ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผนึก เครือรพ.สมิติเวช เปิดเกมรุกขยายฐานลูกค้าใหม่ ชูกลยุทธ์ Cross-Industrial Collaboration มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าข้ามธุรกิจ ผสานค้าปลีก-สุขภาพ สร้างแบรนด์ผ่านคอนเทนต์ เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ #เราไม่อยากให้ใครป่วย
ท็อปส์ ธุรกิจกลุ่มฟู้ด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ดึงกลยุทธ์ Cross-Industrial Collaboration ขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรักสุขภาพ จับมือโรงพยาบาลสมิติเวช ผู้นำด้านการแพทย์และบริการสุขภาพระดับพรีเมียม มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าข้ามธุรกิจ โดยผู้ที่เข้ารับบริการ ณ โรงพยาบาลสมิติเวช จะได้รับคูปองส่วนลดที่ท็อปส์สำหรับใช้ทั้งหน้าร้านและออนไลน์มูลค่ารวม 350 บาท สำหรับลูกค้าท็อปส์ รับสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากโรงพยาบาลสมิติเวช ทั้ง7 สาขา อาทิ ส่วนลดค่าห้องพักสูงสุด 20%, แพ็กเกจสุขภาพราคาพิเศษ และ ค่ารถพยาบาลฉุกเฉิน กรณีเข้ารับการรักษาประเภทผู้ป่วยใน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียมผู้ใช้บริการของโรงพยาบาลสมิติเวชที่มีกำลังซื้อสูงและเติบโตต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าสร้างแบรนด์อิมเมจของท็อปส์ในฐานะ Food Destination ที่นำเสนอสินค้าคุณภาพมาตรฐานสูง ปลอดภัย ผ่านการสร้างสรรค์คอนเทนท์ไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพผ่านช่องทางสื่อสารลูกค้าของท็อปส์ ยกระดับแบรนด์ให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ด้านการดูแลรักษาสุขภาพของผู้บริโภค ลูกค้าท็อปส์และโรงพยาบาลสมิติเวช รับสิทธิพิเศษภายใต้โครงการความร่วมมือครั้งนี้ได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2568
นางพักร์วิมล สตะเวทิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายอีคอมเมิร์ซ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “เทรนด์การใส่ใจสุขภาพหรือ Preventive Health & Wellness กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ผู้บริโภคเกือบทุกกลุ่มให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในจำนวนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่การรักษาเมื่อเจ็บป่วย แต่ยังรวมถึงการป้องกันล่วงหน้า ดังนั้น การเลือกซื้อสินค้าเพื่อการบริโภคอย่างใส่ใจในชีวิตประจำวัน จึงมีความสำคัญต่อผู้บริโภคยุคใหม่ เทรนด์ดังกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสและกลยุทธ์ของท็อปส์ในการขยายตลาดไปสู่กลุ่มคนรักสุขภาพ ผ่านการทำโปรโมชันแบบข้ามธุรกิจกับสายบริการด้านสุขภาพระดับพรีเมียม โดยจับมือกับผู้นำในตลาดอย่างโรงพยาบาลสมิติเวช ที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ สอดคล้องกับโปรไฟล์ของกลุ่มลูกค้าหลักของท็อปส์ทั้งในช่องทางหน้าร้านและออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นด้านไลฟ์สไตล์ พฤติกรรมการบริโภค หรือกำลังซื้อ
นอกจากนี้ ความร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวชในครั้งนี้ ยังถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของเราในการนำแบรนด์ท็อปส์ให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคผ่านการพัฒนาวิดีโอคอนเทนต์ร่วมกันระหว่างท็อปส์กับโรงพยาบาลสมิติเวช ที่เชื่อมโยงเรื่องราวสินค้าอาหารคุณภาพของท็อปส์กับความรู้ด้านโภชนาการอาหารที่นำเสนอผ่านสื่อช่องทางต่างๆ ของท็อปส์ ถือเป็นการเสริมภาพลักษณ์ของท็อปส์ในฐานะ Food Destination ที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้ และสามารถสื่อสารแนวคิดเรื่องสุขภาพให้อยู่ในทุกประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ท็อปส์ได้อย่างกลมกลืน”
ด้าน พญ. ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล รองผู้อำนวยการ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท และ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ ในฐานะโรงพยาบาลสมิติเวช เราเชื่อมั่นว่าการดูแลสุขภาพที่แท้จริงนั้นเริ่มต้นตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเรื่องของการบริโภคอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และเหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน รวมถึงการออกกำลัง และการตรวจสุขภาพแต่ละช่วงวัย เพราะสุขภาพที่ดีไม่ใช่เพียงการไม่มีโรค แต่คือความสมดุลทั้งร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เราจึงให้ความสำคัญกับแนวคิด Prevention หรือการป้องกันก่อนเกิดโรค #เราไม่อยากให้ใครป่วย ซึ่งกลายเป็นวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว
ความร่วมมือกับท็อปส์ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการจับมือกันระหว่างสองแบรนด์ แต่คือการผสานระหว่างภาคการแพทย์ระดับพรีเมียมกับธุรกิจค้าปลีกคุณภาพ เพื่อร่วมกันส่งเสริมให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสุขภาพที่ดีได้ในทุกมิติ และครอบคลุมวงกว้าง โดยลูกค้าท็อปส์ รับสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เมื่อเข้ารับบริการโรงพยาบาลสมิติเวช ทุกสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล อาทิ ส่วนลดค่าห้องพัก 20%, แพ็กเกจสุขภาพราคาพิเศษ และค่ารถพยาบาลฉุกเฉิน กรณีเข้ารับการรักษาประเภทผู้ป่วยใน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นต้น
เรามองว่าท็อปส์ไม่ใช่แค่ซูเปอร์มาร์เก็ต แต่คือ Food Destination ที่สะท้อนแนวคิด ‘สุขภาพดี เริ่มต้นที่บ้าน’ ได้อย่างชัดเจน เมื่อจับคู่กับบริการของสมิติเวชซึ่งเน้นดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม ก็จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ได้รับประโยชน์แบบ 360 องศา ทั้งในด้านการใช้ชีวิต การเลือกบริโภค และการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ เราหวังว่าแคมเปญนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายสุขภาพที่แข็งแรงในสังคมไทย”