AWC ลงเสาเอก “โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์” อนุรักษ์และพลิกโฉม “เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น” และถนนทรงวาด เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก
– AWC ลงเสาเอกเริ่มก่อสร้าง “โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์” ภายใต้โครงการ AWC River Journey Project ผสานความหรูหราของการบริการระดับโลกเข้ากับการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น และย่านทรงวาด
– เริ่มต้นอย่างเป็นสิริมงคลด้วยพิธีสวดถวายบูชาองค์เจ้าแม่หม่าโจ้วในอาคารเก่าแก่ของ เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น ร่วมกับชุมชน ด้วยความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูสถานที่ประวัติศาสตร์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นและการสืบสานคุณค่าให้คนรุ่นหลัง
– ครอบคลุมพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ออกแบบตามปรัชญาหยิน-หยาง สร้างความสมดุลระหว่างพลังงานและจิตวิญญาณผ่านมรดกสถาปัตยกรรมไทย-จีนสมัยศตวรรษที่ 19 และอาคารใหม่ร่วมสมัยสูง 20 ชั้น พร้อมบริการเรือไฟฟ้าเพื่อการเดินทางอย่างไร้รอยต่อ กำหนดเปิดให้บริการในปี 2571
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ด้วยความร่วมมือกับแมริออท อินเตอร์เนชันแนล สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของบริษัทในการเริ่มต้นการก่อสร้าง “โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์” (The Ritz-Carlton Bangkok, The Riverside) ซึ่งจะอนุรักษ์และสร้างสรรค์แหล่งมรดกวัฒนธรรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่าง “เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น” รวมไปถึงพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณถนนทรงวาด โดยพิธีลงเสาเอกนี้จัดขึ้นใกล้กับศาลเจ้าแม่หม่าโจ้วอันศักดิ์สิทธิ์ ประกอบด้วยพิธีสักการะบูชาตามประเพณีเพื่อถวายแด่องค์เจ้าแม่หม่าโจ้ว อันเป็นการเริ่มต้นที่เป็นสิริมงคลแก่ชุมชนและแสดงความเคารพต่อมรดกทางจิตวิญญาณของสถานที่ โดยโครงการดังกล่าวมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2571 และจะถูกพัฒนาให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (The Integrated Wellness Destination) และศูนย์กลางด้านการบริการลักชัวรีครบวงจรระดับโลก ครอบคลุมทั้งห้องอาหารชั้นนำและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับชุมชนอย่างลึกซึ้ง เพื่อร่วมสร้างคุณค่าในระยะยาวผ่านจุดหมายปลายทางที่สะท้อนการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมอย่างโดดเด่น พร้อมส่งเสริมบทบาทของกรุงเทพฯ ในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า “AWC ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับแมริออท อินเตอร์เนชันแนล เพื่อนำแบรนด์เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับอัลตร้าลักชัวรีที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาสู่จุดหมายปลายทางที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมแห่งนี้ การลงเสาเอกโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์ ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ AWC ในการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างคุณค่าในระยะยาวผ่านการพัฒนาโครงการคุณภาพ เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่พลิกโฉมการพักผ่อนในเมืองให้เป็นรีสอร์ตระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน การพัฒนาโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการอนุรักษ์มรดกไทย-จีนอันล้ำค่าของเดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น และศาลเจ้าแม่หม่าโจ้วเท่านั้น แต่ยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของภาครัฐในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยผ่านการสร้างแลนด์มาร์กด้านไลฟ์สไตล์ระดับโลก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลกมาสู่ประเทศไทย นอกจากนี้ โครงการยังเชื่อมต่อเส้นทางการเดินทางผ่านโครงการ AWC River Journey Project ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำที่เชื่อมโยงแลนด์มาร์กทางวัฒนธรรมริมสายน้ำเจ้าพระยา อาทิ ถนนทรงวาด เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ปากคลองตลาด และโครงการในอนาคตอย่างเวิ้งนครเกษม เยาวราช เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในย่านไทย-จีนของกรุงเทพฯ อย่างยั่งยืน”
“แมริออท อินเตอร์เนชันแนล เชื่อว่าการบริการระดับลักชัวรีอยู่ที่การให้คุณค่ากับมรดกทางวัฒนธรรมควบคู่ไปกับการนำนวัตกรรมมาปรับใช้อย่างสมดุล ซึ่งความร่วมมือของเรากับ AWC ในการพัฒนา โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์ ถือเป็นตัวอย่างที่สะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างชัดเจน” มร. แบรด เอ็ดแมน รองประธานกรรมการประจำประเทศไทย กัมพูชา และเมียนมา แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว “การพลิกโฉม เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น ซึ่งเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกด้านสุขภาพและวัฒนธรรม ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์มรดกไทย-จีน พร้อมการเสริมสร้างบทบาทของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางชั้นนำระดับโลก โครงการนี้ถือเป็นแบบอย่างของการท่องเที่ยวยั่งยืนที่ผสานการอนุรักษ์วัฒนธรรม การมีส่วนร่วมของชุมชน และมาตรฐานการบริการระดับสากลเข้าไว้ด้วยกันเพื่อสร้างประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ให้แก่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก”