซึ่งแต่ละรูปแบบมีค่าใช้จ่ายและเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป โดยสำหรับผู้ที่ต้องการพักระยะยาว บังกะโลถือเป็นตัวเลือกหลัก ราคาเมื่อปี 2025 หากพักเพียงคนเดียวค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 42,000 บาทต่อเดือน และ 61,000 บาทต่อเดือนสำหรับการพักสองคน ในราคานี้ผู้เข้าพักจะได้รับอาหารครบสามมื้อทุกวัน พร้อมน้ำดื่ม การทำความสะอาดบังกะโลสัปดาห์ละครั้ง เปลี่ยนผ้าปูและผ้าเช็ดตัวใหม่ รวมถึงสิทธิ์นวดตัวหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ต่อคน อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ยังไม่ครอบคลุมค่าไฟ ค่าน้ำ อินเทอร์เน็ตส่วนตัว การเดินทาง หรือค่าอาหารและเครื่องดื่มที่อยู่นอกเหนือเมนูปกติ หากเลือกเข้าพักในรูปแบบโรงแรม จะมีค่าใช้จ่ายที่ยืดหยุ่นกว่า โดยห้องมาตรฐานคิดราคาที่ 1,200 บาทต่อคืน รวมอาหารเช้า หากต้องการรับประทานแบบเต็มทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 650 บาทต่อวัน นอกจากเรื่องที่พักและอาหารแล้ว Lanee’s Residenz ยังมีบริการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ที่ต้องการการช่วยเหลือเป็นพิเศษ โดยคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือนตามจำนวนชั่วโมงที่ต้องการดูแล หากเลือกแบบ Part-time 8 ชั่วโมงต่อวัน ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 12,500 บาทต่อเดือน หากต้องการ 16 ชั่วโมงต่อวันจะเพิ่มเป็น 25,000 บาทต่อเดือน และหากเลือกแบบ full-time ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันจะอยู่ที่ 37,500 บาทต่อเดือน อย่างไรก็ตาม ค่าดูแลเหล่านี้ไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านยา เวชภัณฑ์ การไปพบแพทย์ หรือบริการซักรีด

ภาพจากเว็บไซต์ https://www.lanee.ch/

รับชมวิดีโอเกี่ยวกับบ้านพักผู้สูงอายุชาวสวิสในไทยที่ลิงก์นี้ ในคลิปนี้พูดถึงโอกาสและอุปสรรคต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจบ้านพักผู้สูงอายุและเชื่อมโยงกับนโยบายของรัฐบาล  https://youtu.be/TUGYjDBcVvo?si=gH6yiFA171LET4o4&t=953

 

ท้ายที่สุด การทำให้ประเทศไทยกลายเป็นบ้านหลังสุดท้ายสำหรับผู้สูงวัยทั่วโลก ไม่ได้หมายถึงเพียงการดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการสร้างงานใหม่ในหลากหลายสาขา ตั้งแต่แพทย์ พยาบาล ผู้ดูแล ไปจนถึงธุรกิจบริการด้านสันทนาการ การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังอาจเป็นแรงกระตุ้นให้เราปรับปรุงระบบสวัสดิการผู้สูงอายุในประเทศให้ดีขึ้นด้วย เพราะเมื่อเราพร้อมดูแลผู้สูงวัยจากต่างแดน เราก็ควรพร้อมที่จะดูแลผู้สูงวัยไทยด้วยมาตรฐานเดียวกัน

ปรากฏการณ์พ่อเฒ่าแม่แก่จากอเมริกาหรือยุโรปที่ขายบ้านย้ายมาเกษียณในไทยจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นสัญญาณของอนาคตที่กำลังมาถึง หากไทยสามารถมองเห็นโอกาสนี้อย่างรอบด้าน พร้อมสร้างระบบป้องกันความเสี่ยงที่เข้มแข็ง ไทยเราอาจได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของผู้สูงอายุทั่วโลกที่อยากใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุขและมีคุณภาพ ครบวงจรตั้งแต่การเกษียณ การรักษา ไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งนั่นเท่ากับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างงานจำนวนมหาศาลที่จะเพิ่มขึ้น

 

สำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้ทักษะและทำธุรกิจทำงานในวงการดูแลผู้สูงอายุ ผู้เขียนขอแนะนำให้เริ่มต้นค้นหาข้อมูลด้วยคีย์เวิร์ดด้านล่างนี้ เพื่อให้ทำธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

– กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข

– หลักสูตรผู้ดำเนินการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง 130 ชั่วโมง (care manager) เหมาะสำหรับเจ้าของกิจการ หรือผู้ที่อยากจะรับจ้างเป็นผู้ดำเนินการฯ ตามศูนย์ดูแลผู้สูงอายุต่างๆ

– หลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ 420 ชั่วโมง (caregiver) เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประกอบอาชีพเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ

– กิจการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง

– สถาบันหรือโรงเรียนที่ผ่านการรับรองหลักสูตร https://esta.hss.moph.go.th/list_school_approve.php

 

ที่มาของข้อมูล:

https://www.businessinsider.com/left-america-to-retire-in-thailand-cost-of-living-safety-2025-8

https://www.businessinsider.com/retired-florida-cop-moved-to-chiang-mai-thailand-cheaper-safer-2024-10

https://youtu.be/TUGYjDBcVvo?si=gH6yiFA171LET4o4&t=953

https://www.lanee.ch/

ต่อทอง ทองหล่อ

ต่อทอง ทองหล่อ

บรรณาธิการสื่อเกี่ยวกับการศึกษา และ Blogger ผู้มีผลงานการวิเคราะห์ด้านอสังหาฯ มามากกว่าร้อยบทความ ยังเป็นผู้สนใจลงทุนคอนโดมิเนียม ชอบใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad รักการเดินเท้าและเลือกใช้ขนส่งมวลชนสำรวจความเปลี่ยนแปลงของทำเลสถานที่ผ่านมุมมองการเข้าใจมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็น Active Citizen ช่วยขับเคลื่อนพัฒนาเมืองผ่านงานเขียนและเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อมรัฐกับประชาชน เป้าหมายระยะยาวต้องการเห็นคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นของทุกคนในสังคม ติดตามผลงานได้ที่ https://matttortong.weebly.com

เว็บไซต์

นิว เรน แจ้งวัฒนะ

ศุภาลัย พรีเมียร์ ตากสิน - วงเวี...

โค้บบ์ ลาดพร้าว-สุทธิสาร

เอสซี แอสเสท ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูงและนวั...

22 September, 2025

ศุภาลัย เอลีท สุขุมวิท 39

"คอนโด High Rise ใหม่แบบ 2 ห้องนอนในย่านพร้อมพงษ์ ยั...

7 August, 2025

แอสปาย สุขุมวิท – พระราม 4

ASPIRE สุขุมวิท-พระราม 4 คือ คอนโดไฮบริดพร้อมอยู่ที่...

21 July, 2025

บางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ-ชัยพฤกษ์

มาพร้อมงานดีไซน์แบบใหม่ “Modern Simplicity ความเรียบ...

11 July, 2025

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง